11 ข้อคิดสอนใจ - - นำมาปรับใช้กับชีวิตได้
จากวรรณกรรมเยาวชน เรื่องเจ้าชายน้อย
 
 
เด็กอ่านได้ ผู้ใหญ่อ่านดี ใครกำลังหาคำตอบของชีวิต
ลองหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาอ่านสิ
!
 
สวัสดีน้องๆ ทุกคน เช่นเคย วันนี้พี่ตินมาพร้อมกับบทความดีๆ อีกแล้ว และครั้งนี้ ก็ขอหยิบ เจ้าชายน้อย หรือ The Little Price หรือ Petit Price วรรณกรรมเยาวชนระดับโลกเรื่องโปรดของพี่อรมาพูดถึงกัน ผลงานเรื่องนี้ เป็นของนักเขียนฝรั่งเศส อองตวน เดอ แซงเตก-ซูเปรี (Antoine de Saint-Exupéry) หรือที่ใครๆ เรียกสั้นๆ ว่าซูเปรี พี่ตินได้อ่านครั้งแรก น่าจะสมัยม. ต้น ก็สารภาพเลยว่า อ่านครั้งแรก เงิบค่ะ! - - ถามว่าเงิบยังไง ก็จำได้แค่ว่า... อะไรอ่ะ เขียนอะไรมา ทำไมถ้อยคำมันอ่านแล้วไม่เข้าใจในทีแรก คือเหตุผลที่ซื้อ เพราะปกอย่างเดียวเลย ปกน่ารัก ดูเหมือนวรรณกรรมเยาวชนใสใส แต่ว่าอ่านแล้ว กลับพบว่า... มีหลายเรื่องต้องคิด และคงเพราะวัยที่ยังเด็กมาก ทำให้อ่านแล้วไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ พี่ตินก็เลยวางหนังสือทิ้งไป แล้วก็ไม่ได้ย้อนกลับไปดูอีกเลย
 
จนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัย อาจารย์ประจำวิชาปรัชญาบอกว่า เป็นหนังสือที่ขอบังคับให้อ่าน เพราะจะออกข้อสอบ เอาล่ะสิ พี่ตินได้ฤกษ์ตาลีตาลานไปรื้อตู้ แล้วก็อ่านใหม่ทันที - - และคราวนี้ แปลกแฮะ เนื้อหาไม่น่าเบื่ออย่างที่คิด! บางที อาจเป็นเพราะวัยที่เติบโตขึ้น ได้เจอะเจอเรื่องราวหลายๆ อย่างมากขึ้น ก็เลยทำให้การอ่านครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งแรก และหลากหลายเหตุการณ์ที่เคยมองว่า... อะไรไม่เห็นรู้เรื่อง ก็กลายเป็นสิ่งที่มีความหมายและมีคุณค่ามาก
 
ผลจากการอ่านรอบสอง ก็นำมาซึ่งการอ่านรอบ 3 4 5 6 7 8 9 ฯลฯ และทุกครั้งที่อ่าน ก็ได้อะไรใหม่ๆ ทุกครั้ง คือพี่ตินรู้สึกได้เลยว่า วรรณกรรมเรื่องนี้ อ่านได้ทุกช่วงวัย จะเด็ก วัยรุ่น โตเป็นสาว เป็นผู้ใหญ่ วัยกลางคน ฯลฯ ได้หมด เพราะมันเป็นวรรณกรรมที่พูดเรื่อง “การใช้ชีวิต” และการอ่านในแต่ละช่วงวัย ก็ให้ความรู้สึกแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่า ณ ช่วงเวลานั้น ชีวิตของเรากำลังโฟกัสเรื่องไหนอยู่ และก็ขอสรุปตรงนี้เลยว่า เจ้าชายน้อย อาจไม่ใช่วรรณกรรมที่พี่ตินปลื้มมากที่สุด (เพราะเราคือติ่งฮังเกอร์เกม) แต่ก็ถือเป็นหนังสือที่พี่ตินให้คำจำกัดความว่า “คอหนังสือต้องอ่าน!” และยิ่งสำหรับน้องๆ หมวด Writer พี่ตินบอกเลยว่า แนะนำแรงมาก อ่านเถอะ มีประโยชน์กับเรามากจริงๆ
 
วันนี้ พี่ตินก็เลยรวบรวมข้อคิดดีๆ จากวรรณกรรมเรื่องนี้มาด้วยกันทั้งหมด 11 ข้อ เพื่อให้ทุกคนได้ลองอ่านกันดู บอกเลยว่าทุกหัวข้อ เป็นข้อคิดที่ดีมาก อ่านแล้วสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตประจำวันของเราได้ ทำให้เรารู้วิธีรับมือกับปัญหา เข้าใจคนอื่นมากขึ้น และมีมุมมองในการมองโลกที่หลากหลาย สรุปง่ายๆ ก็คือ ทำให้เราเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างไม่เจ็บปวดเกินไปนัก (ในโลกที่โหดร้ายใบนี้)!
 
เอาละ เชื่อว่าทุกคนพร้อมแล้ว (คิดว่าตัวเองปูเข้าเรื่องนานเกินไปนะ เพ้อเจ้อขึ้นทุกวันแฮะเรา) เพราะงั้น ก็ไปดูกันได้เลยว่าข้อคิดทั้ง 11 ข้อของเรา มีอะไรบ้าง      

จะเป็นภาพหมวกหรืองูกินช้าง ขึ้นอยู่กับมุมมองของเรา
 
ภาพที่เห็นอาจไม่ใช่อย่างที่เราคิด (เสมอไป)
ถ้าใครเคยอ่านหนังสือ พอดูภาพด้านบนก็จะร้องอ้อทันที ตอนนั้นเอง! ตอนที่เจ้าชายน้อยบอกว่า ภาพนี้ไม่ใช่ภาพหมวกนะ แต่เป็นภาพงูกินช้างต่างหาก! ทันใดนั้นเอง พระเอก (ในเรื่องเป็นนักบิน) ก็ตระหนักได้ว่า... คนในวัยเท่ากันกับเขา ต่างมองอะไรแค่ผิวเผิน สรุปเอาง่ายๆ จากสิ่งที่เห็น บางที พออายุมากขึ้น จินตนาการที่เคยมีก็จากเราไปหมด และเราก็มองทุกอย่างแค่ทื่อๆ โดยลืมคิดไปว่า ภาพที่เห็น อาจไม่ใช่อย่างที่เราคิดก็ได้ - - อ่านข้อนี้แล้ว ลองปรับมุมมองในการมองโลกเสียใหม่ อย่าเพิ่งด่วนสรุปให้ไวเกินไปนัก แต่พยายามมองลึกถึงหลายๆ สิ่งที่ซ่อนเอาไว้ด้วย

ดอกกุหลาบของเจ้าชายน้อย ปากแข็งจริงๆ
 
ไม่ควรปิดบังความรู้สึกที่แท้จริง เพราะเราอาจสูญเสียสิ่งสำคัญไป
สถานการณ์นี้ ยกตัวอย่างเรื่องดอกไม้ของเจ้าชายน้อย ณ ตอนที่เจ้าชายน้อยบอกว่าจะเดินทางออกจากดาวของตนเพื่อไปผจญภัย ดอกไม้เจ็บปวดและเสียใจ แต่ก็ไม่ยอมบอกกับเจ้าชายน้อยตรงๆ คงปล่อยให้เจ้าชายน้อยจากไป และทำให้ความรักของทั้งคู่กลายเป็นเรื่องเจ็บปวด กว่าจะรู้ตัว ทุกอย่างก็สายเกินไปเสียแล้ว หลายๆ ครั้ง เราพยายามปกปิดความรู้สึกภายในใจ ไม่ยอมพูดออกไป ด้วยเหตุผลที่เราคิดเอาเองว่าสมควรแล้ว และพอเวลาผ่านไป เรามักย้อนกลับไปเสียใจ... แต่ก็แก้ไขอะไรไม่ได้อยู่ดี - - อ่านข้อนี้แล้ว ลองปรับมุมมองในการมองโลกเสียใหม่ รู้จักพูดในเรื่องสำคัญๆ จะได้ไม่ต้องย้อนกลับมาเสียใจภายหลังว่าทำไมตอนนั้น เราไม่พูดออกไป
 
   
พระราชาผู้โดดเดี่ยวและชอบตัดสินคน
 
   
คนเราไม่สามารถสั่งอะไรคนอื่นได้ ก่อนจะตัดสินใคร จงมองตัวเองเสียก่อนว่าถือสิทธิ์อะไร จึงไปสั่งเขา
ตอนที่เจ้าชายน้อยไปเยี่ยมดาวดวงแรก ได้พบกับพระราชาบ้าอำนาจที่ประกาศว่าตัวเองเป็นเจ้าของทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นผู้ตัดสินชีวิตของทุกคน พระราชาเห็นเจ้าชายน้อยหาว ก็ตื่นเต้น สั่งให้เจ้าชายน้อยหาวอีก แต่ในเมื่อร่างกายไม่อาจบังคับได้ เจ้าชายน้อยก็เลยไม่สามารถหาวได้ และเมื่อเจ้าชายน้อยย้อนพระราชาว่า ถ้าพระองค์มีอำนาจจริง ก็ควรจะสั่งให้พระอาทิตย์ตกดินได้ พระราชาตรัสตอบว่า
 
"ถ้าฉันสั่งให้นายพลคนหนึ่งบินออกจากดอกไม้ดอกหนึ่งไปยังอีกดอก เหมือนดั่งเป็นผีเสื้อ หรือสั่งให้เขียนนิยายโศกนาฏกรรม สั่งให้เปลี่ยนนกเป็นทะเล แล้วนายพลคนนั้นไม่ทำตามคำสั่ง ระหว่างฉันกับเขา ใครจะเป็นฝ่ายผิด"
 
เจ้าชายน้อยนิ่งคิดก่อนตอบว่า... คนผิดคือพระราชา พระองค์ตรัสตอบอีกว่า
 
"ถูกแล้ว เราต้องสั่งให้คนทำอะไรเท่าที่เขาสามารถทำได้ อำนาจต้องใช้ควบคู่ไปกับเหตุผล ถ้าเธอสั่งให้ประชาชนไปกระโจนลงทะเล พวกเขาจะต้องปฏิเสธแน่นอน ฉันได้รับการสวามิภักดิ์ เพราะคำสั่งของฉันมีเหตุผลนั่นเอง"  
 
สองประโยคนี้คือคีย์เวิร์ดของเรื่อง ที่สอนการปฏิบัติตัวกับคนรอบๆ ได้ดีมากๆ - - อ่านข้อนี้แล้ว ลองปรับมุมมองในการมองโลกเสียใหม่ อย่าบังคับใครให้ทำตามคำสั่งของเราอย่างไม่มีเหตุผล เพราะคนเราไม่อาจสั่งให้ใครทำในสิ่งที่เขาไม่อยากทำได้  
 
คนหลงตัวเองที่สนใจแต่อยากให้คนอื่นชื่นชม

บางครั้ง คำชมจากคนอื่น ไม่สำคัญเท่าความรู้สึกของเราเอง 
หลังเจอพระราชา เจ้าชายน้อยก็ได้มาเจอคนหลงตัวเองบนดาวดวงต่อมา ผลคือ คนหลงตัวเองพยายามให้เจ้าชายน้อยชื่นชมเขา ซึ่งเจ้าชายน้อยก็ชมไปแกนๆ ตามหน้าที่ และกลับมาสงสัยกับตัวเองว่า คนหลงตัวเองต้องการอะไร (จากสังคม...?) เรื่องนี้ สามารถคิดต่อได้ว่า... หลายๆ ครั้ง เวลาเราทำอะไร เราสนใจเสียงของคนรอบตัว เราทำอะไรโดยอิงจากความชื่นชอบหรือความพอใจของคนอื่นโดยตลอด แต่... เคยคิดบ้างไหมว่า เราอาจจะแคร์เสียงสังคมมากเกินไป ทั้งที่จริงๆ แล้ว คำชมหรือคำพูดเหล่านั้น มันไม่ได้สำคัญหรือให้ประโยชน์อะไรกับเราเลยจนนิดเดียว - - อ่านข้อนี้แล้ว ลองปรับมุมมองในการมองโลกเสียใหม่ อย่าสนใจเสียงของสังคมมากเกินไป จนลืมความต้องการของตัวเอง   
 
 คนขี้เมาที่ดื่มเพื่อลืมความไม่ดีของตัวเอง
 
การ “พยายามลืม” เรื่องที่น่าอายหรือข้อผิดพลาด อาจให้ผลเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม   
ในบทต่อมา เจ้าชายน้อยได้ไปพบคนขี้เมา ซึ่งบทสนทนาเป็นปรัชญาน่าสนใจ เจ้าชายถามคนขี้เมาว่าดื่มเหล้าทำไม คนขี้เมาตอบว่า ดื่มเพื่อให้ลืม เจ้าชายถามว่าลืมอะไร คนขี้เมาตอบว่า ลืมที่ตัวเองเป็นคนขี้เมา ยังจำได้ไหม เราทำเรื่องแย่ๆ ลงไป แล้วเราก็หาทางปกปิด ผลักไส ไม่ยอมรับ พยายามลืม พยายามหาหนทางใดก็ไม่ได้มาปฏิเสธว่า เราไม่ได้ทำแบบนั้น แต่ความจริงก็คือ เรานั่นแหละ เป็นคนทำ บางที ทางแก้ไขที่ดีที่สุดของเรื่องนี้อาจอยู่ที่การยอมรับข้อเสียของตัวเองให้ได้ และไม่รู้สึกแย่กับตัวเองจนเกินไป อ่านข้อนี้แล้ว ลองปรับมุมมองในการมองโลกเสียใหม่ เมื่อทำอะไรผิดพลาด จงยอมรับอย่างจริงใจ และไม่โทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง
 
มหาเศรษฐีผู้ไม่เคยรู้จักสมบัติของตัวเอง

อย่ายึดติด ยึดมั่นถือมั่น อยากครอบครองมากจนเกินไป ความสุขเล็กๆ น้อยๆ อาจสำคัญยิ่งกว่าเงินทองก้อนไหนๆ
ตอนที่เจ้าชายน้อยพบกับนักธุรกิจในดาวดวงต่อมา นักธุรกิจพยายามประกาศว่าเขาเป็นเจ้าของสิ่งต่างๆ มากมาย เป็นคนร่ำรวย เป็นมหาเศรษฐี ทว่าเมื่อเจ้าชายน้อยถามว่า... นักธุรกิจเป็นเจ้าของมันเพื่ออะไร และดูแลสิ่งเหล่านั้นอย่างไร เขากลับตอบไม่ได้ ในขณะที่เจ้าชายน้อย แม้จะมีสมบัติน้อยกว่านักธุรกิจ แต่เขาดูแลมันอย่างจริงใจและรู้จักพวกมันเป็นอย่างดี ถ้าอ่านแล้ว คงพอจะนึกภาพออก เราทุกคนต่างก็มุ่งมั่นอยากเป็นเจ้าของอะไรก็ได้ อยากมีเงิน อยากมีสมบัติ โดยลืมไปว่า สิ่งเหล่านั้นอาจไม่ได้สำคัญต่อความรู้สึกของเราเลย และบางที ความสุขของเรา อาจเล็กน้อยและไม่จำเป็นต้องใช้เงินก้อนโตก็ได้ - - อ่านข้อนี้แล้ว ลองปรับมุมมองในการมองโลกเสียใหม่ เลือกทำในสิ่งที่รักและมีความสุขจริงๆ แทนที่จะเห็นแก่เรื่องเงินทองเป็นหลัก
 
คนจุดโคมผู้เอาแต่คิดถึงคนอื่นจนลืมดูแลตัวเอง
 
เห็นแก่ตัวเองบ้างก็ได้ ไม่ต้องคิดถึงคนอื่นตลอดเวลาหรอก
ข้อคิดนี้ ได้จากเมื่อตอนที่เจ้าชายน้อยเดินทางมายังดาวดวงต่อมา ที่มีคนจุดโคมไฟอยู่คนเดียว เจ้าชายน้อยพยายามชวนเขาคุย แต่ผลกลับกลายเป็นว่าคนจุดโคมไฟบอกว่า เป็นหน้าที่ในการทำงานและเขาไม่อาจละเลยได้ จากนั้นเขาก็จุดไฟ ดับไฟ จุดไฟ ดับไฟ สลับกันอยู่อย่างนั้น ทำอย่างเคร่งครัด ไม่เหลือบแลมองใคร และไม่หยุดด้วย คนจุดไฟทำให้พี่ตินนึกถึงเพื่อนคนหนึ่ง เป็นคนขยันมาก ตั้งใจทำงานไม่มีวันหยุดแม้เสาร์อาทิตย์ ทำทุกอย่างเพื่อคนอื่น จนลืมนึกถึงตัวเอง สุดท้ายเพื่อนป่วย และแทบไม่มีเวลาดูแลตัวเอง นางยังขยันต่อไปๆๆๆ จนพี่ตินแอบห่วงว่าสักวันหนึ่ง เมื่อร่างกายนางไม่ไหว จะเป็นอย่างไร สำหรับบทนี้ ชอบมากที่เจ้าชายน้อยสรุปไว้ว่า "ผู้ชายคนนี้อาจจะถูกคนอื่นๆ อย่างพระราชา คนหลงตัวเอง คนขี้เมา หรือนักธุรกิจดูถูกเหยียดหยาม แต่เขาเป็นคนเดียวที่ฉันเห็นว่าไม่ตลกเลย บางทีอาจจะเป็นเพราะเขาเป็นคนที่เห็นแก่คนอื่นมากกว่าตัวเอง" - - อ่านข้อนี้แล้ว ลองปรับมุมมองในการมองโลกเสียใหม่ เวลาทำอะไรให้ใคร ก็อย่าทุ่มไปมากจนเกินไป เผื่อใจไว้บ้าง นึกถึงความสุขของตัวเองบ้างนะทุกคน ไม่อย่างนั้น เดี๋ยวถึงตอนท้ายไม่เหลือใคร คนที่เจ็บปวดที่สุดอาจเป็นเราก็ได้
 
นักสำรวจที่รู้จักแต่แผนที่ แต่ไม่เคยเดินทางไปสำรวจจริง
 
การอ่านมีประโยชน์ก็จริง แต่ประโยคที่ว่า “เดินทางหมื่นลี้ ต้องเริ่มจากก้าวแรก” ก็น่าสนใจ
“เดินทางหมื่นลี้ ต้องเริ่มจากก้าวแรก” เป็นปรัชญาของขงจื้อผู้โด่งดัง พี่ตินยกมาเปรียบเทียบเพราะเห็นว่ามันคล้ายๆ กัน ในบทต่อมา เมื่อเจ้าชายน้อยได้พบกับนักสำรวจ นักสำรวจนั่งจดข้อมูลของสถานที่ต่างๆ นั่งอ่านทวน นั่งศึกษาข้อมูล แต่ เขาไม่เคยไปยังสถานที่จริงเลย พออ่านปุ๊บ พี่ตินนึกถึงที่ขงจื้อพูดทันที คือจำชัดๆ ไม่ได้ แต่จำได้ว่าประมาณนี้แหละ คือ... อาจจะอารมณ์ “สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น” ก็ได้ การอ่านหนังสือ ก็เป็นเรื่องที่ดีและจัดเป็นความรู้ แต่การได้เดินทางเอง ได้พบเจออะไรใหม่ๆ ก็เป็นประสบการณ์ที่ดีของชีวิตเช่นกัน ฉะนั้น ถ้ามีเวลาบ้าง ก็เดินทางบ้างนะ อ่านข้อนี้แล้ว ลองปรับมุมมองในการมองโลกเสียใหม่ อย่ามัวแต่นั่งคิดว่าอยากไปที่นั่นที่นี่ แต่ว่าเก็บเงิน แล้วเดินทางออกท่องโลกเลย ประสบการณ์ที่ได้รับ จะสร้างมุมมองใหม่ๆ และทำให้ชีวิตของเรามีเสน่ห์น่าสนใจมากขึ้น
 
เจ้าชายน้อยและหมาป่า กลายมาเป็นเพื่อนกัน
แต่มิตรภาพก็แลกมาด้วยหลายอย่าง 

การเชื่อใจคนอื่น นำมาซึ่งมิตรภาพที่ดี และเมื่อคุณได้พบเพื่อนที่ดี ก็จงรักษาเขาไว้ให้ดีที่สุด  
เมื่อเจ้าชายน้อยได้พบกับเจ้าจิ้งจอก ตอนนั้น ใครๆ ก็รู้ว่าจิ้งจอกเชื่อถือไม่ได้ เป็นตัวร้าย แต่สุดท้าย เจ้าชายน้อยก็ผูกมิตรกับมัน และกลายเป็นเพื่อนกัน คนทั้งคู่ผูกพันกัน กลายเป็นเพื่อนรัก และความสัมพันธ์นี้ ก่อเกิดเป็นบทเรียนชีวิตที่น่าสนใจสามข้อ
 
  • สิ่งสำคัญไม่อาจมองเห็นด้วยสายตา ในเรื่องของมิตรภาพ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเรื่องภายนอก แต่เป็นเรื่องของความรู้สึกและหัวใจ การทำให้อีกฝ่ายเชื่อใจได้ จะทำให้ความสัมพันธ์ของเราแน่นแฟ้นมากขึ้น
  • การสร้างความผูกพันจะทำให้อีกฝ่ายกลายเป็นคนพิเศษ ขอยกตัวอย่างบทสนทนาของเจ้าชายน้อยและหมาจิ้งจอก "สำหรับฉัน เธอเป็นเพียงเด็กชายเล็กๆ เหมือนเด็กอื่นๆ เป็นร้อยเป็นพัน และสำหรับเธอ ฉันก็เหมือนสุนัขจิ้งจอกอื่นๆ นับร้อยนับพันนั่น แต่ถ้าเธอฝึกให้ฉันเชื่อง เราก็จะต้องการกันและกัน เธอจะเป็นหนึ่งเดียวในโลกสำหรับฉัน และฉันก็จะเป็นหนึ่งเดียวในโลกสำหรับเธอ" - - และนั่นคือ ความหมายของคำว่าผูกพัน
  • การรับผิดชอบต่อความสัมพันธ์ ก่อนจากกัน เจ้าหมาจิ้งจอกได้พูดกับเจ้าชายน้อยถึงเรื่องความรับผิดชอบต่อความสัมพันธ์ ประโยคนั้นน่าสนใจมาก "ผู้คนมักจะลืมสัจจะอันนี้ แต่เธอจะต้องไม่ลืม เธอจะต้องรับผิดชอบดอกกุหลาบของเธอ"  - - เมื่อเราสร้างเพื่อน ผูกพันกับใครแล้ว หน้าที่ของเราคือต้องรับผิดชอบต่อความรู้สึกของเขา เหมือนที่รับผิดชอบต่อตัวเอง นั่นเพราะเราได้สร้างความผูกพันแล้วนั่นเอง
     
อ่านข้อนี้แล้ว ลองปรับมุมมองในการมองโลกเสียใหม่ เวลาจะคบหากับใคร ต้องเชื่อใจไว้ใจ และเข้าใจอีกฝ่าย นั่นแหละ มิตรภาพที่จริงใจและมีคุณค่า
 
 กุหลาบกี่ดอกก็ไม่มีความหมายเท่าดอกที่เจ้าชายน้อยปลูกเองกับมือ 
 
ทุกคนและทุกสิ่งมีค่าในตัวเอง ไม่สามารถเปรียบเทียบหรือทดแทนกันได้
ก็เหมือนเจ้าชายน้อยกับดอกกุหลาบของเขา ดอกกุหลาบจะมีเพียงหนึ่งเดียว ต่อให้เจ้าชายน้อยไปพบดอกกุหลาบอื่นๆ อีกมากมาย ก็ไม่ใช่ดอกนั้น ไม่มีอะไรทดแทนได้ เหตุผลที่ดอกกุหลาบสำคัญต่อเจ้าชาย ก็เพราะเขาเป็นคนรดน้ำ ดูแล จนมันเติบโต ความทรงจำระหว่างทางต่างหากที่สำคัญ และมีคุณค่ามากที่สุด - - อ่านข้อนี้แล้ว ลองปรับมุมมองในการมองโลกเสียใหม่ พอใจในสิ่งที่มีและให้ค่ากับมันให้มากกว่าเก่า อย่าคิดว่าคนอื่นๆ มีชีวิตที่ดีกว่าเรา แต่จงภูมิในสิ่งที่เรามีอยู่แล้ว และภูมิใจในสิ่งที่เราได้เลือก 
 
หากรักใคร จงปล่อยเขาให้เป็นอิสระ

ความรักไม่ใช่การครอบครอง แต่เป็นการปล่อยให้อีกฝ่ายได้มีอิสระและทำในสิ่งที่รัก   
สำหรับหัวข้อนี้ เราขอปิดท้ายด้วยเรื่องความรัก ในเรื่องเจ้าชายน้อย มีการพูดถึงการสร้างความผูกพัน ความรับผิดชอบในความสัมพันธ์ แต่ขณะเดียวกัน ก็สอนให้เราได้รู้ว่า การรักใครสักคน ไม่ใช่การเหนี่ยวรั้งหรือครอบครองอีกฝ่ายไว้ ตอนที่เจ้าชายน้อยจะกลับดวงดาวของตน นักบินเกือบจะรั้งเขาเอาไว้ เพราะเป็นห่วง รักและคิดถึง แต่ถึงที่สุด เขาก็ต้องปล่อยเจ้าชายน้อยไป ก็เหมือนที่เจ้าชายน้อยบอกเขาว่า แม้จะอยู่ห่างกัน ไม่ได้ใกล้ชิด แต่เมื่อนักบินเงยหน้ามองฟ้า ก็จะเห็นเขาในดวงดาวทุกดวง ความรักไม่ใช่เรื่องการครอบครอง แต่เป็นเรื่องของการปล่อยให้อีกฝ่ายได้ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ - - อ่านข้อนี้แล้ว ลองปรับมุมมองในการมองโลกเสียใหม่ เวลารักใคร อย่าไปบังคับให้เขาทำอย่างที่เราต้องการ แต่ปล่อยให้เขาได้ในสิ่งที่รักและชอบ นั่นแหละรักที่แท้จริง
  
จบลงไปแล้วกับบทความข้อคิดจากเรื่องเจ้าชายน้อยของเรา และระหว่างหาข้อมูล พี่ตินก็บังเอิญไปเห็นงานแสดงละครหุ่นสื่อผสมชุดเจ้าชายน้อย ซึ่งน่าดูมากๆ เลยเก็บเอาข้อมูลมาฝาก เผื่อว่าน้องๆ คนไหนสนใจจะไปดู ก็ตามนี้เลยจ้า
 
โรงมหรสพทองหล่อจัด การแสดงละครหุ่นสื่อผสม (mixed media ) ชุด เจ้าชายน้อย โดย สุรชัย เพชรแสงโรจน์ และ สิริกาญจน์ บรรจงทัด ศิลปินหุ่นมืออาชีพ ที่จะมานำเสนอผลงานด้วยเทคนิดต่างๆ อาทิ puppet theatre, object theatre, shadow puppet และ paper cut animation background โดยมีนักแสดงเล่นอยู่หน้าฉากที่จัดวาง
งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 6-30 สิงหาคม พ.ศ.2558 ทุกวันพฤหัส-ศุกร์ เวลา 19.30น. และ เสาร์-อาทิตย์ เวลา 15.30น. (การแสดงเป็นภาษาอังกฤษ และมีบทบรรยาย ภาษาไทย) ณ โรงมหรสพทองหล่อ สุขุมวิท 55
      
ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 14.00 น. ยังมีการจัดเวิร์คช็อป ให้กับผู้ชมที่สนใจ ได้มีโอกาสร่วมสร้างหุ่นเงาตลอดจนเทคนิคการโชว์หุ่นเงา จากทีมผู้จัดทำการแสดงชุดนี้อีกด้วย (สำหรับเวิร์คช็อป จะเปิดสำหรับผู้ที่ซื้อบัตรเข้าชมการแสดงเท่านั้น โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมในส่วนนี้)
 
สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่ภาพเลยจ้า
 

อตินเอง

ขอบคุณบทความแรงบันดาลใจจาก
พี่อติน
พี่อติน - Writer Editor ผู้ดูแลหมวดนักเขียนที่หลงใหลการอ่านแบบสุดๆ และไม่เคยพลาดทุกข่าวสารในวงการวรรณกรรม!

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

sudasorn Member 25 ส.ค. 58 22:39 น. 3

เป็นหนังสือที่ชอบที่สุดเลยค่ะว้าย

ชอบตอนที่เจ้าชายน้อยกำลังจะจากกันกับสุนัขจิ้งจอก
สุนัขจิ้งจอกร้องไห้ เจ้าชายน้อยเลยพูดประมาณว่า
ถ้าเธอร้องไห้ งั้นการที่เรารู้จักกัน ก็ไม่ได้อะไรเลยนะ
สุนัขจิ้งจอกเลยตอบว่า ได้สิ สีของข้าวสาลีไง

คือตอนเด็กไม่เข้าใจเรื่องราวตอนนี้เลย
แต่พอโตขึ้นก็รู้เลยว่า สีของข้าวสาลีคือสีผมของเจ้าชายน้อย
แล้วพอเจ้าชายน้อยกับสุนัขจิ้งจอกรู้จักกัน
สุนัขจิ้งจอกก็จะมองข้าวสาลีแล้วคิดถึงเจ้าชายน้อยตลอดไป

รักเลย
 

1
กำลังโหลด
sawarosky Member 25 ส.ค. 58 19:42 น. 1

อยากบอกว่าคิดเหมือนกันเลยค่ะ ตอนหยิบเล่มนี้มาอ่านคร้งแรกเพราะเห็นว่าปกน่ารักดี แต่ตอนแรกพออ่านแล้ว..รู้สึกว่าซับซ้อน ไม่เข้าใจค่ะ 55

ขอบคุณที่นำมาตีความให้เข้าใจง่ายนะคะ ตอนนี้รู้สึกว่าเข้าใจเรื่องเจ้าชายน้อยมากขึ้นเยอะเลย

0
กำลังโหลด
Harada Member 25 ส.ค. 58 21:44 น. 2

เพิ่งสนใจอ่านเรื่องนี้ตอนที่ได้ดู Star Driver ที่ผู้กำกับบบอกว่าได้แรงบันดาลใจมาจากเจ้าชายน้อย

ตอนนี้ก็ยังประทับใจกับประโยคนี้อยู่

"สิ่งสำคัญที่ไม่อาจเห็นด้วยดวงตา แต่แจ่มชัดด้วยหัวใจ"

0
กำลังโหลด
นานะ 27 ส.ค. 58 19:59 น. 4
เป็นวรรณกรรมที่แปลกดีค่ะ ตอนเเรกอ่านคืออยุ่ม.ต้น เห็นในห้องสมุดโรงเรียน ปกน่ารักก้อเลยเอามาอ่าน ตอนเเรกๆคือไม่เข้าใจเลยเเต่ว่าเนื้อหามันแปลกเเล้วก้อดึงดูดให้อ่านจนจบเลยค่ะ ชอบมากมายยยย คือไม่เข้าใจเเต่ก้ออ่านหลายรอบมาก ชอบเจ้าชายน้อยมากค่ะ *ห้องสมุดโรงเรียนเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก นิยาย วรรณกรรมที่หามานานอยู่ในห้องสมุดเช้ด ตอนนั้นอยากอ่านบารามอสเพราะมีคนบอกว่าสนุก หาในเว็บในร้านก้อไม่มี จนเพื่อนเอาหนังสือมาวางไว้ตรงหน้าเพื่อจะอ่าน จังๆเลย ครบเซ็ต ไปหาอีก นาร์เนียทั้งเก่าใหม่ ไวท์โรด แฮรี่พอต เพอซีแจ็คสันเยี่ยม ครบเซ็ต
0
กำลังโหลด
Glimoire 14 ต.ค. 58 15:59 น. 7
เป็นวรรณกรรมเยาวชนที่ดูไม่ได้มีเป้าหมายที่เยาวชนเลย เพราะแฝงปรัชญาไว้มากมาย เด็กๆอ่านแล้วมักไม่เข้าใจ และจะทำให้รู้สึกเบื่อ เคยได้ยินว่าผู้แต่ง เขียนเรื่องนี้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 และตัวเค้าเองก็หดหู่ถึงขีดสุด ทำให้ตอนจบก็ดูเศร้า ภาพประกอบเป็นสีขาวดำ เจ้าชายน้อย'ละทิ้งร่าง' ของตนเองเพื่อกลับไปหาดอกกุหลาบ เราชอบประโยคดังที่สุดของเรื่องนี้ ที่ว่า"สิ่งสำคัญไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตา เราจะมองเห็นได้แจ่มชัด ต่อเมื่อมองด้วยใจ" มันเหมือนกับคีย์เวิร์ดที่ไขเรื่องราวตั้งแต่ต้นมาเลยค่ะ
0
กำลังโหลด

12 ความคิดเห็น

sawarosky Member 25 ส.ค. 58 19:42 น. 1

อยากบอกว่าคิดเหมือนกันเลยค่ะ ตอนหยิบเล่มนี้มาอ่านคร้งแรกเพราะเห็นว่าปกน่ารักดี แต่ตอนแรกพออ่านแล้ว..รู้สึกว่าซับซ้อน ไม่เข้าใจค่ะ 55

ขอบคุณที่นำมาตีความให้เข้าใจง่ายนะคะ ตอนนี้รู้สึกว่าเข้าใจเรื่องเจ้าชายน้อยมากขึ้นเยอะเลย

0
กำลังโหลด
Harada Member 25 ส.ค. 58 21:44 น. 2

เพิ่งสนใจอ่านเรื่องนี้ตอนที่ได้ดู Star Driver ที่ผู้กำกับบบอกว่าได้แรงบันดาลใจมาจากเจ้าชายน้อย

ตอนนี้ก็ยังประทับใจกับประโยคนี้อยู่

"สิ่งสำคัญที่ไม่อาจเห็นด้วยดวงตา แต่แจ่มชัดด้วยหัวใจ"

0
กำลังโหลด
sudasorn Member 25 ส.ค. 58 22:39 น. 3

เป็นหนังสือที่ชอบที่สุดเลยค่ะว้าย

ชอบตอนที่เจ้าชายน้อยกำลังจะจากกันกับสุนัขจิ้งจอก
สุนัขจิ้งจอกร้องไห้ เจ้าชายน้อยเลยพูดประมาณว่า
ถ้าเธอร้องไห้ งั้นการที่เรารู้จักกัน ก็ไม่ได้อะไรเลยนะ
สุนัขจิ้งจอกเลยตอบว่า ได้สิ สีของข้าวสาลีไง

คือตอนเด็กไม่เข้าใจเรื่องราวตอนนี้เลย
แต่พอโตขึ้นก็รู้เลยว่า สีของข้าวสาลีคือสีผมของเจ้าชายน้อย
แล้วพอเจ้าชายน้อยกับสุนัขจิ้งจอกรู้จักกัน
สุนัขจิ้งจอกก็จะมองข้าวสาลีแล้วคิดถึงเจ้าชายน้อยตลอดไป

รักเลย
 

1
กำลังโหลด
นานะ 27 ส.ค. 58 19:59 น. 4
เป็นวรรณกรรมที่แปลกดีค่ะ ตอนเเรกอ่านคืออยุ่ม.ต้น เห็นในห้องสมุดโรงเรียน ปกน่ารักก้อเลยเอามาอ่าน ตอนเเรกๆคือไม่เข้าใจเลยเเต่ว่าเนื้อหามันแปลกเเล้วก้อดึงดูดให้อ่านจนจบเลยค่ะ ชอบมากมายยยย คือไม่เข้าใจเเต่ก้ออ่านหลายรอบมาก ชอบเจ้าชายน้อยมากค่ะ *ห้องสมุดโรงเรียนเป็นอะไรที่น่ากลัวมาก นิยาย วรรณกรรมที่หามานานอยู่ในห้องสมุดเช้ด ตอนนั้นอยากอ่านบารามอสเพราะมีคนบอกว่าสนุก หาในเว็บในร้านก้อไม่มี จนเพื่อนเอาหนังสือมาวางไว้ตรงหน้าเพื่อจะอ่าน จังๆเลย ครบเซ็ต ไปหาอีก นาร์เนียทั้งเก่าใหม่ ไวท์โรด แฮรี่พอต เพอซีแจ็คสันเยี่ยม ครบเซ็ต
0
กำลังโหลด
LEMONADE . Member 2 ต.ค. 58 16:53 น. 5

กรี๊ดดด เพิ่งเห็นบทความนี้ค่ะ ชอบมากเลย อ่านหนังสือแล้วจินตนาการนี่คืออะไรที่เลิศมากกกกกก รักเลยรักเลย คือมันลึกซึ้งนะคะ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Glimoire 14 ต.ค. 58 15:59 น. 7
เป็นวรรณกรรมเยาวชนที่ดูไม่ได้มีเป้าหมายที่เยาวชนเลย เพราะแฝงปรัชญาไว้มากมาย เด็กๆอ่านแล้วมักไม่เข้าใจ และจะทำให้รู้สึกเบื่อ เคยได้ยินว่าผู้แต่ง เขียนเรื่องนี้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่2 และตัวเค้าเองก็หดหู่ถึงขีดสุด ทำให้ตอนจบก็ดูเศร้า ภาพประกอบเป็นสีขาวดำ เจ้าชายน้อย'ละทิ้งร่าง' ของตนเองเพื่อกลับไปหาดอกกุหลาบ เราชอบประโยคดังที่สุดของเรื่องนี้ ที่ว่า"สิ่งสำคัญไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตา เราจะมองเห็นได้แจ่มชัด ต่อเมื่อมองด้วยใจ" มันเหมือนกับคีย์เวิร์ดที่ไขเรื่องราวตั้งแต่ต้นมาเลยค่ะ
0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
ครูเหมียว เมียวดี 3 มี.ค. 62 08:49 น. 9

ชอบมากให้ข้อคิดดีๆ พี่อตินสรุปได้ดี อ่านแล้วเข้าใจง่าย ขออนุญาตแชร์นะคะ คนเก่ง

0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากมีเนื้อหาที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง และทะเลาะกันอย่างรุนแรง หรือมีเนื้อหาต่อว่า วิจารณ์ หรือประจานผู้อื่น ที่มิได้เป็นบุคคลสาธารณะ

กำลังโหลด
พอย 10 ธ.ค. 66 19:36 น. 11

พี่อตินคะ เป็นสรุปที่ดีมากๆเลยค่ะ หนูขออนุญาตนำไปแชร์ โดยการนำไปเล่าให้น้องผู้พิการทางสายตา ได้ฟังนะคะพี่

1
กำลังโหลด
หม๋าน้อย 21 พ.ค. 67 16:57 น. 12

พระราชาผู้โดดเดี่ยว

- อย่าใช้คำสั่งกับใครโดยไม่ได้ควบคู่ไปกับเหตุผล เราสั่งให้คนอื่นทำสิ่งที่เกินกำลังเขาไม่ได้ อย่างงี้ไม่ว่าใครก็คับข้องใจกับเรา

คนหลงตัวเองที่สนใจแต่อยากให้คนอื่นชื่นชม

- ใช้ชีวิตเพื่อกินและต้องการได้ยินแค่คำชมจากคนอื่น เรียกร้องจะเอาคำพูดดีๆจากคนอื่น จนไม่รู้แล้วว่าตัวเองใช้ชีวิตเพื่ออะไร หรือตัวเองต้องการอะไร และคนอื่นเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนนี้ต้องการอะไรจริงแน่ เขาอยากได้คำชื่นชมมากต่างหาก คนแบบนี้มีอยู่จริงๆ

หากรักใคร จงปล่อยเขาให้เป็นอิสระ

ความรักไม่ใช่การครอบครอง ไม่ใช่ว่าจะต้องอยู่ในสายตาของเรา อยู่ในความดูแลของเราตลอดเวลา วันนึงใครสักคนที่เรารักอาจจะมีหน้าที่ มีสิ่งที่ต้องทำ มีภาระที่รับผิดชอบ มีอนาคตและชีวิตที่ดูแลต่อ จะดีกว่าที่ควรที่จะเชื่อใจหรือไว้ใจเขา ความต้องการเขาอาจจะมีนะ เขาจะไปตามสิ่งนั้นก็ได้ แต่เราคิดว่าความต้องการและการตามใจเขาไม่ใช้ทั้งชีวิตของคนที่เรารัก อิสระสำหรับเราคือรับรู้ได้ว่าเขาสามารถทำได้ทั้งสิ่งที่ต้องการและไม่ต้องการได้ ควบคุมตัวเองได้แล้ว และปล่อยเขาเติบโตได้อย่างวางใจ เหมือนพ่อแม่ปล่อยลูกเมื่อโตแล้วอ่าค่ะ

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด