เด็กมหา'ลัย อย่าหาทำ เสี่ยงโดนไล่ออก! การคัดลอกผลงานผู้อื่นร้ายแรงถึงขั้นผิดกฎหมาย

สวัสดีน้อง ๆ ชาว Dek-D เฟรชชี่หน้าใหม่ทุกคนค่ะ ใครเคยลอกการบ้าน ลอกงานเพื่อนสมัยมัธยมบ้างคะ แต่ขอเตือนไว้ก่อน! พอน้อง ๆ ขึ้นมหา’ลัยแล้ว อย่าหาทำอีกเด็ดขาด เพราะการลอกงานส่งอาจารย์ก็เหมือนหาเรื่องใส่ตัวเปล่า ๆ วันนี้พี่ ๆ ชาว Dek-D จะพาทุกคนไปเจาะลึกการคัดลอกผลงานผู้อื่น (Plagiarism) ว่าร้ายแรงยังไง พร้อมกับวิธีหลีกเลี่ยงค่ะ

เด็กมหา'ลัย อย่าหาทำ เสี่ยงโดนไล่ออก! การคัดลอกผลงานผู้อื่นร้ายแรงถึงขั้นผิดกฎหมาย
เด็กมหา'ลัย อย่าหาทำ เสี่ยงโดนไล่ออก! การคัดลอกผลงานผู้อื่นร้ายแรงถึงขั้นผิดกฎหมาย

เด็กมหา'ลัย อย่าหาทำ เสี่ยงโดนไล่ออก! การคัดลอกผลงานผู้อื่นร้ายแรงถึงขั้นผิดกฎหมาย

ชิ้นงานในมหาวิทยาลัย ทำไมต้องทำเอง

ชิ้นงานมัธยมอาจจะมีแค่ทำการบ้านหรือทำรายงานนิดหน่อย แต่มหา’ลัยจะมีงานหลากหลายรูปแบบกว่ามาก ไม่ว่าจะเป็นการบ้าน รายงาน โปรเจกต์ งานวิจัย วิทยานิพนธ์ ฯลฯ ขึ้นอยู่กับคณะและสาขาที่เรียน 

จะเห็นได้ว่า ชิ้นงานในมหา’ลัยนั้นแตกต่างจะชิ้นงานสมัยมัธยมอย่างสิ้นเชิง ทั้งความซับซ้อนและความลึกของเนื้อหา รวมถึงการวิเคราะห์และการประยุกต์ใช้ ทำให้เราต้องสืบค้นจากแหล่งข้อมูลที่หลากหลายเพื่อประกอบการทำชิ้นงาน เช่น งานวิจัย บทความวิชาการ หนังสือ ข้อมูลออนไลน์ เป็นต้น 

จุดมุ่งหมายของชิ้นงานมหาวิทยาลัย

  • เพื่อประเมินความรู้และความเข้าใจในวิชาที่เรียน
  • เพื่อพัฒนาความสามารถในการวิเคราะห์และการประยุกต์ใช้
  • เพื่อพัฒนาทักษะการเขียนและการสื่อสาร
  • เพื่อพัฒนาทักษะด้านอื่น ๆ  เช่น ความคิดสร้างสรรค์  การทำงานเป็นทีม ฯลฯ

ดังนั้นการทำงานด้วยตนเองเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้นิสิต/นักศึกษาพัฒนาทักษะและความสามารถที่จำเป็นสำหรับการทำงานและการใช้ชีวิตในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

การคัดลอกผลงานผู้อื่น (Plagiarism) คืออะไร

สำนักงานราชบัณฑิตยสภาบัญญัติศัพท์ Plagiarism ไว้ว่า “การโจรกรรมทางวรรณกรรม”  “การลอกเลียนวรรณกรรม” หรือ “การลอกเลียนข้อมูลวิชาการ” หมายถึง การนำผลงานหรือความคิดของคนอื่นมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ให้เครดิตกับเจ้าของผลงานอย่างถูกต้อง 

ตัวอย่างการคัดลอกผลงานผู้อื่น

  • คัดลอกข้อความบางส่วนหรือทั้งหมด โดยไม่ใส่อ้างอิง
  • คัดลอกไอเดีย แนวคิด ทฤษฎีผู้อื่น โดยไม่ให้เครดิต
  • ทำซ้ำหรือดัดแปลงผลงานผู้อื่นแล้วอ้างว่าเป็นของตัวเอง
  • การแปลข้อความจากภาษาหนึ่งมาเป็นภาษาอื่นแล้วนำมาใช้โดยไม่ใส่อ้างอิง

การคัดลอกผลงานผู้อื่น (Plagiarism) ร้ายแรงยังไง

การคัดลอกผลงานผู้อื่น (Plagiarism) มีผลกระทบทางกฎหมาย “การละเมิดลิขสิทธิ์” และจริยธรรมทางวิชาการ และสามารถส่งผลให้ถูกลงโทษทางกฎหมายหรือทางวิชาการได้

กรมทรัพย์สินทางปัญญา ระบุว่า

  •  การละเมิดลิขสิทธิ์โดยตรง มีโทษปรับตั้งแต่ 20,000 บาท ถึง 200,000 บาท หากเป็นการกระทำเพื่อการค้า มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 4 ปี หรือปรับตั้งแต่ 100,000 บาท ถึง 800,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
  •  การละเมิดลิขสิทธิ์โดยอ้อม มีโทษปรับ​ตั้งแต่ 10,000 บาท ถึง 100,000 บาท หากเป็นการกระทำเพื่อการค้า มีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 2 ปี หรือปรับตั้งแต่ 50,000 บาท ถึง 400,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับลิขสิทธิ์เพิ่มเติมได้ที่  คลิก

โทษสำหรับนิสิต/นักศึกษาที่คัดลอกผลงานผู้อื่น ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของแต่ละกรณี

  • ถูกปรับตกในวิชา มีผลต่อเกรดเฉลี่ยและการสำเร็จการศึกษา
  • ถูกพักการเรียน มีผลต่อการเรียนและแผนการศึกษา
  • ถูกไล่ออกจากสถาบัน มีผลกระทบอย่างรุนแรงต่ออนาคต
  • ระบุความผิดในใบแสดงผลการศึกษา  ทำให้เป็นตราบาปติดตัวเราไปตลอดชีวิต

โป๊ะตรงไหน ทำไมอาจารย์ถึงดูออกว่าลอกมา

ในยุคที่อินเตอร์เน็ตใช้งานกันอย่างแพร่หลาย การคัดลอกผลงานผู้อื่นกลายเป็นเรื่องที่ทำได้ง่ายมาก เพียงแค่ Copy & Paste ก็สามารถนำข้อมูลจากเว็บไซต์หรือเอกสารต่าง ๆ มาใช้ได้ทันทีโดยที่ไม่ต้องคิดหรือสร้างสรรค์อะไรใหม่เลย 

เตือนไว้ก่อน! การนำข้อมูลจากหลายแหล่งมาตัดแปะโดยไม่ใส่อ้างอิงไม่ได้หมายความว่าอาจารย์จะไม่รู้ เพราะปัจจุบันมีเทคโนโลยีและเครื่องมือที่สามารถตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น

  • โปรแกรมตรวจสอบการคัดลอกผลงาน (Plagiarism Checkers) เช่น Turnitin, Grammarly,  Copyscape, CopyCatch  เป็นต้น
  • การค้นหาด้วย Google อาจารย์สามารถคัดลอกข้อความและค้นหาด้วย Google เพื่อตรวจสอบว่าแหล่งข้อมูลมาจากไหน
  • ความชำนาญของอาจารย์ อาจารย์มักมีประสบการณ์และความรู้ในเนื้อหาที่สอนอยู่แล้ว จึงสามารถสังเกตเห็นความผิดปกติหรือส่วนที่คัดลอกมาได้ง่าย

หลีกเลี่ยง Plagiarism ยังไงได้บ้าง

  • สืบค้นข้อมูลจากหลายแหล่งและสรุปสาระสำคัญทั้งหมด โดยเขียนเรียบเรียงเป็นภาษาตนเอง
  • หากถอดความจากข้อความใดข้อความหนึ่ง ต้องมีทั้งการอ้างอิงแบบแทรกในเนื้อหา (in-text citation) และในรายการอ้างอิงหรือบรรณานุกรม (reference lists)
  • หากคัดลอกมาโดยตรง ต้องมีทั้งการอ้างอิงแบบแทรกในเนื้อหา (in-text citation) พร้อมเครื่องหมายอัญประกาศ “__”  และในรายการอ้างอิงหรือบรรณานุกรม (reference lists)

ตัวอย่างการอ้างอิง 

1. การอ้างอิงแบบแทรกในเนื้อหา 

คัดลอกมาโดยตรง    ต้องมี  “__” เสมอ

ในปี 2560 จิรภรณ์ อังวิทยาธร ได้นิยามว่า “ดนตรีบำบัด (Music Therapy) คือ การใช้กิจกรรมทางดนตรีไม่ว่าจะเป็นการฟังหรือเล่นดนตรีการร้องเพลง แต่งเพลง เพื่อบำบัดความเจ็บป่วย ฟื้นฟู สภาพร่างกาย อารมณ์และสติปัญญา” (ย่อหน้าที่ 3)  

การถอดความ  หมายถึง การนำข้อความต้นฉบับมาสรุปหรือเขียนใหม่โดยใช้คำและสำนวนของตนเอง เพื่อทำให้ข้อความเข้าใจง่ายขึ้น แต่ยังคงความหมายเดิมไว้

ข้อความต้นฉบับ “หากเปรียบเทียบการศึกษาไทยในระดับนโยบายคงเปรียบได้กับหมอ เพราะยาขนานเดียวของหมอรักษาได้ทุกโรค ซึ่งที่จริงแล้วมันไม่ใช่” (จำรัส ช่วงชิง, 2560, ย่อหน้าที่ 3)

 

ถอดความ จำรัส ช่วงชิง  (2560) กล่าวถึงการศึกษาไทยว่า  การที่นโยบายการศึกษาใช้วิธีการเดียวกันกับทุกปัญหา ทั้งที่แต่ละปัญหามีความเฉพาะตัวและต้องการวิธีการแก้ไขที่แตกต่างกัน ทำให้นโยบายดังกล่าวไม่ได้ผลตามที่คาดหวัง (ย่อหน้าที่ 3)

2. รายการอ้างอิงหรือบรรณานุกรม ระบุไว้ที่หน้าสุดท้ายเสมอ

พญาไท. (1 มีนาคม 2564). 8 ฮอร์โมนสำคัญของร่างกายที่ต้องทำความรู้จักและรับมือให้เป็น. สืบค้นจาก phyathai.com: https://www.phyathai.com/th/article/2561-8__essential_hormones_that_you_have_to_handle___branchpyt2  

 

หมายเหตุ ชื่อเรื่อง ใช้ตัวเอียง

หมายเหตุ การอ้างอิงข้างต้นเป็นตัวอย่างการอ้างอิงรูปแบบ APA  ซึ่งเป็นรูปแบบที่นิยมใช้อย่างแพร่หลาย สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้โดยค้นหาว่า “การอ้างอิงรูปแบบ APA”

การคัดลอกผลงานคนอื่นอาจดูเหมือนง่าย แต่ผลกระทบที่ตามมาร้ายแรงมากถึงขั้นส่งผลต่ออนาคตและชื่อเสียงในระยะยาว สู้กัดฟันทำงานด้วยตัวเองดีกว่าเยอะ  รู้จักกับ plagiarism กันไปแล้ว คราวหน้าพี่ ๆ ชาว Dek-D จะพาทุกคนไปเจาะลึกกับ “การใส่อ้างอิง”  ตามไปอ่านกันได้ที่ คลิก

ขอบคุณข้อมูลจากhttps://coined-word.orst.go.th/https://www.ipthailand.go.th/images/2562/Suppress/lesson2.pdfhttp://www.personnel.nida.ac.th/main/images/DARIN/election/Plagiarism-Eve-RPU.pdfhttps://acesse.dev/VGvYnhttps://pharmacy.mahidol.ac.th/th/knowledge/article/395/%E0%B8%94%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%9A%E0%B8%B3%E0%B8%9A%E0%B8%B1%E0%B8%94/https://www.bangkokbiznews.com/news/742615 
Dek-D Team ทีมคอลัมนิสต์ Dek-D

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น