Enneagram คืออะไร?
Enneagram (อ่านว่า เอเนอาแกรม หรือจะ เอเนแกรม ไปเลยก็ได้) เป็นแผนภาพอธิบายความสัมพันธ์ของมนุษย์ทั้ง 9 บุคลิก (ซึ่งในบทความนี้พี่น้องจะพูดถึงแค่ลักษณะของแต่ละบุคลิก ไม่ลงลึกถึงความสัมพันธ์ของแต่ละบุคลิกนะคะ)
ประโยชน์ของมันมีหลายอย่าง เช่น เอาไว้สังเกตพฤติกรรมคนรอบตัวเรา เพื่อจะได้เตรียมการรับมือได้ถูก หรือเอาไว้ทำความเข้าใจพฤติกรรมไม่ดีของคนบางคน เมื่อเราเข้าใจ ก็จะได้ไม่ต้องไปถือโทษโกรธเขา จะเอาไว้สังเกตพฤติกรรมตัวเองก็ได้ เพื่อดูว่าเรามีข้อดีข้อด้อยตรงไหน และเราควรปรับปรุงหรือระวังอะไรบ้าง
ทำไมจู่ๆ พี่น้องถึงยกทฤษฎีนี้ขึ้นมาในคอลัมน์นักเขียน ก็เพราะมันเอาไว้ใช้สร้างตัวละครในนิยายของเราให้สมจริงได้เหมือนกันไงล่ะ
9 บุคลิกใน ENNEAGRAM
1. The Reformer นักเป๊ะเวอร์
นักเป๊ะเวอร์ หรือ คนสมบูรณ์แบบ (Perfectionist) ก็คือคนที่ทำอะไรก็ต้องให้มันถูกต้องตรงเผง เป๊ะ เนี้ยบทุกระเบียดนิ้ว ทุกอย่างต้องเลิศ คนแบบนี้มีมาตรฐานของตัวเอง (ซึ่งสูงกว่าคนทั่วไป) และมักจะคอยวัดความเป๊ะของตัวเองกับความเป๊ะของคนอื่นบ่อยๆ
คนกลุ่มนี้เป็นคนรักความงดงาม ความสะอาด เป็นระเบียบ ความยุติธรรม ความสัตย์จริง ยึดมั่นในกฎระเบียบ หลักเกณฑ์และวิธีการ ซึ่งบางทีก็มากเกินไปจนทำให้คนอื่นรู้สึกอึดอัด
เวลามีปัญหาอะไร พวกเป๊ะเวอร์จะเผชิญหน้ากับปัญหาตรงๆ คิดวิเคราะห์ และแก้ปัญหานั้น
คนที่เป๊ะเวอร์แบบสุดโต่ง มักมีอารมณ์รุนแรงและเคร่งครัดมาก
2. The Helper ผู้ช่วยเหลือ
ตามชื่อเลย คนกลุ่มนี้รักการช่วยเหลือคนอื่น ชอบเป็นที่รัก ชอบแสดงความรักเอื้ออาทรต่อผู้อื่น เป็นคนที่แสดงออกทางอารมณ์มาก มีความสุขก็หัวเราะ เศร้าก็ร้องไห้ แต่ไม่ใช่คนอ่อนไหว แค่รู้สึกอย่างไรก็จะแสดงออกไปอย่างนั้น
ผู้ช่วยเหลือ แคร์เรื่องความรู้สึกของผู้อื่น สนใจเรื่องการสร้างความสัมพันธ์อันดี ถ้าเราเครียด คนกลุ่มนี้จะนั่งข้างเราแล้วปลอบเราว่าไม่เป็นไร (แต่ไม่ได้หมายความว่าคนกลุ่มนี้จะให้ความช่วยเหลืออะไรที่เป็นประโยชน์ได้ตลอด)
แต่ด้านลบของผู้ช่วยเหลือก็มีเหมือนกัน ถ้าหากคนกลุ่มนี้อยู่ในภาวะเครียด ไม่สบอารมณ์ จะเผยด้านมืด คือจะช่วยเพื่อหวังผล เช่น ช่วยเหลือผู้อื่นเพื่อให้เห็นว่าตัวเองมีความสำคัญ อยากให้คนอื่นยอมรับ
3. The Motivator นักแข่ง
คนกลุ่มนี้แสวงหาการยอมรับเหมือน ผู้ช่วยเหลือ แต่ด้วยวิธีการคนละแบบ พวกเขาจะเน้นไปที่การทำอะไรให้สำเร็จสักอย่างเพื่อให้คนชื่นชม คนพวกนี้มีความเคารพในตัวเองสูง มั่นใจในตัวเอง รู้สึกดีถ้ามีคนติดตามด้วยความชื่นชม คือทำดีเพื่อให้คนประทับใจเฉยๆ ไม่ได้สนผลของการทำดีนั้นๆ
ผู้เป็นแรงจูงใจมีทักษะในการเป็นผู้นำ ช่างพูด ช่างสังเกต รู้จักจับจุดแล้วเอามาพูดเพื่อเกลี้ยกล่อมได้ง่ายๆ (เอาง่ายๆ นึกถึงหัวหน้าม๊อบนั่นแล) บางทีก็พูดมากเกินไปจนดูเหมือนโม้ โอ้อวด สนใจแต่เรื่องของตัวเอง ชอบโชว์พาว แต่บางทีก็ไม่ได้เก่งจริงอย่างที่พูดเท่าไร
คนพวกนี้แม้จะเป็นผู้นำ แต่ไม่ได้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ แค่เห็นว่าอะไรที่คนอื่นทำมาแล้วดี ก็ทำตาม
4. The Individualist อาร์ตตัวแม่
คนกลุ่มนี้คือศิลปินที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง อารมณ์อ่อนไหว ละเอียดอ่อน ชอบอยู่กับตัวเอง โอนอ่อนผ่อนปรน ด้วยความที่สนใจเรื่องอารมณ์ ความรู้สึกมากกว่าสิ่งอื่นใด ทำให้เวลาคนพวกนี้ทุกข์ใจ หรือมีคำถามเกี่ยวกับอารมณ์ของตัวเอง ก็มักจะใช้เวลาไปกับการ "คิด" แต่ไม่ได้คิดแบบนักวิทยาศาสตร์ คือคิดแบบศิลปินว่าถ้าฉันเศร้า ฉันจะแสดงออกมายังไงให้คนเห็นเป็นรูปธรรมมากที่สุด
พอคิดได้ดังนั้น คนกลุ่มนี้ก็เลยเลือกแสดงออกมาในงานศิลปะ เศร้ามากๆ ก็เขียนบันทึกระบายความเศร้าเลย เครียดมากๆ ก็นั่งวาดรูป ใส่สีแรงๆ เพื่อแสดงอารมณ์อันรุนแรงของตน ตกหลุมรักใครก็แต่งเพลงให้คนๆ นั้น บอกเล่าความรู้สึกผ่านเสียงดนตรี
ในเรื่องความสัมพันธ์ คนกลุ่มนี้ถ้ามีความรัก ก็จะหวานกับคนรักจนเอียน แล้วพอความรักมันไม่น่าสนใจก็จะเปลี่ยนไปหาความรักใหม่ๆ ทันที (เอิ่ม...)
5. The Thinker นักคิด
คนกลุ่มนี้ไม่เหมือนอาร์ตตัวแม่ เพราะเป็นนัก "คิด" แบบมีเหตุผล คิดวิเคราะห์ด้วยหลักการต่างๆ คนกลุ่มนี้จึงเป็นกลุ่มที่ฉลาดที่สุด รักสันโดษ รักความเป็นส่วนตัว แต่ก็อยากรู้อยากเห็น นิสัยแบบนักวิทยาศาสตร์แท้ๆ ชอบหยิบเอาปัญหามาคิดวิเคราะห์ สังเกตการณ์ ไม่เชื่ออะไรง่ายๆ จนกว่าจะพิสูจน์ได้ว่าเป็นความจริง
คนกลุ่มนี้พึ่งตัวเองเป็นหลัก (เพราะรักสันโดษ เลยไม่อยากให้ใครมายุ่งด้วย) บางทีก็เก็บตัวมากไปจนอาจดูแปลกแยก ปลีกวิเวกมากไป คิดสวนกระแสมากไปจนใครๆ เขามองว่าบ้า
ยกตัวอย่างง่ายๆ ก็นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังทั้งหลายแหล่ที่คิดทฤษฎีใหม่ๆ เพื่อแย้งความเชื่อผิดๆ คนกลุ่มนี้มักจะถูกสังคมมองว่าแปลก สติไม่ดี มักเข้าสังคมไม่ค่อยได้
6. The Loyalist ผู้ภักดี
คนกลุ่มนี้มีความซื่อสัตย์ เสียสละ ไว้ใจได้ และก็ไว้ใจคนอื่นง่ายเช่นกัน พวกเขาจะรู้สึกปลอดภัยถ้าต้องอยู่กับคนที่มีความคิดเหมือนกัน (ก็ไว้ใจได้นี่) และชอบวิเคราะห์คน ประเมินว่าคนๆ หนึ่งน่าไว้ใจมากแค่ไหน
ถ้าหากคนกลุ่มนี้ถูกหักหลัง อาจกลายเป็นคนขี้ระแวงไปเลยก็ได้
ผู้ภักดีมักไม่กล้าทำอะไรคนเดียว จะรู้สึกปลอดภัยกว่าถ้าทำกันเป็นหมู่คณะ (ต้องเป็นหมู่คณะที่เขาไว้ใจด้วยนะ) แต่ถ้าอยู่ในภาวะคับขัน เขาก็พร้อมจะขึ้นมาเป็นผู้นำ (เพราะไว้ใจคนอื่น และคนอื่นๆ ให้ความไว้ใจ เลยเป็นผู้นำที่ดีได้) แต่ในขณะเดียวกันคนกลุ่มนี้ก็ปรับตัวง่ายเกินไป (เช่น ปิดตัวเองทันทีเมื่อเจอคนที่ไม่น่าไว้ใจ และเปิดตัวเอง กลายเป็นคนเข้าถึงง่าย เมื่อเจอคนที่ไว้ใจ) ดังนั้นจึงเป็นกลุ่มที่เดานิสัยที่แท้จริงได้ยากสุด
ผู้ภักดีบางคนอาจจะเป็นพวกขี้ระแวง และย้อนแย้งในตัวเอง เช่น ไว้ใจเพื่อน แต่ในใจก็แอบคิดว่าเพื่อนคนนี้ไว้ใจได้มากแค่ไหน ยอมให้คนนี้เป็นผู้นำ แต่ก็ตั้งข้อสงสัยว่าจะดีเหรอ
7. The Enthusiast ไฮเปอร์
พลังงานล้นเหลือ ชอบทำกิจกรรมต่างๆ ชอบหาประสบการณ์ ทำตามเป้าหมายหรือตามแผนที่วางไว้ มีความร่าเริง อยากรู้อยากเห็น มีความสามารถรอบด้าน (เพราะชอบรับรู้สิ่งใหม่ๆ) เป็น entertainer หรือตลกคาเฟ่ได้เลย
ให้นึกภาพว่ามนุษย์ไฮเปอร์เหล่านี้เหมือนเด็กที่ตื่นเต้นไปเสียทุกอย่าง แต่ก็เบื่อง่ายเช่นเดียวกัน คนกลุ่มนี้ถ้าเบื่อแล้วจะหมดแรงทำอะไรไปเสียเฉยๆ หรือบางทีก็งอแงเอาแต่ใจตัวเอง
ข้อดีของคนกลุ่มนี้นอกเหนือจากที่กล่าวไว้ในย่อหน้าแรกคือเป็นคนแก้ปัญหา เก่ง เพราะช่างสังเกต เลยรู้จักเอาสิ่งที่สังเกตมาประยุกต์ใช้ แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไปได้เรื่อยๆ
8. The Boss เจ้านาย
คนกลุ่มนี้เป็นประเภท 'ดับเครื่องชน' คือตรงไปตรงมา ตัดสินใจรวดเร็ว หยิบฉวยโอกาสทุกอย่างที่มีมาใช้ได้ตลอด ไม่ชอบการปิดบัง
เหล่าเจ้านายทั้งหลายจะมีความเป็นผู้นำอยู่ในตัว (ตามชื่อ) แต่จะออกแนว "ปกป้อง" มากกว่า "ปกครอง" แก้ปัญหาเก่ง ใช้คนเก่ง คุมคนเก่ง ชี้นิ้วสั่งให้ใครไปทำอะไรก็ได้ ถ้าเทียบกับคนกลุ่ม 1 (พวกเป๊ะเวอร์) จะมีความเป็นผู้นำต่างกัน
คนกลุ่มเจ้านายจะไม่เน้นกฎเกณฑ์หรือหลักการ ปกครองกันแบบหลวมๆ ให้อิสระเต็มที่ ไม่รู้สึกว่าต้องรับผิดชอบอะไรมากมาย แต่ถ้าให้ผู้เป๊ะเวอร์มาปกครอง ทุกคนจะต้องอยู่ในกฎ ในกรอบ ไม่มีการผ่อนปรน ผู้นำที่เป๊ะเวอร์เหล่านี้จะมีความรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเองมากกว่า
ดังนั้นอย่าแปลกใจถ้าคนกลุ่ม 8 อาจเป็นผู้นำที่ค่อนข้างหัวรุนแรง เพราะเวลาที่คนพวกนี้ฟิวส์ขาด จากผู้นำที่ให้อิสระ อาจกลายเป็นผู้นำบ้าอำนาจได้ และไม่รู้สึกว่าต้องรับผิดชอบการกระทำใดๆ ของตนเอง
9. The Peacemaker ผู้รักสงบ
คนกลุ่มนี้เป็นนักฟัง ปรับตัวเก่ง อยู่กับใครก็ได้เพราะเออออตามเขาไปหมด กระแสวิ่งไปทางไหน ตัวเองวิ่งไปทางนั้น เหมือนจะเป็นผู้ตามที่ดี เชื่อฟังคนนั้นคนนี้ แต่ข้อเสียก็คือไม่กล้าเสนอความคิดของตัวเอง กลายเป็นว่าไม่มีตัวตนที่ชัดเจน ไม่มีจุดยืนในสังคม ค้นพบตัวเองยาก ไม่รู้ว่าชอบอะไร เพราะปรับตัวตามคนอื่นมากเกินไป
นอกจากนี้ยังเกลียดการเผชิญหน้ากับปัญหาหรือความขัดแย้งต่างๆ เรียกง่ายๆ ว่าเหมือนคนติ๋มๆ ไม่กล้าทำอะไรสักอย่าง มีความเฉื่อยชา ไม่ค่อยกระตือรือร้น ถ้าให้งานที่ไม่มีเดดไลน์กับคนๆ นี้จะดีกว่ามาก เพราะคนกลุ่มนี้เหมือน "เต่า" จากเรื่องกระต่ายกับเต่า ที่วิ่งแข่งไปช้าๆ แต่ถึงเส้นชัยชัวร์
และในระยะเวลาหนึ่งนิสัยของเราก็จะพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นหรือแย่ลงได้ ขึ้นอยู่ปัจจัยรอบๆ เช่น การเลี้ยงดูปลูกฝังในครอบครัว การใช้ชีวิต คนรู้จัก ฯลฯ
เอา ENNEAGRAM มาสร้างตัวละครอย่างไร?
จะสร้างตัวละครให้สมจริงได้นั้น เราต้องมีภาพตัวละครของเราเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาก่อน พี่น้องแนะนำให้ยึดคติ "ปั้นน้ำเป็นตัว" ไว้เลย เพราะว่าถ้าเราไม่มีภาพตัวละครที่สมบูรณ์ที่สุด เวลาเราเอาตัวละครไปใช้ในเรื่องมันจะมีช่องโหว่ได้ เช่น ตอนต้นมีนิสัยแบบนี้ ทำไมท้ายๆ นิสัยเป็นอีกแบบ ทั้งๆ ที่ก็ไม่ได้มีเหตุการณ์อะไรมาเปลี่ยนนิสัยตัวละครเลย
วิธีการที่ง่ายที่สุดในการปั้นตัวละครให้เป็นรูปเป็นร่าง (และเร็วที่สุด) คือเอาคนจริงๆ ที่เรารู้จักนั่นแหละมารับบทตัวละครตัวนั้น เอาให้ชัวร์ก็ตัวเราเอง เพราะเรารู้ว่าเราจะตัดสินใจอย่างไรหากเจอสถานการณ์นี้ ถ้าให้เลือกระหว่างสีเหลืองกับสีแดง เรารู้อยู่แก่ใจว่าเราจะเลือกอะไร
ชัวร์น้อยลงมาหน่อยก็เลือกคนใกล้ชิดเราที่เราพอจะรู้จักเขาดี
ตัวละครจากคนใกล้ตัวพวกนี้ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับเราก็จริง แต่สุดท้ายนิยายของเราก็จะซ้ำซาก จำเจ จะกี่เรื่องก็มีแต่ตัวละครนิสัยเดิมๆ เราต้องหัดสร้างตัวละครออริจินัลขึ้นมา และเจ้า Enneagram นี่แหละที่จะช่วยอำนวยความสะดวกให้เราได้
ขั้นตอนการใช้ ENNEAGRAM สร้างตัวละคร
- วางพล็อตเรื่องไว้คร่าวๆ ก่อนว่าเรากำลังจะเขียนเรื่องแนวไหน อารมณ์ของเรื่องเป็นอย่างไร
พระเอกมี 3 คน 3 สไตล์ เป็นคนที่เข้ามาซื้อของในร้านสะดวกซื้อประจำจนคุ้นหน้านางเอก
- พอ ได้พล็อตคร่าวๆ แล้ว เลือกบุคลิกที่เราคิดว่า "น่าจะเข้าที" มาใส่ให้ตัวละครของเรา แล้วลองจินตนาการว่ามันจะทำให้เรื่องดำเนินไปแบบไหน
เพราะอาชีพนางเอกเป็นอาชีพบริการ ให้นางเอกมีนิสัยชอบช่วยเหลือเยอะๆ
นิสัยแบบนี้น่าจะเตะตาพระเอกทั้ง 3 คน
ส่วนพระเอกคนแรกมีบุคลิกแบบที่ 1 (The Reformer นักเป๊ะเวอร์)
เป็นผู้ชอบความสมบูรณ์แบบ อาจจะเป็นนักธุรกิจหนุ่ม
พระเอกคนที่สองมีบุคลิกแบบที่ 4 (The Individualist อาร์ตตัวแม่)
เป็นหนุ่มอินดี้ที่ชอบแต่งตัวแปลกๆ อาจจะเป็นนักเขียนหรือนักดนตรี
พระเอกคนที่สามมีบุคลิกแบบที่ 7 (The Enthusiast ไฮเปอร์)
เป็นหนุ่มร่าเริง ทำตัวเหมือนเด็ก อาจจะเป็นหนุ่มมหา'ลัย
หนุ่มสามสไตล์ที่ต่างกันหน่อย น่าจะทำให้เรื่องมีความหลากหลาย
และเดาทางไม่ได้ว่านางเอกจะลงเอยกับใคร
- ทีนี้เริ่มใส่รายละเอียดให้พล็อตกับเรา ว่าในเรื่องจะมีสถานการณ์ใดบ้างที่เป็นจุดเปลี่ยนของเรื่อง เหตุการณ์นี้ตัวละครจะตัดสินใจอย่างไร จำลองสถานการณ์ดูว่าบุคลิกแบบนี้ จะทำให้เรื่องเปลี่ยนไปทางไหน
มาซื้อเหล้าในเวลาที่กฎหมายห้ามจำหน่าย แล้วพยายามหาเรื่องนางเอก
พระเอกแต่ละคนจะมีวิธีช่วยนางเอกแบบไหนบ้าง?
คิดว่าพระเอกคนไหนจะเข้ามาช่วยนางเอกดี?
วิธีแบบไหนที่จะทำให้เรื่องดูน่าสนใจมากที่สุด?
การใช้ Enneagram ช่วยก็จะประหยัดเวลาเราไปได้หน่อย ไม่ต้องมานั่งคิดว่าตัวละครจะต้องมีนิสัยแบบไหนบ้าง เพราะเราได้นิสัยสำเร็จรูปที่เข้ากัน เป็นเหตุเป็นผลมาแล้ว แค่เอาไปใส่ในสถานการณ์จำลองดูว่าคนแบบไหนน่าจะเหมาะกับเรื่องเรามากที่สุด
แต่ก่อนที่เราจะเอาทฤษฎีนี้ไปใช้ อย่าลืมศึกษาลักษณะของแต่ละแบบให้ละเอียดรอบคอบก่อนนะคะ อย่าเผลอเพิ่มลักษณะที่ไม่เกี่ยวข้องเข้าไป เช่น เราตั้งให้พระเอกเป็นคนที่นิยมความสมบูรณ์แบบ (The Reformer) แต่ดันไปเพิ่มนิสัยขี้เกียจลงไป ซึ่งไม่เข้ากับนิสัยหลักของเขาเลย แบบนี้ก็ไม่รู้จะใช้ Enneagram ช่วยไปทำไม
อย่าลืมว่าบุคลิกของตัวละครมีผลต่อพล็อตเรื่อง จะเขียนนิยายผจญภัยสนุกๆ แต่เอาคนที่ขี้ขลาดน่าเบื่อไม่ทำอะไรสักอย่างมาเป็นพระเอก มันก็ไม่สนุกน่ะสิ
กติกาคือ พี่น้องจะให้พล็อตเรื่องระดับไมโคร (สั้นมากกกก) มีเพียงฉากเดียว และให้น้องๆ Dek-D เขียนฉากนี้ขึ้นมาโดยเลือก "พระเอก/นางเอก" ที่มีบุคลิก 1 ใน 9 แบบของ Enneagram มาใส่เองตามใจชอบ จะเขียนเป็นแนวใดก็ได้ที่ตัวเองถนัด แต่ต้องแสดงนิสัยตัวเอกออกมาให้ชัดเจนที่สุด
ฉากที่ว่านั้นก็คือ...
ขอให้คงสถานการณ์ตามที่เขียนในรูปนี้เอาไว้ มีแค่ตัวเอกกับผี ลิฟต์จะค้างเพราะอะไร จะเกิดอะไรก่อน - ระหว่าง - หลังลิฟต์ค้างก็แล้วแต่ตัวละครของเรา เช่น ถ้าตัวเอกเป็น Type 4 อาร์ตตัวแม่ผู้มีอารมณ์อ่อนไหว อาจจะกลัวผีมากกว่าใคร และพยายามหนีออกจากลิฟต์ หรือแกล้งเนียนเป็นผี Type 5 นักคิด อาจจะไม่เชื่อว่าเป็นผีแล้วพยายามพิสูจน์ ฯลฯ
อย่าลืมระบุด้วยว่าตัวเอกในเรื่องเป็น Type ไหน
3 คนที่เขียนฉากนี้โดยแสดงบุคลิกของตัวเอกได้ตรงตาม Type ที่ตัวเองเลือกมากที่สุด และนำเสนอเรื่องได้น่าสนใจที่สุด เอาไปเลย อภินันทนาการจากสำนักพิมพ์ Classact นิยายแนว YA ที่กำลังเป็นหนังสือขายดีในต่างประเทศขณะนี้!
ใครแต่งเสร็จแล้วโพสท์ไว้ในกล่องคอมเม้นต์ด้านล่างเลย
ประกาศรายชื่อผู้ได้หนังสือ
ได้ผลแล้ว เลยประกาศเร็วหน่อย มีคนเข้ารอบหลายคนเลย แต่รางวัลมี 3 เล่ม T____T (เล่นเกมคราวก่อนรางวัลมี 8 เล่ม คนเล่นน้อยมาก)
ก็ตามที่บอก คัดเลือกจากการนำเสนอบุคลิกตัวละครได้ชัดเจนที่สุด ซึ่งหลายคนก็บ่นกันว่ายาก เพราะข้อจำกัดหลายอย่าง แต่แค่ให้เราเข้าใจ concept ของการเลือกบุคลิกตัวละครให้เข้ากับเรื่องที่เรามีอยู่ก็พอ และมีโบนัสพิเศษสำหรับเรื่องที่นำเสนอพล็อตได้น่าสนใจ อ่านจบแล้วต้องร้อง เจ๋ง อะไรแบบนี้
มาดูโฉมหน้าของคนที่จะได้ "ดาวบันดาล" จาก Classact ไปอ่านกัน
แต่เผื่อว่า ภายในวันที่ 18 ใครคนใดคนหนึ่ง (หรือทั้งหมด) ใน 3 คนนี้ ไม่แจ้งชื่อ-ที่อยู่มา พี่น้องจะยกสิทธิ์ให้ตัวสำรองตามรายการเหล่านี้ คนที่มีรายชื่อข้างล่าง แจ้งชื่อ-ที่อยู่มาไว้ก่อนล่วงหน้าได้เลย ถ้าคนข้างบนไม่มาเอาหนังสือ สิทธิ์จะตกเป็นของคนที่แจ้งชื่อ-ที่อยู่เข้ามาก่อน
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://www.9types.com/writeup/enneagram.html
http://www.enneagraminstitute.com/intro.asp


.jpg)
.jpg)




.jpg)




โจทย์จริงๆ ก็คือ "คนแต่ละ type จะทำอย่างไรเมื่อต้องติดอยู่ในลิฟต์กับผี" ดังนั้นสิ่งที่เราต้องทำก็คือเลือก type ที่น่าจะเอามาใช้ในสถานการณ์นี้ได้ง่ายๆ แล้วเขียนเฉพาะฉากนี้เพื่อจำลองสถานการณ์ให้คนอ่านเห็น
พี่เข้าใจว่าเรายกให้เพียงดาวเป็น The Loyalist ซึ่งมีนิสัยเชื่อใจคนเสมอ (จนกว่าจะโดนหักหลัง) และมีนิสัยยิบย่อยที่ค่อนข้างวิเคราะห์ลำบาก (เป็น type ที่บุคลิกซับซ้อนที่สุด) ถ้าเอามาไว้ในสถานการณ์นี้อาจจะแสดงบุคลิกได้ไม่ชัดเจนนัก
รวมๆ แล้วเขียนเรื่องได้ดีนะ
---ของเรารวมกันระหว่างอาร์ตตัวแม่กับรักสงบ---
193 ความคิดเห็น
ไม่ได้มาส่งเรื่องเข้าประกวด แต่อยากมาเป็นนางเอกที่มีผู้ชาย 3 คน 3 แบบมาแย่งชิง ฟินอ่ะ
เจ๋งๆ มันเป็นอะไรที่ใช่เลย >///<
เราเป็นพวกไฮเปอร์รึนี่
รู้สึกเราจะหลายบุคลิก แฮะ
เดี๋ยว ไฮเปอร์ เดี๋ยว รักสงบ งงกับตัวเอง..
ฉันคือ... ฉันนี้ละ ไดเวอร์เจนต์
ผิดเรื่องรึเปล่า - -*
เป็นพวกจีพีเหมือนกันสินะ
ดีใจด้วยที่ออกจากเมืองทดลองได้น่ะ
//อ่านไดเวอร์เจนท์มาแล้วจ้า
เหอะๆ คนที่โยงเรื่องราวแบบนี้กับชีวิต ก็เป็นแค่พวกwanna be อ่ะแหล่ะ เราไม่ใช่คนพิเศษหรอก ตายไปก็เป็นขี้เถ้า เน่าในหลุมเหมือนกัน การมีแง่คิดแบบนี้มันทำให้เรายึดติดแค่คัวเองเกินไป
http://www.9types.com/rheti/index.php ลองเล่นดูนะ มันจะบอกคะแนนเป็นข้อๆ ว่าเป็นประเภทไหน มีอยู่ 38 ข้อ เราได้คะแนน type 5 เยอะที่สุด
นิสัยเราคือนักแข่ง นิสัยรองนักคิด
ขอบคุณค่า จะเอาไปใช้ในนิยายน้าา
++The Boss เจ้านาย++
ร่างสูงเพรียวที่มีฐานะสูงที่สุดในโรงแรมนี้ เดินก้าวเข้ามาในลิฟต์ด้วยสีหน้าเรียบนิ่งเป็นเอกลักษณ์ นิ้วเรียวกดไปยังชั้นล่างสุดที่เป็นเป้าหมาย
ลิฟต์เคลื่อนตัวลงมาตามปกติ จนกระทั่งมีเสียงติดขัดของอุปกรณ์ ก่อนที่จะหยุดลงดังตึง
ชายหนุ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลาไม่ได้แสดงอารมณ์อะไรมาก แต่ดูจากรังสีที่แผ่ออกมาจากเจ้าตัวแล้ว ก็สามารถรู้ได้ว่าตอนนี้ร่างสูงกำลังอารมณ์ไม่ดีสุดขีด
'ลิฟต์เสียงั้นหรือ พึ่งเจอปัญหาเรื่องหนอนบ่อนไส้ไปหยกๆ นี่ลิฟต์ยังจะมาเสียอีก โรงแรมกำลังจะเปิดตัวแท้ๆ ดูท่าเขาคงจะไม่ได้เข้มงวดกับลูกน้องมานานเกินไปแล้ว...'
ใบหน้าเรียวดำทะมึนอย่างที่ถ้ามีใครเห็นคงอยากจะถอยกรูดไปสิบเมตรทีเดียว นิ้วเรียวเตรียมจะกดปุ่มฉุกเฉิน แต่ต้องชะงักไปเพราะสัมผัสได้ถึงไอเย็นข้างตัว
"คิกๆๆ" เสียงหัวเราะแสบแก้วหูของ 'หญิงสาว' ผมยาว ที่ยืนก้มหน้าก้มตาหัวเราะ เนื้อตัวมอมแมมเปื้อนไปด้วยสีแดง และส่วนที่ตํ่ากว่าเข่าลงไปนั้น...ไม่มี
ติ๊ด!
ชายหนุ่มเอื้อมมือไปกดปุ่มฉุกเฉินต่ออย่างไม่สนใจ ก็แค่...ผี
'แต่เจ้าพวกนั้นถึงกับละเลยให้มีผี'มาอยู่ในโรงแรมได้เนี่ย มันน่านัก!'
ชายหนุ่มได้แต่คับแค้นอยู่ในใจ สาบานกับตัวเองว่า ออกไปเขาต้องโทรไปเฉ่งเจ้าพวกนั้นชุดใหญ่ ไม่งั้นเขานอนไม่หลับแน่
"คิกๆๆๆ ฮ่าๆๆๆ กร๊ากๆๆๆๆ" เสียงหัวเราะดังต่อเนื่อง เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่สนใจตัวเอง ทันใดนั้นสายตาคมปราบก็เหลือบมามองอย่างรำคาณเต็มทน หงุดหงิดเรื่องลูกน้องไม่พอ ยังต้องมาฟังเสียงน่ารำคาญของยัยนี่อีก สงสัยพรุ่งนี้ต้องเอานํ้ามนต์มาไล่ให้หายไปซะแล้ว...
"!!!"
เหมือนว่าผีตนนั้นจะรับรู้ได้ถึงความคิดที่ชายหนุ่มคิดอยู่ในใจ หญิงสาวจึงเงียบเสียงลงอย่างว่าง่าย เสมือนถูกแม่ดุ แต่สักพักเธอก็ฉุกคิดขึ้นมาได้ 'เราเป็นผีนี่ ทำไมเราต้องไปกลัวคนด้วยละ?' เมื่อคิดได้ดังนั้น เธอก็เริ่มจะส่งเสียงรบกวนต่อ
"ฮี่ๆๆ มาอยู่กับฉันเถอะ มาอยู่กับฉ้านนนนนน ฉัน ฉัน ฉัน~" คราวนี้เพิ่มความน่ากลัวด้วยเสียงเอคโคดังก้องตัวลิฟต์
ชายหนุ่มตวัดสายตาไปจ้องผีสาวเขม็ง 'ยัยผีตัวนี้นี่น่ารำคาญซะจริง น่าจับถ่วงทะเลซะให้รู้แล้วรู้รอด!' แต่แล้วดวงตาคมก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้
"จริงสิ เธอตายมานานหรือยัง" ผึสาวอึ้งไปเมื่อได้ยินคำถามจากอีกฝ่ายแทนที่จะเป็นเสียงกรีดร้องหรือท่าทางหวาดกลัว
"เอ่อ เมื่อสามเดือนที่แล้ว" แต่ปากเจ้ากรรมก็ยังตอบไปอยู่ดีเมื่อไปสบกับนัยน์ตาเรืองอำนาจของชายหนุ่ม
"งั้นเหรอ ทำไมถึงตายละ"
"...โดนลิฟท์ทับตาย" ชายหนุ่มขมวดคิ้ว เมื่อสามเดือนที่แล้ว เขาไปดูงานที่ฮ่องกง.... นี่เจ้าพวกนั้นถึงกับกล้าปิดบังเขาเชียวหรือ เรื่องสำคัญขนาดนี้...
"งั้นหรือ งั้นฉันจะให้ข้อเสนอเธออย่างหนึ่ง แลกกับการที่ฉันจะไม่เอาเธอไปถ่วงทะเลหรือถ่วงเหวที่ไหน" ผีสาวอึ้งไปอีกครั้ง สมองที่ถูกทับจนเละของเธอดูเหมือนจะทำงานช้าลงหรือไม่ก็ทำงานผิดปกติ เธอถึงได้ยินอะไรแปลกๆ
"ไหนๆ เธอก็สิงอยู่ที่นี่แล้ว เพราะฉะนั้นเธอก็กลายเป็น 'ลูกน้อง' ของฉันแล้ว ดังนั้นมาทำงานให้ฉันซะดีๆ" ผีสาวอ้าปากค้าง ดวงตาที่ถูกทับเละข้างหนึ่งเบิกถลนออกมา แต่ถึงอย่างนั้นก็ดูอีกฝ่ายจะไม่ได้สะทกสะท้านอะไรเลย กลับยกยิ้มเย็นๆ ขึ้นมาแทน
'หึ แล้วคอยดูก็แล้วกัน ว่าผลจากการที่พวกนั้นยั่วโมโหเขานะจะเป็นยังไง!'
ผีสาวที่ยังไม่เข้าใจสถานการณ์ดี ได้แต่มองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกหลากหลาย ดูท่าคราวนี้เธอจะหลอกผิดคนเสียแล้ว ก็มีคนดีๆ ที่ไหนละ จ้างผีทำงาน!
++++++++++++++
เฮ้ย ปาดเหงื่อ กว่าจะแต่งเสร็จ =3=
ไม่รู้ว่าจะตรงตามบุคลิกหรือเปล่า แต่เราเอาบุคลิกนี่ไปเชื่อมกับตัวละครหนึ่งที่เราช๊อบชอบ คนหนึ่ง เลยออกมาได้อย่างนี้
เอาเป็นว่าอ่านเอาเพลินๆ ก็แล้วกันเนอะ!
เราไฮเปอร์ชัดๆเลยนี
มันคือ นพลักษณ์ นั่นเอง คือลักษณะของคนทั้ง9แบบ
ผมเคยอบรมคอร์สนี้มาพอสมควร เพื่อค้นหาตัวเองและปรับปรุงตัวเอง
ส่วนตัวลักษณ์2 the giver ที่มีปีกลักษณ์1 คือ the perfectionist
แพ้ทางลักษณ์ 8 เวลาเครียดๆจะกลายเป็นลักษณ์4
จริงๆเป้นเรื่องน่าศึกษานะ reccommendเลย
น่าสนุกแฮะ 55555555
ขอส่งมั่งค่ะ นางเอกเป็นType 4 อาร์ตตัวแม่นะคะ
ในขณะที่หญิงสาวผมยาวหยักศกกำลังมองไปที่หมายเลขชั้นที่กำลังลดลงไปเรื่อย ๆ อย่างใจจดใจจ่อ อยู่ ๆ ลิฟต์ที่กำลังเคลื่อนตัวก็สะดุดและหยุดนิ่ง แล้วจู่ ๆ ไฟในลิฟต์ก็ดับลงไปกะทันหัน! หญิงสาวเริ่มรู้สึกหวาดกลัวเมื่อนึกถึงว่าลิฟต์กำลัง...ค้าง
"กรี๊ดดดดด"เธอกลัวจนถอยหลังกรูดไปติดผนังลิฟต์ แต่...กลับสัมผัสเข้ากับบางอย่าง เธอค่อย ๆ หันไปดูอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ พลางคิดถึงฉากหนังผีมากมายที่กระจัดกระจายในหัวอยู่ หวังว่าจะไม่ใช่...
"สวัสดี..."เสียงเยือกเย็นฟังดูน่าสยองทักทายเธอ หญิงสาวกวาดตามองตั้งแต่หัวจรดเท้า...เดี๋ยว! ไม่มีเท้า ก็แค่ไม่มีเท้า ไม่ได้แปลว่าเธอเป็นผีซะหน่อย
"กรี๊ดดดดด ผี!!!"ไม่ใช่ที่ไหนกันเล่า หน้าซีด ๆ แบบนี้ ผมยาว ๆ แบบนี้ แถมลอยเท้งเต้งไร้เท้าแบบนี้ ผีชัด ๆ
"อย่าทำอะไรฉันเลย ฉันมีพระนะ หรือถ้าเธอไม่กลัวพระ ฉันมีไม้กางเขนนะ ปล่อยฉันไปเถอะ"หญิงสาวทรุดตัวลงกับพื้นแล้วยกมือไหว้ขอความเมตตา
"ฉันเหงา เธอต้องมาเป็นเพื่อนฉัน..."
"ไม่ต้องมาพูดเลยนะยัยผีน่ากลัว ปล่อยช้านนน"หญิงสาวทุบผนังข้างตัวตัวเองเพือหวังว่ามันจะทะลุแล้วเธอจะออกไปได้ แต่จินตนาการกับความจริงมันคนละเรื่อง ฉะนั้นแค่กำปั้นของเธอไม่สามารถทำให้ผนังลิฟต์ทะลุได้(ถ้าได้ก็ปาฏิหาริย์แล้ว-_-;)
"อย่ากลัวฉันเลย...เดี๋ยวไปอยู่ด้วยกาน..."
"บอกว่าอย่าพูดไง!"แล้วหญิงสาวก็ลุกขึ้นถีบผี! แต่ก็วืดผ่านไปโดยไม่ได้ระคายเคืองอะไรเลย
"มาเป็นเพื่อนกะ..."
"บอกว่าอย่าพูดไง!"แล้วหญิงสาวก็กระโดดถีบผีอีกรอบ พลางคิดไปถึงฉากในหนังผีหลาย ๆ เรื่องที่ดูมา เค้าเอาตัวรอดกันยังไงนะ...
"เธอถีบฉันหลายรอบแล้วนะ!"
"เดี๋ยวสิ! คนใช้ความคิดอยู่ อย่าขัด เอ...แล้วเจอผีในลิฟต์ต้องทำยังไงนะ หรือฉันต้องตายจริง ๆ! ไม่นะ...ฉันยังมีหลายอย่างอยากทำ กรี็ดดด เพราะแกตัวเดียวนังผีบ้า โอ๊ย...ฉันไม่น่าเจอแกเลย ซวยจริง ๆ"แล้วยัยสาวอารมณ์แปรปรวนก็บ่นกับตัวเองต่อไปทิ้งให้ผียืนงงอยู่ตัวเดียว ว่าตกลงยัยนี่กลัวจริงมั้ยเนี่ย แล้วเราควรหลอกต่อมั้ย สรุปคือความซวยของผีที่มาเจออาร์ตตัวแม่อารมณ์แปรปรวนขนาดนี้ใช่มั้ยเนี่ย เฮ้อ...สรุปแล้วหนึ่งคนและหนึ่งผีจะได้ออกจากลิฟต์มั้ย ช่างเปิดลิฟต์เท่านั้นที่รู้...
//กากว่ะค่ะ แต่งเองงงเอง ช่างเถอะ เรามันอ่อนหัดนัก