อาจจะบอกได้ว่า บทเพลงและวรรณกรรมนั้นมีความเหมือนดั่งกับเส้นขนานซึ่งกันและกัน ทั้งการใช้ภาษาที่สละสลวย และเนื้อเรื่องที่สวยงาม ทำให้เราอิ่มเอมใจเมื่อได้ฟังหรือได้อ่านผ่านตา วันนี้คอลัมน์ ‘ส่องโลกหนังสือ’ พี่วิวขอแนะนำ 5 บทเพลงอันไพเราะที่ใครจะรู้ว่าผู้แต่งเพลงได้แรงบันดาลใจมาจากวรรณกรรมระดับโลก ลองไปดูกันเลยจ้าว่าจะมีเรื่องอะไรและเพลงอะไรบ้าง

 

เพลง / ศิลปิน :  Love Story  โดย Taylor Swift
 

 

เนื้อเพลง 
 

Romeo, take me somewhere we can be alone.

I'll be waiting; all that's left to do is run.

You'll be the prince and I'll be the princess.

It's a love story, baby, just say, "Yes".

 

แรงบันดาลใจ : สาวเทย์เลอร์เล่าเรื่องราวความรักความสัมพัน์ของแฟนหนุ่มที่ไม่ได้รับการยอมรับจากครอบครัวและกลุ่มเพื่อนๆ ของฝ่ายสาว ผ่านบทเพลง 'Love Story' ซึ่งใช้เวลาเพียง 20 นาทีในการแต่งเพลงนี้เท่านั้นเองนะ เธอบอกว่าระหว่างที่นึกภาพความสัมพันธ์แบบนี้ เธอก็นึกถึงวรรณกรรมอมตะของเชกสเปียร์ขึ้นมา นั่นก็คือ 'โรเมโอ แอนด์ จูเลียต' ที่กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เล่าเรื่องราวความทุกข์ของฝั่งจูเลียต หญิงสาวที่ต้องตรอมใจเพื่อรอคอยคนรัก แต่ว่าในบทเพลงของเธอนั้น เธอเลือกให้จบอย่าง Happy Ending ค่ะ ไม่ได้จบแบบโศกนาฏกรรมอย่างในหนังสือ - - ถ้าไม่อย่างนั้นก็ไม่ใช่เพลงรักน่ะสิเนอะ

 

เครดิตภาพ theguardian.com
 

เพลง / ศิลปิน :  White Rabbit โดย  Jefferson Airpalne
 

 

One pill makes you larger and one pill makes you small

And the ones that mother gives you

Don't do anything at all

Go ask Alice   When she's ten feet tall

ไปถามอลิซตอนที่เธอสูง 10 ฟุตสิ
 

แรงบันดาลใจ :  เพลงเจ้ากระต่ายขาว หรือ 'White Rabbit' นี้ แต่งโดย เกรซ สลิกค์ (Grace Slick) นักแต่งเพลงที่ใช้แรงบันดาลใจจากวรรณกรรมเรื่อง 'อลิซ ในแดนมหัศจรรย์' โดยลูอิส แครอลล์ ศาสตราจารย์คนดัง ผู้แต่งเพลงคนนี้ เคยมีปัญหาเรื่องการใช้ยาเสพติดมาก่อน ทำให้เธอมองเห็นความเชื่อมโยงระหว่างยาเสพติดกับตัวละครสำคัญๆ ในเรื่อง เช่น เจ้าหนอนผีเสื้อตัวอ้วนที่ชอบสูบยาอยู่ตลอดเวลา (ยาอะไรก็น่าสงสัยนะ) การดื่มน้ำที่น่าสงสัยของอลิซ แล้วทำให้ตัวเล็กลงหรือตัวใหญ่ขึ้น (มีนักวิจารณ์พูดถึงฉากนี้ด้วยว่า... อลิซอาจตาลายเห็นภาพหลอนจากการเสพยาเข้าไป) การหยิบของแปลกๆ มารับประทาน รวมไปถึงการใช้เห็ดเพื่อรักษาอาการตัวโตของอลิซด้วย (น้องๆ รู้ใช่ไหมคะว่าเห็นบางชนิดกินเข้าไปแล้วประสาทหลอนได้ นักแต่งเพลงก็คิดเชื่อมโยงแบบนี้เลยค่ะ) โดยเนื้อเพลงทั้งหมดนั้น จะเล่าในมุมมองบุคคลที่สาม เริ่มตั้งแต่เหตุการณ์ที่อลิซเผชิญหน้ากับตัวละครอื่นๆ ตามเนื้อเรื่อง เช่น การไล่ล่ากระต่ายขาว เหตุการณ์ 'ดื่มฉันสิ' (Drink Me) การเผชิญหน้าเจ้าหนอนผีเสื้อ จนไปจบที่เหตุการณ์ราชินีโพแดงที่ชอบตะโกนว่าเอามันไปตัดหัวซะ! (OFF WITH THEIR HEAD)  
 

ซึ่งในเดือนพฤษภาคมนี้ภาพยนตร์ภาคต่อ 'Alice Through the Looking Glass'  ที่กำลังเตรียมเข้าฉายในบ้านเรา ก็จะใช้เพลง White Rabbit นี้เป็นเพลงประกอบด้วย โดยให้นักร้องสาว Pink เป็นผู้ร้อง Cover จากต้นฉบับ รอชมรอฟังกันได้เลยจ้า

 

เครดิตภาพ theguardian.com
 

เพลง / ศิลปิน :  Peter Pan โดย  Kelsea  Ballerini
 

 

You're always gonna fly away, just because you know you can

You're never gonna learn there's no such place as Neverland

You don't understand You'll never grow up

You're never gonna be a man, Peter Pan

 

แรงบันดาลใจ : ผู้แต่งเพลงเล่าเรื่องของความรักของหญิงสาวคู่หนึ่งที่ต้องเลิกกันด้วยสาเหตุที่ไม่ได้เกี่ยวกับการการนอกใจ แต่เป็นเพราะฝ่ายชายทำตัวล่องลอย ไร้ความรับผิดชอบ และทำตัวเป็นเด็กตลอดเวลา เธอก็เลยเรียกเขาว่า 'ปีเตอร์แพน' แล้วสะบัดบ๊อบใส่สวยๆ เลย พร้อมกับบอกว่า  “โลกใบนี้น่ะ ไม่มีสถานที่ไหนเหมือนเนเวอร์แลนด์หรอกนะ…’’ พี่วิวว่าเพลงนี้ประชดประชันหนุ่มคนรักได้เจ็บแสบจริงๆ

ชื่อเพลงและเนื้อหาเพลงทั้งหมดได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสือเด็กเรื่อง 'ปีเตอร์แพน' ค่ะ เธอนำนิสัยของปีเตอร์แพนในเรื่อง ที่มักจะบินไปเที่ยวอยู่เสมอๆ ปฏิเสธการเป็นผู้ใหญ่ เพราะไม่อยากจะรับผิดชอบสิ่งใดๆ พูดง่ายๆคือ อยากเป็นเด็กเที่ยวเล่นตลอดไปนั่นเอง เธอก็เลยแต่งเพลงมอบให้ผู้ชายที่ไม่รู้จักโตแบบนี้ว่าปีเตอร์แพนนั่นเองค่ะ 
 

เครดิตภาพ meanwhilebackinpeoria.com
 

เพลง / ศิลปิน :  Firework  โดย Katy Perry
 

 

'Cause baby, you're a firework

เพราะเธอน่ะ เป็นเหมือนดั่งพลุ
Come on show them what you're worth

เอาล่ะ เปล่งประกายความงามและคุณค่าของเธอเลย
Make them go, "Oh, oh, oh"

ทำให้พวกเขาร้องออกมาว่า โอ้วว โอ้วว มันสุดยอดไปเลย
As you shoot across the sky
เวลาที่คุณกำลังส่องแสงสว่างสไวบนท้องฟ้าน่ะ
 

แรงบันดาลใจ : เพลงนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากวรรณกรรมระดับตำนาน เรื่อง 'On the Road' ซึ่งนวนิยายเล่มนี้มีเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการผจญภัยของหนุ่มสาวที่รักอิสระไม่ผูกมัดกับสิ่งใดในยุค Beat Generation หรือเรียกง่ายๆว่า เป็นยุคฮิปปี้ค่ะ พวกเขาเหล่านี้ใช้ชีวิตอย่างโลดโผนและเต็มที่กับทุกสิ่ง เหมือนกับเป็นพลุที่ระเบิดและสว่างไสวสะกดทุกสายตาในคืนที่มืดมิด เมื่อแฟนหนุ่มของเพอร์รี่โชว์ย่อหน้าหนึ่งจากหนังสือเล่มนี้ให้เธอดู ทันใดนั้นก็ตู้ม!! กลายเป็นบทเพลงเพราะๆ ที่ดังเป็นพลุแตกจริงๆ เราจึงได้ฟังเพลงที่มีความหมายดีๆ เกี่ยวกับการดำเนินชีวิต ที่เธออยากจะบอกให้ทราบว่า ทุกๆคนสามารถเปล่งประกายดั่งพลุได้เหมือนกันนะ - - เป็นเพลงที่ไอเดียดีและเป็นแรงบันดาลใจได้ดีจริงๆ ค่ะ 
 

เครดิตภาพ freeaudiobookguide.com
 

เพลง / ศิลปิน :  Ramble On โดย Led Zeppelin
 

 

T'was in the darkest depths of Mordor, I met a girl so fair.

But Gollum, and the evil one crept up and slipped away with her, her, her....yeah.
 

แรงบันดาลใจ : แค่เนื้อเพลงก็บ่งบอกแล้วว่า นักร้องนำและผู้แต่งเพลงนี้ โรเบิร์ต แพลนท์ (Robert Plant) ได้แรงบันดาลใจในการแต่งเพลงนี้มาจากวรรณกรรมไตรภาคเรื่อง 'เดอะ ลอร์ด ออฟ เดอะ ริง' ของเจ. อาร์. อาร์. โทลคีนผู้ยิ่งใหญ่ ลองดูในเนื้อเพลงสิคะ มีทั้ง มอร์ดอร์ (Mordor) มีทั้ง กอลลัม (Gollum)  พี่วิวล่ะแปลกใจจริงๆที่เพลงนี้ไม่ได้เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ ฮ่าๆๆ ไม่แน่นะ ต่อไปเราอาจจจะได้ฟังเพลงเกี่ยวกับเดอะ ฮอบบิท (The Hobbit) บ้างก็ได้
 

แนะนำครบทั้งห้าเพลงแล้ว เป็นไงคะ น้องๆ ชอบเพลงไหนกันบ้าง ส่วนตัวพี่วิวชอบเพลง Love Story มากที่สุดเลยค่ะ เนื้อหาน่ารักและจังหวะเพลงก็น่าฟังด้วย ฮัมตามแล้วรู้สึกอารมณ์ดีเชียว น้องๆ คนไหนที่นึกเพลงอื่นๆ ที่ได้แรงบันดาลใจจากในหนังสือออก ก็ส่งข่าวไว้ในคอมเมนต์ได้นะคะ พี่วิวจะได้ลองไปหามาฟังบ้างค่ะ ^ ^ 

 

songfacts.com/category-songs_inspired_by_books.php