รีวิวกักตัว 14 วันที่เกาหลี: แชร์วิธีการเตรียมตัว & ประสบการณ์ฉบับนักเรียนทุนรัฐบาลเกาหลีใต้

อันยองชาว Dek-D ทุกคนครับ ก่อนหน้านี้พี่วินได้มีสัมภาษณ์ ‘พี่เฌอแตม’ ในบทความ ‘เล่าเส้นทางจากเด็กเอกจีนสู่เด็กทุนรัฐบาลเกาหลี(ป.โท) ที่ Hongik University’ กันไปแล้ว และวันนี้ก็มีโอกาสได้พูดคุยกับเจ้าของเรื่องดังกล่าวอีกครั้งหลังจากได้บินตรงไปเรียนที่เกาหลีเรียบร้อย วันนี้เลยจะพาเจ้าตัวมาแชร์ประสบการณ์ทั้งพาร์ตเตรียมตัวก่อนบินและชีวิตช่วงกักตัว บอกเลยว่าละเอียดมากกก

ก่อนอื่นขออัปเดตสถานการณ์ในเกาหลีช่วงนี้สักหน่อย ถึงแม้ว่าผู้คนจะใช้ชีวิตได้ค่อนข้างปกติ นั่งกินอาหารในร้านได้ แต่รวมๆ แล้วสถานการณ์ยังถือว่าไม่ค่อยดีมากเท่าไหร่ เวลาไปไหนมาไหนยังต้องสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง กิจกรรมใหญ่ๆ ยังไม่สามารถจัดได้ การเรียนการสอนยังเป็นรูปแบบออนไลน์ ส่วนกรณีเดินทางข้ามต่างจังหวัดจะต้องทำ PCR Test เพื่อตรวจเชื้อก่อน และสำหรับนักศึกษาที่เดินทางไปเรียนต่อนั้นจะต้องกักตัวทุกกรณี อย่างพี่เฌอแตมก็เพิ่่งผ่านการตัวครบ 14 วันมาหมาดๆ จะมีเรื่องอะไรที่ควรรู้บ้าง ตามมาอ่านกันต่อเลย!

การเตรียมตัวก่อนไปเกาหลี

 หลังจากที่ประกาศผลรอบสุดท้าย ทางเกาหลีจะติดต่อมาว่าจะให้บินช่วงไหน และขอข้อมูลจากเราเพื่อออกใบเชิญเข้าเกาหลีให้ หลังจากนั้นเราจะต้องติดต่อกับสถานทูตเพื่อขอวีซ่า ทีนี้เรื่องของเรื่องคือปกติจะต้องจองคิวล่วงหน้าหนึ่งเดือน แต่ว่าหลังจากที่เรารู้ว่าได้ทุน เวลาก็เหลือไม่ถึงเดือนแล้ว เราเลยต้องไปต่อรองกับสถานทูตว่าทำไมต้องรีบขอวีซ่า ขั้นตอนนี้ไม่ได้ยากมาก ขอแค่มีเหตุผลที่ดีและเอกสารที่สามารถใช้ยื่นเป็นหลักฐานได้เช่น Certificate of Admission หรือถ้าทางมหาวิทยาลัยยังไม่ส่งให้ (แบบเรา) ก็สามารถยื่นใบเชิญเข้าเกาหลีได้เหมือนกัน แนะนำว่าหลังจากที่ได้วีซ่าแล้ว ควรจะเช็กข้อมูลให้ดีๆ และรีบแจ้งเขาในกรณีที่ข้อมูลไม่ถูกต้อง

สำหรับข้าวของ แนะนำว่าให้เตรียมไปเยอะกว่าปกติ เพราะตอนกักตัวเราออกจากห้องไปซื้อของไม่ได้ นอกจากนี้ถึงแม้ว่าค่าเงินวอนของเกาหลีจะต่ำกว่าบาทของไทย แต่ว่าที่นั่นค่าครองชีพสูงกว่า ของหลายอย่างที่เกาหลีเลยแพงกว่าของไทย อย่างเช่นผ้าอนามัย ปกติซื้อที่ไทยตกห่อละ 50 บาท แต่ที่เกาหลีห่อละ 200 บาท ยาก็เป็นอีกอย่างที่ควรเตรียมไปด้วย เพราะว่าเภสัชที่เกาหลีจะไม่จ่ายให้เราง่ายๆ

เรื่องเงินก็สำคัญมากเหมือนกัน ก่อนไปเช็กให้เรียบร้อยว่าบัญชีและบัตรเราสามารถกดข้ามประเทศหรือโอนจากไทยได้มั้ย ถึงเราจะเป็นนักเรียนทุน แต่กว่าเงินจะเข้าก็คือปลายเดือนแรกที่เราเริ่มเรียนเลย อย่างเราเดินทางถึง 1 สิงหาคม เริ่มเรียนกันยายน แต่เงินเข้าตอนปลายเดือนกันยายนเลย

ขั้นตอนตั้งแต่ลงเครื่องจนถึงการกักตัว

ก่อนลงเครื่องจะมีเอกสารมาให้เรากรอก พอถึงตอนลงเครื่อง เราจะต้องผ่านด่านตวรจทั้งหมด 5 ด่านค่ะ

  1. ด่านแรกเขาจะขอผลตรวจโควิดแบบ PCR Test เท่านั้น แปลว่าเราต้องต้องมีผลตรวจนี้ก่อนขึ้นเครื่อง และควรครอบคลุม 72 ชั่วโมงหลังถึงเกาหลี
  2. จากนั้นเราจะต้องดาวน์โหลดแอปเพื่อคอยรายงานอุณหภูมิช่วงกักตัว พอโหลดแล้วก็จะต้องเข้าไปกรอกข้อมูลในนั้น เช่น ชื่อ ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ // ถ้าใครทำไม่เป็นก็จะมีเจ้าหน้าที่คอยช่วยเหลือเรา
  3. ถัดมาจะเป็นโต๊ะโทรศัพท์ พนักงานจะเช็กเบอร์ที่เรากรอกว่าโทรติดหรือไม่ อย่างของเราจะมีเจ้าหน้าที่มหาวิทยาลัยที่ดูแลนักเรียนนอกคอยดูแลอยู่ ก็สามารถกรอกเบอร์เขาไปได้เลย แต่สำหรับใครที่มาเองก็อาจจะต้องเปิด SIM เอง
  4. ด่านนี้เป็นการเช็กวีซ่าของเราและเซ็นสัญญาเกี่ยวกับการกักตัว
  5. ปิดท้ายด้วยด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) เหมือนเดินทางไปต่างประเทศตามปกติ

พอผ่านครบ 5 ด่านแล้วก็ไปรับกระเป๋าจากสายพานเพื่อเอาไปสแกนต่อที่ด่านศุลกากรถึงจะสามารถออกมาข้างนอกได้ (ปกติไม่จำเป็นต้องไปตรวจ แต่เพราะสถานการณ์โควิดเขาเลยบังคับ) ตอนที่เราออกมาจากสนามบินก็จะมีเจ้าหน้าที่ถามว่าเราจะไปไหน ซึ่งปกติเค้าจะมีรถที่ทางสนามบินบริการให้เรา แต่อย่างเรามาในฐานะนักเรียนทุน ทางมหาวิทยาลัยก็เลยส่งรถมารอรับ หลังจากเคลียร์กับเจ้าหน้าที่แล้วก็ไปได้เลย

อันนี้ขอแนะนำอีกนิดว่า น้องๆ ควรเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อยเพราะหลังออกจากสนามบิน เขาจะพาเราไปศูนย์ตรวจสุขภาพก่อนที่จะกักตัว โดยที่เราจะไม่ได้เข้าห้องน้ำและเจอผู้คนอีกเลย และเมื่อไปถึง เขาก็จะให้เราเซ็นเอกสารเพื่อตรวจโควิด ซึ่งผลตรวจจะออกในวันถัดไป ถ้าไม่ติดก็สามารถเข้าไปกักตัวได้ แต่ถ้าติดก็จะได้รับการรักษาเลย

รีวิว 14 วันแห่งการกักตัวแบบละเอียดยิบ

เล่าก่อนว่าคนที่จะมาที่นี่เขาจะถือว่าทุกคนยังไม่ได้รับการฉีดและจะต้องกักตัวทุกกรณี หลังจากกักตัวครบ 14 วันแล้วค่อยมาเช็กว่าฉีดอะไรไปแล้วบ้าง

เรากักตัวที่หอของมหาวิทยาลัยก็เลยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ (บางม.อาจให้ไปกักตัวที่โรงแรม นักเรียนก็ต้องออกค่าใช้จ่ายเองบางส่วน) อย่างของเรา ก่อนเข้ารับการกักตัวเขาจะให้เซ็นสัญญาว่าจะไม่ออกจากห้อง ถ้าผิดสัญญาจะโดนตัดสิทธิ์ทุนเลยค่ะ พอเข้าห้องไปก็จะมีถุงยังชีพให้สองถุง ถุงแรกเป็นพวกเครื่องอุปโภคเช่น สบู่ แชมพู ผ้าเปียก กระดาษทิชชู่ ส่วนอีกถุงนึงเป็นขนมและน้ำต่างๆ ซึ่งน้ำดื่มเราสามารถขอได้เรื่อยๆ นอกจากนี้ในห้องก็จะมีถุงขยะ 3 สีมาให้เราพร้อมสอนวิธีการแยกขยะ

ต้องบอกว่าที่เกาหลีนั้นจริงจังกับการแยกขยะมากกกก สีชมพูไว้สำหรับใส่เศษอาหาร (แนะนำว่าช่วงกักตัวพยายามกินข้าวให้หมดเพราะว่าเขาจะไม่มาเก็บขยะเลยจนกว่าจะครบ 14 วัน) สีเขียวไว้สำหรับทิ้งขยะทั่วไป ส่วนสีฟ้าเรายังงงๆ อยู่ว่ามันไว้ทำอะไรกันแน่ เขาบอกว่าให้เอาถุงสีเขียวไปใส่ไว้ในถุงสีฟ้า หลักๆ ก็คือต้องแยกเศษอาหารออกจากขยะทั่วไป

อ่านเพิ่มเรื่องการแยกขยะ

เรื่องอาหารการกิน

ก่อนอื่นเจ้าหน้าที่จะทำ survey มาให้เราระบุว่าเราแพ้อาหารอะไรบ้างมั้ย ซึ่งเราไม่มีปัญหาค่ะ ในแต่ละมื้อเขาจะมาเคาะประตูเพื่อเอาอาหารมาให้ หน้าตาอาหารก็จะเป็นแบบ omakase หรือ ‘ตามใจเชฟ’ (จริงๆ ก็คือเป็นข้าวกล่องที่จัดมาให้นั่นแหละ อาจจะมีเครื่องเคียง ขนมและนมมาให้) ซึ่ง portion อาหารเยอะมากกก แนะนำว่าควรกินให้หมด และให้เอาน้ำยาล้างจานกับฟองน้ำติดตัวไปด้วยเพื่อล้างกล่องอาหาร จะได้ไม่เหลือเศษอาหารที่อาจส่งกลิ่นเหม็นในวันถัดไป

ข้อปฏิบัติในช่วงกักตัว

ทุกๆ วันเขาจะให้เราคอยวัดไข้เช้าเย็นและอัปเดตข้อมูลในแอปที่โหลดไปเมื่ออยู่สนามบิน ซึ่งเวลาที่วัดก็ยืดหยุ่นพอสมควร อย่างเช้าก็คือครอบคลุมตั้งแต่เที่ยงคืนถึงเที่ยงวัน ส่วนช่วงเย็นก็ครอบคลุมเที่ยงวันถึงเที่ยงคืน และต้องอยู่แต่ในห้องเท่านั้น ห้ามออกไปไหน เดี๋ยวจะผิดสัญญาที่เซ็นไว้ค่ะ

กว่าจะผ่านไปแต่ละวันมันก็ค่อนข้างนาน เราใช้เวลาแต่ละวันทำอะไรบ้าง

จริงๆ กิจวัตรประจำวันก็ไม่ค่อยต่างจากตอนที่อยู่ไทยเท่าไหร่เพราะออกไปไหนไม่ได้เหมือนกัน และด้วยความที่ว่าเราอยู่คนเดียวเก่ง ก็เลยไม่ค่อยมีปัญหาหรือรู้สึกว่าวันๆ นึงมันจะนานอะไรขนาดนั้น ช่วงกักตัวแต่ละวันก็กินข้าว คุยกับเพื่อนๆ ที่ไทย หาอะไรดูไปเรื่อยๆ (หา)ทำคอนเทนต์ แต่ก็จะมีกิจวัตรประจำวันเพิ่มขึ้นมาก็คือการถูห้องและซักผ้า และที่บ้านเองก็ request ว่าให้ทำเพจลงคอนเทนต์อัปเดตชีวิตด้วย เราก็เลยสร้างเพจ Ordinary JET ขึ้นมา (เข้าไปกดติดตามกันได้นะคะ ขายตรงนี้เลย)

ความรู้สึกของการกักตัว

มันก็เบื่อแหละแต่ว่าก็ดีที่ว่าเหมือนได้ reset นาฬิกาชีวิตใหม่ ที่ผ่านมามันค่อนข้างเหนื่อยทั้งจากเรื่องเรียนและเรื่องการยื่นทุน แต่ตอนนี้รู้สึกว่าได้พักผ่อน อยู่กับตัวเองเงียบๆ ได้ตกตะกอนอะไรหลายๆ อย่าง แต่ตอนกำลังจะออกจากหอกลับรู้สึกหวั่นใจ เป็นเพราะว่าตอนอยู่ไทยเราแทบไม่ได้ออกจากบ้านเลย skill ในการเข้าสังคมเริ่มลดลง ยิ่งมาอยู่เกาหลีแล้วต้องเจอผู้คนใหม่ๆ ก็เลยกลัว สำหรับใครที่กำลังจะไปเรียนต่อและต้องกักตัวเหมือนเรา แนะนำว่าอย่าไปคิดว่าเหลือเวลาอีกกี่วัน พยายามหาอะไรทำไปเรื่อยๆ แล้วเดี๋ยวเวลามันก็จะผ่านไปของมันเอง

ชีวิตหลังกักตัว

หลังพ้นช่วงกักตัว เราได้ทำอะไรเป็นอย่างแรก?

 ก่อนออกจากหอ เราจะต้องไปตรวจโควิดอีกครั้ง ถ้าผลตรวจออกมาว่าไม่ติดก็จะได้ย้ายไปหอพักสำหรับนักศึกษาจริงๆ ซึ่งพอย้ายข้าวของเสร็จอย่างแรกที่ทำเลยคือไปซื้อซิมโทรศัพท์ เอาจริงๆ แล้วแนะนำให้ทำมากๆ เพราะต้องใช้เบอร์โทรศัพท์ในการเข้าออกสถานที่ (เหมือนไทยชนะบ้านเรา) และถ้าสำหรับใครที่ต้องจองวัคซีนเอง ก็ต้องใช้เบอร์โทรศัพท์เหมือนกัน แต่ว่าตอนนี้เราซื้อซิมถาวรไม่ได้เพราะเรายังไม่มี ARC card ซึ่งเป็นบัตรสำหรับชาวต่างชาติ ก็เลยได้แค่ซิมชั่วคราวที่สามารถใช้ passport เปิดได้

นักเรียนต่างชาติจะได้ฉีดวัคซีนฟรีมั้ย?

สำหรับวัคซีนที่เกาหลีจะมีแค่ Pfizer, Moderna สำหรับคนทั่วไป และ AstraZeneca สำหรับคนที่อายุ 50 ปีขึ้นไป โดยก่อนฉีดจะต้องแจ้งเขาว่าก่อนหน้านี้เราเคยรับวัคซีนอะไรไปแล้วบ้าง // ตอนนี้ทุกคนทั้งคนในประเทศหรือต่างชาติจองคิววัคซีนได้แล้วค่ะแต่ของเราทางมหาวิทยาลัยบอกว่าจะจองให้

สิ่งที่ประทับใจในเกาหลีและอยากให้ประเทศไทยมีเหมือนกันบ้าง

  • เราชินกับการคอยไถตามข่าวจาก Twitter แต่พอไปถึงที่เกาหลี ทางรัฐบาลจะมี message แจ้งเตือนทางมือถือตลอดเวลาเลยว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องโควิด ไฟไหม้พายุเข้า หรือว่าอาชญากรรม
  • การคมนาคมของเขาดีมากๆ ถึงแม้ว่าจะเป็นเมืองต่างจังหวัด แม้แต่ต่างจังหวัดยังมีรถบัสวิ่งรอบเมือง
  • บ้านเมืองสะอาดน่าอยู่ ร่มรื่นและปลอดภัยสูงมาก
  • เมืองที่เราไปอยู่ตั้งบนภูเขา ทำให้ทางเท้าไม่ถึงกับเรียบ แต่ก็ไม่ใช่เพราะอิฐบล็อกไม่เท่ากันแบบบ้านเรา

สิ่งที่ทำให้เราประหลาดใจ

  • ถุงดำ ปกติบ้านเราถุงดำมีไว้สำหรับใส่ขยะ แต่ที่เกาหลีเขาใส่ทุกอย่างแม้แต่อาหาร
  • ขนาดสินค้าตามร้านขายของ ที่นี่จะขายของ portion ใหญ่มาก อย่างสบู่อาบน้ำ ซอสถั่วเหลืองขนาดแบบ 5 บาท 10 บาทไม่มี ขายที่ลิตรนึงจ้า ข้าวจานละ 30-40 บาทไม่มี เริ่มต้นที่ 100 บาทเลย แต่ก็ให้เยอะมากเหมือนกัน เยอะยันเครื่องเคียง
  • ราคาของบางอย่างก็ต่างจากที่ไทยพอสมควร เลยต้องคอยจดว่าสินค้าที่นี่ราคาเท่าไหร่บ้าง

............

สุดท้ายนี้ก็ขอให้สถานการณ์โควิดดีขึ้นเร็วๆ จะได้ใช้ชีวิตง่ายขึ้น ค่าใช้จ่ายจะได้ลดลง ส่วนใครมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการยื่นทุนและชีวิตที่เกาหลี ก็สามารถถามเข้ามาได้เลยที่เพจ Ordinary JET ค่ะ

ขอขอบคุณภาพจากเจ้าของเรื่องและเพจ Ordinary JET ครับ

พี่วิน
พี่วิน - Columnist Sentio amorem, ergo sum.

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด