กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน : 48 สารพัดเมนูน่าลองในเเบบไทยๆ

 

กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน :
48 สารพัดเมนูน่าลองในเเบบไทยๆ

 

สวัสดีค่ะ คอลัมน์ “สาระวรรณกรรม” วันนี้พี่หวานก็ยังมีสาระดีๆ จากวรรณคดีไทยมาเล่าให้ฟังกันเหมือนเดิม ครั้งนี้พี่หวานขอนำเสนอเรื่องสบายๆ ด้วยการหยิบยกวรรณคดีไทยที่เป็นบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่2) มาคุยกับเพื่อนๆ ชาวเด็กดีก็แล้วกันค่ะ ^__^
 
ถ้าจะพูดถึงอาหารไทยแล้วเนี่ย พี่หวานขอบอกเลยนะคะว่าโด่งดังและอร่อยไม่แพ้อาหารชาติไหนเลยล่ะ ถ้าสังเกตให้ดีจะพบว่ามีร้านอาหารไทยมากมายกระจายตัวอยู่แทบทุกมุมโลกเลยทีเดียว ด้วยรสชาติจัดจ้านกลมกล่อมและเป็นเอกลักษณ์ทำให้อาหารไทยหลายเมนูมีราคาสูงมากทีเดียวเมื่อไปขึ้นโต๊ะที่ภัตตาคารในต่างประเทศ
 
เพราะฉะนั้นแล้วเราถือว่าโชคดีมากแล้วค่ะที่ได้อยู่ในประเทศไทยที่สามารถตามหาอาหารไทยรับประทานได้ไม่ยากและราคาถูกอีกด้วย เอ๊ะ! อย่าเพิ่งคิดว่าพี่หวานนอกเรื่องนะคะ แล้วอาหารไทยเกี่ยวอะไรกับสาระวรรณกรรมกันล่ะ? ก็วันนี้เราจะมาคุยเรื่องวรรณคดีไทยที่เกี่ยวกับอาหารนั่นเองค่ะ อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนคงจะร้อง อ๋อออ… กันเป็นเสียงเดียวแน่นอน ใช่แล้วค่ะ วันนี้พี่หวานจะมานำเสนอวรรณคดีไทยเรื่อง กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน 48 สารพัดเมนูน่าลองในแบบไทยๆ แค่ฟังชื่อก็น้ำลายสอ ท้องร้องจ๊อกกกกกันแล้วใช่มั๊ยล่ะคะ งั้นเราไปดูกันดีกว่าว่าจะมีเมนูอะไรบ้าง

 

เห่ชมเครื่องคาว
 


(รูปจาก : https://en.wikipedia.org/wiki/Massaman_curry)
 
                               ๏    มัสมั่นแกงแก้วตา             หอมยี่หร่ารสร้อนแรง
                      ชายใดได้กลืนแกง                           แรงอยากให้ใฝ่ฝันหา

มัสมั่น เป็นอาหารใต้ที่ขึ้นชื่อเมนูหนึ่งเลยล่ะค่ะ รสชาติหวานเค็มมันและกลมกล่อมครบรสของน้ำแกง ทำให้ มัสมั่น ได้รับการเลือกให้เป็นอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก! จากผลโหวตผู้ใช้เฟสบุ๊กที่จัดสำรวจ 50 เมนูอาหารที่อร่อยที่สุดในโลก โดยเว็บไซต์ CNNGO แหม...เเค่เมนูเเรกก็หิวเเล้วนะคะเนี่ย แอบกระซิบว่าพี่หวานเองก็ชอบเมนู มัสมั่น เหมือนกันค่ะ > <

 
                               ๏ ยำใหญ่ใส่สารพัด               วางจานจัดหลายเหลือตรา
                       รสดีด้วยน้ำปลา                             ญี่ปุ่นล้ำย้ำยวนใจ

มาดูเมนูต่อมาเลยดีกว่า ยำใหญ่ หรือยำรวมมิตรนั่นเองค่ะ เพราะนี่คือเมนูที่ไม่ว่าจะอยากใส่อะไรก็ได้ตามใจทั้งนั้นเลย ในตัวบทประพันธ์จึงเขียนบอกไว้ว่า 'ยำใหญ่ใส่สารพัด'  ไงคะ อิอิ

 
                               ๏ ตับเหล็กลวกหล่อนต้ม         เจือน้ำส้มโรยพริกไทย
                       โอชาจะหาไหน                             ไม่มีเทียบเปรียบมือนาง

ส่วน ตับเหล็ก นั้นหลายคนคงจะคิดว่าทำมาจากตับของหมูใช่มั้ยคะ พี่หวานก็เคยเข้าใจอย่างนั้นเหมือนกันค่ะ แต่เมื่อหาข้อมูลกลับพบว่าเมนูตับเหล็กคือ ม้ามหมู ต่างหากล่ะค่ะทุกคนนนน *O*

 
   ๏ หมูแนมแหลมเลิศรส           พร้อมพริกสดใบทองหลาง
                       พิศห่อเห็นรางชาง                          ห่างห่อหวนป่วนใจโหย

หมูแนม คืออีกหนึ่งเมนูชื่อโบราณที่น่าจะมีหลายคนไม่เคยรู้จัก เมนูนี้นะคะจะนำเอาหมูสับไปคลุกกับเครื่องปรุงอื่นๆ จำพวกสมุนไพรต่างๆ ห่อด้วยใบทองหลางก่อนจะมัดทับด้วยใบตอง เก็บเอาไว้ประมาณสามวัน เมื่อต้องการรับประทานก็เอาไปจัดการย่างไฟเป็นอันเรียบร้อยค่ะ พี่หวานเเอบคิดว่าเมนูนี้อาจจะกลายมาเป็น แหนมหมู ในปัจจุบันก็ได้นะคะ

 

(รูปจาก : http://www.kasetdd.com/board/index.php?topic=1838.0)
 
                             ๏ ก้อยกุ้งปรุงประทิ่น              วางถึงลิ้นดิ้นแดโดย
                      รสทิพย์หยิบมาโปรย                      ฤๅจะเปรียบเทียบทันขวัญ

เมนูต่อมา แค่ชื่อเนี่ยพี่หวานก็รู้สึกอยากลองทานดูเลยค่ะ ก้อยกุ้ง ถือเป็นเมนูยอดนิยมของทางภาคอีสาน โดยจะนำกุ้งฝอยมาปรุงรส พี่หวานเคยได้ยินมาว่าเค้าจะช้อนกุ้งฝอยตัวเป็นๆ แบบที่ยังดิ้นอยู่ขึ้นมาใส่หม้อ ก่อนจะปรุงรสตามใจชอบและคลุกเคล้าให้เข้ากัน ถ้าจะให้อร่อยก็ต้องรับประทานกับข้าวเหนียวร้อนๆ ด้วย

 
  ๏ เทโพพื้นเนื้อท้อง              เป็นมันย่องล่องลอยมัน
                        น่าซดรสครามครัน                        ของสวรรค์เสวยรมย์ 

ส่วน แกงเทโพ คงจะเป็นชื่อเมนูที่คุ้นเคยสำหรับใครหลายๆ คน จากตัววรรณคดีนี้ เทโพ คือชื่อปลาค่ะ เพราะมีส่วนที่บรรยายถึงพื้นเนื้อตรงท้องของปลาเทโพที่ทั้งนุ่มและน่ารับประทาน พอเห็นก็ทำให้นึกไปถึงหน้าท้องของน้องนางที่รักนั่นเอง (อ่านไปก็เขินไปนะคะเนี่ย -////-)

 
                                ๏ ความรักยักเปลี่ยนท่า          ทำน้ำยาอย่างแกงขม
                        กลอ่อมกล่อมเกลี้ยงกลม                ชมไม่วายคล้ายคล้ายเห็น 

ต่อไปคือ แกงขม หรือแกงอ่อม นิยมรับประทานกันมากทางภาคอีสาน เน้นใส่ผักลงไปมากมายหลายชนิด จึงถือว่าเป็นอีกเมนูเพื่อสุขภาพได้ด้วยนะคะ

 
                               ๏ ข้าวหุงปรุงอย่างเทศ           รสพิเศษใส่ลูกเอ็น
                        ใครหุงปรุงไม่เป็น                          เช่นเชิงมิตรประดิษฐ์ทำ 

มาถึงอีกเมนู คือ ข้าวหุง ซึ่งในตัวบทวรรณคดีนี้ไม่ใช่ข้าวหุงธรรมดานะคะ แต่เป็นการนำข้าวมาหุงอย่างที่แบบชาวขาวแขกนิยมหุงกัน โดยใส่ ลูกเอ็น หรือ ลูกกระวาน เป็นเครื่องเทศลงไปด้วยเพื่อประโยชน์และกลิ่นหอม และรัชกาลที่สองได้ทรงรำพันต่อไปอีกว่าแม้ใครจะหุงข้าวนี้ก็ไม่วิเศษเหมือนฝีมือของพระศรีสุริเยนทรา

 
                               ๏ เหลือรู้หมูป่าต้ม                 แกงคั่วส้มใส่ระกำ 
                        รอยแจ้งแห่งความขำ                    ช้ำทรวงเศร้าเจ้าตรากตรอม 

เมนูถัดมาที่ปรากฏในตัววรรณคดีคือ แกงคั่วส้ม ค่ะ หลายข้อมูลก็บอกว่าแกงเทโพกับแกงคั่วส้มนั้นคล้ายกันมาก แต่เมนูในบทวรรณคดีนี้แตกต่างตรงที่ใส่เนื้อหมูป่าลงไปด้วยนั่นเองค่ะ

 
 ช้าช้าพล่าเนื้อสด              ฟุ้งปรากฏรสหื่นหอม
                        คิดความยามถนอม                       สนิทเนื้อเจือเสาวคนธ์

ส่วน 
พล่าเนื้อสด ก็คือเมนูที่นำเนื้อสดมาคลุกกับเครื่องปรุงรสแซบ ไม่ว่าจะเป็นตะไคร้ซอย ใบสะระแหน่ พริก น้ำปลา น้ำมะนาวได้ตามใจชอบเลยค่าาา

 

(รูปจาก : https://www.youtube.com/watch?v=xwTuqzLxUMI)
                         
                              ๏ ล่าเตียงคิดเตียงน้อง            นอนเตียงทองทำเมืองบน
                       ลดหลั่นชั้นชอบกล                         ยลอยากนิทรคิดแนบนอน

                              ๏ เห็นหรุ่มรุมทรวงเศร้า            รุ่มรุ่มเร้าคือไฟฟอน
                       เจ็บไกลในอาวรณ์                           ร้อนรุมรุ่มกลุ้มกลางทรวง
 
มาถึงสองเมนูที่อาจจะต้องใช้สายตามองดูให้ดีก่อนนะคะ ที่พี่หวานจะพูดถึงต่อไปก็คืออาหารว่างโบราณที่ชื่อ ล่าเตียง และ หรุ่ม นั่นเองค่ะ ไส้ข้างในมีการนำเนื้อหมูสับมาผัดรวมกับหัวหอมหรือเครื่องต่างๆ แล้วนำไข่มาห่อค่ะ แต่ลักษณะภายนอกของสองเมนูนี้ คล้ายคลึงกันมากกก จุดแตกต่างกันก็อยู่ตรงที่ว่า ล่าเตียง จะใช้ไข่ที่ทอดให้เป็นแพหรือตาข่ายมาห่อ แต่ หรุ่ม จะใช้ไข่ทอดเป็นแผ่นเรียบมาห่อได้เลยค่ะ ถ้าใครยังสับสนกับสองเมนูนี้ดูรูปภาพประกอบได้น้าาา

 
 
(รูปจาก : https://luxuryvacasia.wordpress.com/2013/10/15/got-expensive-taste-buds/)
 
                              ๏ รังนกนึ่งน่าซด                     โอชารสกว่าทั้งปวง
                        นกพรากจากรังรวง                          เหมือนเรียมร้างห่างห้องหวน

เมนูต่อมาคือ รังนก ค่ะ เมนูนี้นอกจากจะรับประทานร้อนๆ เพื่อสุขภาพ ความหมายแฝงจากตัววรรณคดียังลึกซึ้งจับใจอีกด้วย เมื่อรัชกาลที่สองได้เสวยรังนกนึ่งก็เข้าใจความรู้สึกของนกที่ต้องถูกพรากจากรัง เพราะตอนนี้ความรู้สึก ก็เหมือนตัวพี่ที่ถูกพรากจากนางนั่นเองค่ะทุกคน > ///<

 
                              ๏ ไตปลาเสแสร้งว่า                ดุจวาจากระบิดกระบวน
                        ใบโศกบอกโศกครวญ                     ให้พี่เคร่าเจ้าดวงใจ

ส่วนเมนู 
ไตปลา ก็คือแกงไตปลา ซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของทางภาคใต้ รสชาติจัดจ้านและเข้มข้นถึงใจจนกลายเป็นอาหารติดบ้านที่ทุกคนแทบจะขาดไม่ได้ต้องทำกินตลอด ซึ่งก็จะมีการใส่ผักลงไปหลากหลายทำให้เป็นอีกเมนูเพื่อสุขภาพเช่นกันค่ะ
 
แสร้งว่า เป็นอาหารไทยโบราณอีกชนิดหนึ่งที่มีรสจัดจ้าน ปรุงโดยมีส่วนผสมส่วนมากเป็นสมุนไพรไทยที่ดีต่อสุขภาพ มาในรูปแบบของการยำสารพัดเช่นกัน ส่วนมากที่พี่หวานพบเห็นจะเป็นการทำแสร้งว่ากุ้งค่ะ มีการใช้กุ้งแม่น้ำตัวใหญ่ย่างจนสุกด้วยเตาถ่าน ก่อนจะนำมาคลุกเคล้ากับเครื่องยำนั่นเอง พี่หวานเขียนมาถึงตรงนี้ก็รู้สึกว่าจะยิ่งหิวมากขึ้นทุกทีเเล้วค่ะ T__T

 

( รูปจาก : http://www.isriya.com/node/3903/จันทรโภชนา-จันทบุรี )
 
                             ๏ ผักโฉมชื่อเพราะพร้อง               เป็นโฉมน้องฤๅโฉมไหน
                        ผักหวานซ่านทรวงใน                        ใคร่ครวญรักผักหวานนาง ๚

และเมนูอาหารคาวเมนูสุดท้ายก็คือ ผัดผักหวาน นั่นเองค่ะ ผักหวานนี้มีประโยชน์มากเลยนะคะ มีสารเบต้าแคโรทีนช่วยต้านอนุมูลอิสระได้ด้วย นอกจากนี้ยังช่วยลดโคเรสเตอรอลและช่วยละลายไขมันได้อีกด้วย รู้ว่ามีประโยชน์ขนาดนี้ไม่กินไม่ได้แล้วนะคะ 

 
หลังจากอิ่มอร่อยกับอาหารคาวกันไปแล้ว... พี่หวานก็จะขอเสิร์ฟผลไม้ต่อเลยแล้วกันนะคะ เห็นประเทศไทยเป็นเมืองร้อนอย่างนี้แต่ว่าถ้าเรื่องการทำการเกษตรนี่ไม่เป็นรองใครเลยล่ะ เพราะอากาศร้อนๆ นี่เองที่ทำให้เพาะปลูกอะไรก็ง่ายดาย โดยเฉพาะ ผลไม้ ที่ออกผลมีให้รับประทานกันแทบทุกฤดูไม่ซ้ำอย่างกันเลยด้วย ส่วนในกาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวานจะมีผลไม้อะไรกันบ้างนั้น ไปดูกันเล้ยยยย

 

  

เห่ชมผลไม้
 


( รูปจาก : http://www.clovegarden.com/ingred/pm_prod.html )
 
                            ๏ ผลชิดแช่อิ่มอบ                      หอมตรลบล้ำเหลือหวาน
                        รสไหนไม่เปรียบปาน                       หวานเหลือแล้วแก้วกลอยใจ

มาถึงผลไม้อย่างแรก คือ ผลชิด หรือที่เราเรียกกันว่าลูกชิดนั่นเองค่ะ เป็นผลไม้ที่ได้จากต้นต๋าว ซึ่งเป็นพืชตระกูลปาล์มพบมากทางภาคใต้ มีรสหวานอร่อย แต่ในบทประพันธ์ก็ได้เปรียบเอาไว้ว่า ถึงจะหวานขนาดไหน ก็ไม่หวานสู้น้องนางที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพี่ > <

 

( รูปจาก : http://www.clovegarden.com/ingred/pm_prod.html )
 
                            ๏ ตาลเฉาะเหมาะใจจริง              รสเย็นยิ่งยิ่งเย็นใจ
                       คิดความยามพิสมัย                          หมายเหมือนจริงยิ่งอยากเห็น 

ผลไม้ชนิดต่อมาคือ ตาลเฉาะ หรือก็คือผลลูกตาล เป็นพืชตระกูลปาล์ม เป็นผลไม้อีกชนิดที่มีรสชาติหวานนุ่มลิ้นไม่ต่างจากลูกชิดเลยค่ะ คนที่บ้านพี่หวานชอบปอกลูกตาลแช่ตู้เย็นไว้ เวลาเหนื่อยๆ ร้อนๆ พอได้กินตาลเฉาะเย็นๆ ก็ชื่นใจมากทีเดียว

 
                           ๏ ผลจากเจ้าลอยแก้ว                บอกความแล้วจากจำเป็น
                      จากช้ำน้ำตากระเด็น                        เป็นทุกข์ท่าหน้านวลแตง

ส่วน ผลจาก ก็ยังคงถือเป็นพืชตระกูลปาล์มเหมือนกับลูกชิดและตาลค่ะ พบมากทั่วไปในแถบภาคใต้เช่นกัน ลูกจากนั้นมีเนื้อนุ่ม หอม และรสชาติก็หวานมากกก แต่เพื่อนๆ ชาวเด็กดีอย่าเผลอสับสนกันล่ะ ลูกจากกับลูกชิดนั้น เป็นเพียงพืชตะกูลเดียวกัน แต่ส่วนที่เรานำมารับประทานนั้นได้มาจาก พืชคนละต้น ผลคนละเเบบ กันนะคะ

 

( รูปจาก : http://mbg.com.my/MBG/news-a-updates/weekly-info/1408-marian-plum.html )
 
                           ๏ หมากปรางนางปอกแล้ว         ใส่โถแก้วแพร้วพรายแสง
                     ยามชื่นรื่นโรยแรง                            ปรางอิ่มอาบซาบนาสา

หมากปราง หรือมะปรางในปัจจุบัน เป็นผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวอมหวาน ในที่นี้รัชกาลที่สองได้บรรยายเอาไว้ว่า เมื่อได้ทานมะปรางที่น้องปอกไว้ให้แล้วก็รู้สึกชื่นใจ ซึ่งมะปรางมีลักษณะเป็นผลรีและผิวเนียน คล้ายกับผิวแก้มของน้องนาง *เพิ่มเติม พระปราง เป็นคำราชาศัพท์ แปลว่า แก้ม นั่นเองค่ะ

 

( รูปจาก : https://commons.wikimedia.org/wiki/File:Mango_OkrongTong_Asit_ftg.jpg )
 
                           ๏ หวนห่วงม่วงหมอนทอง            อีกอกร่องรสโอชา
                   คิดความยามนิทรา                             อุราแนบแอบอกอร

ผลไม้ชนิดต่อมาคือ ม่วง หรือมะม่วง ในที่นี้คือมะม่วงพันธุ์หมอนทองกับอกร่อง โดยมีความนัยแฝงเอาไว้ว่า เมื่อรัชกาลที่สองได้เสวยทุเรียนและมะม่วงก็หวนคิดถึงเมื่อยามได้นอนพักผ่อนแนบชิดแอบอิงกายพิงหมอนอยู่กับน้องนาง… เอ่อ พี่หวานว่าเราข้ามไปที่บทต่อไปกันดีกว่าเนอะว่ายังมีผลไม้อะไรเหลืออยู่บ้าง แหะๆ /// ^//)

 

( รูปจาก : https://authoritynutrition.com/foods/lychees/ )


( รูปจาก : http://daily.bangkokbiznews.com/detail/176079 )
 
                          ๏ ลิ้นจี่มีครุ่นครุ่น                        เรียกส้มฉุนใช้นามกร
                   หวนถวิลลิ้นลมงอน                            ชะอ้อนถ้อยร้อยกระบวน
 
ผลไม้ชนิดต่อมาคือ ลิ้นจี่ ซึ่งเป็นผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีรสชาติหวานอมเปรี้ยว หอม เนื้อนุ่ม น่ารับประทาน เเละเหมาะกับอากาศร้อนๆ ของประเทศไทยเป็นอย่างมากเลยค่ะ

ส่วน ส้มฉุน นั้น หลายคนก็คงเพิ่งจะเคยได้ยินชื่อเหมือนพี่หวานใช่มั๊ยคะ พี่หวานก็ได้ไปหาข้อมูลมาพบว่า ส้มฉุนเป็นชื่อของหวานโบราณชนิดหนึ่ง โดยจะนำผลไม้ประจำฤดูกาลนั้นๆ ถ้ามีเม็ดก็ต้องคว้านออก โดยในที่นี้จะต้องมีลิ้นจี่มาเป็นส่วนประกอบด้วย นิยมนำมาทำในลักษณะของผลไม้ลอยแก้วค่ะ เติมน้ำแข็งนิดหน่อย ก็รับประทานได้อย่างชื่นใจแล้ว
 



 ๏
พลับจีนจักด้วยมีด               ทำประณีตน้ำตาลกวน
                   คิดโอษฐ์อ่อนยิ้มยวน                        ยลยิ่งพลับยับยับพรรณ

พลับจีน คือผลไม้อีกชนิดหนึ่งที่มีแคลอรี่และไขมันต่ำ มีประโยชน์มากมายเลยล่ะค่ะ โดยจะสามารถแบ่งได้เป็น พันธุ์รสหวาน ที่รับประทานได้เลย กับพันธุ์รสฝาด ที่อาจจะต้องนำไปผ่านกระบวนการบางอย่างเพื่อลดความฝาด ลูกพลับจีนพันธุ์รสฝาดจึงนิยมนำมาทำเป็นพลับอบแห้ง 

 

( รูปจาก : http://www.tipdisease.com/2014/12/benefits-and-nutrition-of-custard-apple.html )
 
                          ๏ น้อยหน่านำเมล็ดออก           ปล้อนเปลือกปอกเป็นอัศจรรย์
                  มือใครไหนจักทัน                            เทียบเทียมที่ฝีมือนาง

ส่วนต่อมาคือ น้อยหน่า ได้มีการกล่าวถึงฝีมือของพระศรีสุริเยนทราในการจัดการกับเมล็ดของน้อยหน่าได้อย่างเบามือไม่ให้ผลน้อยหน่าช้ำเลยแม้แต่น้อย ในสมัยนั้นถือเป็นความมหัศจรรย์ที่ยากจะหาใครมีฝีมือเทียบได้อย่างที่พระนางทำนั่นเองค่ะ

 
                          ๏ ผลเกดพิเศษสด                   โอชารสล้ำเลิศปาง
                   คำนึงถึงเอวบาง                              สางเกศเส้นขนเม่นสอย

ผลเกด สันนิษฐานว่าเป็นผลของต้นไม้ชนิดหนึ่งประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ที่ชื่อว่าต้นเกด โดยผลจะมีรสชาติหวานมาก ซึ่งตรงนี้พี่หวานคิดว่าผลเกดกับลูกเกดน่าจะเป็นคนละอย่างกันด้วยค่ะ

 
                          ๏ ทับทิมพริ้มตาตรู                  ใส่จานดูดุจเม็ดพลอย
                    สุกแสงแดงจักย้อย                        อย่างแหวนก้อยแก้วตาชาย

ต่อมาคือ ทับทิม ก็อย่างที่ทุกคนรู้จักกันดีกว่า เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยประโยชน์อย่างมาก ทั้งรับประทานได้เลยและนำไปทำเป็นน้ำทับทิมก่อนค่อยดื่ม ซึ่งตัวบทประพันธ์ได้กล่าวถึงลักษณะของทับทิมว่าแวววาวสีสวยดั่งพลอยน้ำงาม เหมือนแหวนของน้องนางที่รัก

 

( รูปจาก : http://food.detik.com/read/2015/03/11/145314/2855754/297/monthong-hingga-kradumthong-jenis-durian-manis-asal-thailand )
 
                          ๏ ทุเรียนเจียนตองปู                เนื้อดีดูเหลือเรืองพราย
                    เหมือนศรีฉวีกาย                           สายสวาทพี่ที่คู่คิด

ว้าวว... มาถึงผลไม้ชนิดนี้แล้วนะคะ พี่หวานจะขอนำเสนอผลไม้ที่ได้ฉายาว่าเป็น 'ราชาแห่งผลไม้' นั่นก็คือ ทุเรียน >< (มีใครชอบทานทุเรียนเหมือนพี่หวานบ้างคะ ยกมือหน่อย อิอิ) แน่นอนว่าถ้าพูดถึงเรื่องผลไม้ไทยจะไม่พูดถึงทุเรียนคงเป็นไปไม่ได้ เพราะถือเป็นผลไม้ที่ขึ้นชื่อมากที่สุด ที่สำคัญคือเป็นอีกหนึ่งผลไม้ส่งออกที่สร้างรายได้ให้แก่ประเทศไทยอย่างมากอีกด้วยนะคะเนี่ย 

 

( รูปจาก : http://www.vitaminclass.com/langsat-fruit-benefits/ )
 
                         ๏ ลางสาดแสวงเนื้อหอม          ผลงอมงอมรสหวานสนิท
                   กลืนพลางทางเพ่งพิศ                    คิดยามสารทยาตรามา

ผลไม้ชนิดต่อไปที่ปรากฏก็คือ ลางสาด ค่ะ ผลไม้ชนิดนี้มีความคล้ายคลึงกับ ลองกอง อย่างมาก แต่ว่าเป็นคนละอย่างกันนะคะ เนื้อของผลลางสาดจะมีรสหวานอมเปรี้ยวมากกว่าและเนื้อจะดูฉ่ำใสมากกว่าค่ะ 

 

( รูปจาก : http://www.momjunction.com/articles/rambutan-during-pregnancy_00378529/ )
 
                          ๏ ผลเงาะไม่งามแงะ               มล่อนเมล็ดและเหลือปัญญา
                    หวนเห็นเช่นรจนา                         จ๋าเจ้าเงาะเพราะเห็นงาม

ต่อมาคือ เงาะ ซึ่งเป็นอีกผลไม้โปรดของใครหลายๆ คน เพราะมีรสหวาน ยิ่งรับประทานตอนที่แช่เย็น พี่หวานคิดว่ารสชาติคงจะยิ่งหวานจับใจเลยล่ะ
 
 

( รูปจาก : http://www.smeleader.com/สละลอยแก้ว-สไตล์จันท์ )
 
                          ๏ สละสำแลงผล                     คิดลำต้นแน่นหนาหนาม
                   ท่าทิ่มปิ้มปืนกาม                            นามสละมละเมตตา ๚

และก็มาถึงผลไม้ชนิดสุดท้ายที่พี่หวานพบในบทประพันธ์แล้ววว นั่นคือ สละ ซึ่งเป็นผลไม้ที่มีเอกลักษณ์อย่างมาก คือมีหนามแข็งแหลมยื่นออกมารอบผล มีรสชาติเปรี้ยวนำหวานตาม เป็นแหล่งของวิตามินมากมาย ช่วยในการย่อยอาหาร จึงมีสาวๆ หลายคนเลือกรับประทานสละเป็นผลไม้เพื่อช่วยในการลดน้ำหนักได้ด้วยนะคะ

 
ผลไม้ที่ถูกกล่าวถึงในบทประพันธ์ก็มีมากมายเลยใช่มั๊ยคะ หลายคนอาจจะเคยทานมาจนครบทุกอย่างแล้ว แต่ยังมีอีกหลายอย่างที่พี่หวานไม่เคยลองทานเลยค่ะ สงสัยว่าตอนที่ทำบทความนี้เสร็จคงจะต้องไปลองให้ครบแล้วค่ะ

เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา... มาปิดท้ายกันด้วย ของหวาน กันดีกว่า

 

เห่ชมของหวาน
 


( รูปจาก : http://www.viteetam.com/อาหาร-เครื่องดื่ม/วิธีทำข้าวเหนียวสังขยา )


( รูปจาก : https://www.youtube.com/watch?v=DGNGBdoYyX0 )
 
                           ๏ สังขยาหน้าตั้งไข่               ข้าวเหนียวใส่สีโศกแสดง
                   เป็นนัยไม่เคลือบแคลง                     แจ้งว่าเจ้าเศร้าโศกเหลือ

มาเริ่มกันที่เมนูของหวานเมนูแรกคือ สังขยาหน้าตั้งไข่ หรือขนมสังขยาที่ในปัจจุบันมีหน้าอื่นๆ เพิ่มขึ้นมาอย่างหลากหลาย ซึ่งในส่วนของข้าวเหนียวในที่นี้คือข้าวเหนียวมูนนั่นเองค่ะ โดยมีการเพิ่มสีสันให้แก่ข้าวเหนียวมูน จึงคล้ายกับอีกเมนูในบทประพันธ์ที่เรียกว่า ข้าวเหนียวใส่สี

 

( รูปจาก : http://www.templeofthai.com/recipes/thai-dessert-salim.php )
 
                           ๏ ซ่าหริ่มลิ้มหวานล้ำ               แทรกใส่น้ำกะทิเจือ
                   วิตกอกแห้งเครือ                             ได้เสพหริ่มพิมเสนโรย

ต่อมาคือ ซ่าหริ่ม เมนูของหวานสีสันสดใส และรสชาติก็หวานชื่นใจ ด้วยเส้นซ่าหริ่มที่นุ่มหนึบ ผสมผสานกับน้ำกะทิเป็นมัน ใส่น้ำแข็งเย็นๆ ลงไปอีกสักก้อน แค่คิดภาพตามก็รู้สึกอยากจะวิ่งไปซื้อมากินสักถ้วยแล้วค่ะ >///<

 

( รูปจาก : http://www.easycookingmenu.com/index.php/เมนูครัวในบ้านฯ/เกสรลำเจียก )
 
                           ๏ ลำเจียกชื่อขนม                    นึกโฉมฉมหอมชวยโชย
                    ไกลกลิ่นดิ้นแดโดย                          โหยไห้หาบุหงางาม 

ขนมลำเจียก เป็นขนมไทยโบราณอีกอย่างหนึ่ง ซึ่งตอนนี้ถือเป็นขนมขึ้นชื่อของจังหวัดอ่างทอง มีลักษณะเป็นแป้งห่อไส้ขนมแล้วม้วน นำไปคลุกกับมะพร้าวขูดเพิ่มรสชาติ เมนูนี้พี่หวานไม่เคยลองเลยค่ะ ถ้าใครเคยลองชิมแล้วมีรสชาติเป็นยังไงมาเล่าให้ฟังด้วยนะคะ

 

( รูปจาก : http://www.bloggang.com/mainblog.php?id=bedolphin&month=06-06-2012&group=4&gblog=19 )
 
                             ๏ มัศกอดกอดอย่างไร               น่าสงสัยใคร่ขอถาม
                      กอดเคล้นจะเห็นความ                       ขนมนามนี้ยังแคลง 

มีใครเพิ่งเคยได้ยินชื่อขนม มัศกอด เหมือนพี่หวานบ้างมั๊ยคะ มัศกอดเป็นชื่อขนมที่มีมาตั้งแต่สมัยโบราณ บ้างก็บอกว่ามีรสชาติคล้ายขนมไข่ ส่วนลักษณะภายนอกพี่หวานคิดว่าเหมือนคัพเค้กเลยค่ะ ยิ่งโรยหน้าด้วยมะพร้าวขูดใส่สีต่างๆ ดูสดใสน่าทานมากเลย

 

( รูปจาก : http://royalthaicuisine.blogspot.com/2014/01/blog-post_5809.html )
 
                             ๏ ลุดตี่นี้น่าชม                        แผ่แผ่นกลมเพียงแผ่นแผง 
                     โอชาหน้าไก่แกง                             แคลงของแขกแปลกกลิ่นอาย

ต่อมาเป็นขนมที่เรียกว่า ลุดตี่ ถ้าอ่านตามบทประพันธ์ก็จะเห็นว่ามีลักษณะเป็นแป้งแผ่นกลม ทอดกรอบ และมีการราดด้วยแกงไก่ มีรสชาติและกลิ่นคล้ายอาหารแขก พี่หวานเลยคิดว่าลุดตี่ในสมัยโบราณอาจจะมีความใกล้เคียงกับโรตีในปัจจุบันก็เป็นได้

 

( รูปจาก : http://board.postjung.com/851277.html )
 
                              ๏ ขนมจีบเจ้าจีบห่อ                งามสมส่อประพิมพ์ประพาย
                      นึกน้องนุ่งจีบกราย                           ชายพกจีบกลีบแนบเนียน

เมนูต่อมาคือ ขนมจีบ ซึ่งรัชกาลที่สองได้บรรยายความรู้สึกตอนเห็นขนมจีบไว้ว่าทำให้นึกถึงการจีบชายของผ้าที่น้องนุ่ง และใครก็ห่อและพับจีบขนมจีบได้ไม่สวยเหมือนที่น้องทำ พี่หวานอ่านไปแล้วก็อดยิ้มตามกับความรักที่รัชกาลที่สองมีต่อพระศรีสุริเยนทราไม่ได้เลยล่ะค่ะ >__<

 

( รูปจาก : http://cartoonmook.blogspot.com/ )
 
                              ๏ รสรักยักลำนำ                       ประดิษฐ์ทำขนมเทียน
                     คำนึงนิ้วนางเจียน                              เทียนหล่อเหลาเกลากลึงกลม

มาถึงขนมของโปรดใครหลายๆ คนแล้วค่ะ(พี่หวานก็ด้วย อิอิ) นั่นก็คือ ขนมเทียน มีข้อมูลว่าขนมเทียนเกิดจากคนจีนโบราณ ซึ่งดัดแปลงมาจากขนมใส่ไส้ของไทย มีทั้งรสเค็มและรสหวานให้เลือกทานได้ตามชอบ ขนมเทียนเป็นขนมที่พี่หวานมักจะได้ทานในตอนที่บ้านของเพื่อนที่เป็นคนไทยเชื้อสายจีนทำขึ้นเพื่อใช้ในพิธีมงคลต่างๆ  

 

( รูปจาก : http://salee-recipe.blogspot.com/2009/05/khanom-tong-yibgolden-flowers.html )
 
                             ๏ ทองหยิบทิพย์เทียมทัด           สามหยิบชัดน่าเชยชม
                      หลงหยิบว่ายาดม                             ก้มหน้าเมินเขินขวยใจ

ทองหยิบ เป็นขนมโปรตุเกสที่ไทยได้รับมาจากท้าวทองกีบม้าที่เข้ามายังกรุงศรีอยุธยา ทำมาจากไข่แดงที่ตีจนฟูนำไปหยอดลงในน้ำเชื่อมที่ต้มจนเดือด ทำให้ทองหยิบมีรสชาติหวานนุ่ม และเพราะชื่อขึ้นต้นด้วยคำว่า ทอง ปัจจุบันผู้คนมักใช้เป็นขนมในงานมงคล 

 

( รูปจาก : http://www.168howto.com/วิธีทำขนม/วิธีทำขนมไทย/วิธีทำขนมผิง )
 
                             ๏ ขนมผิงผิงผ่าวร้อน                  เพียงไฟฟอนฟอกทรวงใน
                      ร้อนนักรักแรมไกล                              เมื่อไรเห็นจะเย็นทรวง 

ต่อมาคือ ขนมผิง จะต้องมีการผ่านขั้นตอนหลายอย่าง และขั้นตอนหนึ่งก็คือต้องเข้าเตาอบเพื่อให้ออกมาเป็นขนมผิงกรอบๆ อย่างที่เราเคยทานกัน รัชกาลที่สองทรงเปรียบเทียบว่าขนมผิงที่ต้องผิงไฟจนร้อนนี้ ก็เหมือนใจพี่ที่มีไฟรักร้อนอยู่ข้างในอกเมื่อน้องต้องมาจากไกล เมื่อไหร่ใจจะเย็นลงได้ เป็นการพรรณาภาพความคิดถึงได้อย่างชัดเจนมากทีเดียวค่ะ

 
                             ๏ รังไรโรงด้วยแป้ง                   เหมือนนกแกล้งทำรังรวง
                       โอ้อกนกทั้งปวง                              ยังยินดีด้วยมีรัง

รังไร เป็นชื่อเรียกขนมไทยโบราณชนิดหนึ่งที่ทำขึ้นจากส่วนผสมเบื้องต้นง่ายๆ คือแป้ง กะทิ และน้ำตาล อาจจะมีการใส่สีสันเพื่อให้น่ารับประทาน พี่หวานคิดว่าที่ได้ชื่อขนมรังไรคงจะเพราะมีลักษณะคล้ายรังที่นกอาศัยอยู่ รัชกาลที่สองจึงมีการเปรียบเทียบว่า รังไรโรยด้วยแป้ง  เหมือนนกแกล้งทำรังรวง นั่นเองค่ะ

 
                            ๏ ทองหยอดทอดสนิท                ทองม้วนมิดคิดความหลัง
                       สองปีสองปิดบัง                              แต่ลำพังสองต่อสอง

ลำดับต่อมาคือขนม ทองหยอด ซึ่งมีที่มาและวิธีทำคล้ายกันกับขนมทองหยิบเลยค่ะ และในปัจจุบันก็ยังมีการใช้ประกอบเป็นขนมในพิธีมงคลมากมายเช่นกัน 

 
                           ๏ งามจริงจ่ามงกุฏ                     ใส่ชื่อดุจมงกุฏทอง
                      เรียมร่ำคำนึงปอง                             สะอิ้งน้องนั้นเคยยล  

มาถึงขนม จ่ามงกุฏ ขนมไทยอีกอย่างมีรูปร่างหน้าตาน่ารักมากเลยค่ะ พี่หวานชอบที่มีการทำออกมาคล้ายกับมงกุฏจริงๆ คนที่ทำได้จะต้องประณีตมากเลยนะคะเนี่ย และวันนี้พี่หวานมีข้อมูลในส่วนนี้จะเล่าให้ฟังด้วยค่ะ แท้จริงแล้ว...ขนมที่มีลักษณะคล้ายมงกุฎแบบนี้เรียกว่า ทองเอกกระจัง หรือ ดาราทอง แต่ที่คนปัจจุบันเรียกว่าจ่ามงกุฎ อาจเพราะมีลักษณะคล้ายกับมงกุฎอย่างที่พี่หวานว่าก็ได้นะคะ 

แต่ใครบ้างที่จะรู้ว่าขนมจ่ามงกุฎในสมัยโบราณนั้นแท้จริงแล้วมีลักษณะคล้ายกาละแม เป็นแป้งข้าวเหนียวกวนกับน้ำตาลและกะทิจนหนึบ มีการใส่เมล็ดแตงโมทอดหรือถั่วลงไป ก่อนจะห่อด้วยใบตองมีลักษณะคล้ายห่อสังขยาในปัจจุบัน

 

( รูปจาก : http://www.imgrum.net/tag/bualoy )
 
                           ๏ บัวลอยเล่ห์บัวงาม                  คิดบัวกามแก้วกับตน
                      ปลั่งเปล่งเคร่งยุคล                          สถนนุชดุจประทุม 

และอีกขนมที่ใครหลายคนคงรู้จักดี ก็คือขนม บัวลอย ค่ะ มีการนำผักหรือผลไม้ที่มีสีสันต่างกันมาบดละเอียด คลุกกับแป้งก่อนจะปั้นเป็นก้อน ซึ่งขั้นตอนนี้อาจจะให้เด็กๆ มาช่วยกันทำถือเป็นกิจกรรมเล็กๆ ในครอบครัวก็ได้นะคะ เรียกได้ว่าเป็นอีกเมนูของหวานที่ทุกเพศทุกวัยต้องชื่นชอบเลยล่ะค่ะ

 

( รูปจาก : http://www.thaigoodview.com/node/198197 )
 
                           ๏ ช่อม่วงเหมาะมีรส                  หอมปรากฏกลโกสุม
                    คิดสีสไลคลุม                                 หุ้มห่อม่วงดวงพุดตาน 

มาถึงเมนูสุดเริศหรูอย่างขนม ช่อม่วง ที่พี่หวานใช้คำบรรยายแบบนี้เพราะว่าขนมช่อม่วงเป็นขนมที่ต้องผ่านฝีมือที่ประณีตงดงาม สมกับเป็นขนมชาววังขนานแท้ สอดไส้ด้วยหมู ไก่ หรือกุ้งผัดตามชอบ ทำให้ได้รสชาติของแป้งที่ตัดกับไส้คาว จึงไม่ถือเป็นของหวานเลี่ยนมากนัก ถ้าดูจากรูปคงจะเห็นว่าเป็นขนมที่ต้องใช้ฝีมือมากจริงๆ ค่ะ

 
                          ๏ ฝอยทองเป็นยองใย                เหมือนเส้นไหมไข่ของหวาน
                   คิดความยามเยาวมาลย์                      เย็บชุนใช้ไหมทองจีน ๚

และก็เดินทางมาถึงของหวานเมนูสุดท้าย นั่นก็คือ ฝอยทอง ค่ะ ตั้งแต่ต้นจนบทสุดท้ายรัชกาลที่สองยังคงความโรแมนติกในแบบของท่านเอาไว้ไม่ขาดตกบกพร่อง เพราะมีการเปรียบฝอยทองเป็นหมือนเส้นไหมด้ายทองยามที่น้องใช้เย็บชุนเสื้อผ้า ยิ่งความหวานของฝอยทองคงจะสู้ไม่ได้กับความหวานของความรักที่ทั้งสองพระองค์มีต่อกันเลยล่ะค่ะ
 
 

จากบทพระราชนิพนธ์ กาพย์เห่ชมเครื่องคาวหวาน ที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัยได้ประพันธ์ขึ้นเพื่อแสดงความรักและความคิดถึงที่มีต่อพระศรีสุริเยนทรา นอกจากเราจะได้เห็นการถ่ายทอดความรักในแบบสมัยก่อน ยังทำให้อาหารไทย รวมไปถึงผลไม้และของหวานโบราณต่างๆ ได้เป็นที่รู้จักขึ้นมาอีกครั้ง เพราะว่าในปัจจุบันบางบทเรียนก็ยังมีการนำบทพระราชนิพนธ์ของรัชกาลที่สองไปประกอบการสอนทำให้คนรุ่นหลังยังพอจะมีโอกาสที่จะได้รู้จักเมนูไทยโบราณที่บางอย่างก็แทบหาไม่ได้ในปัจจุบันเเล้ว และพี่หวานคิดว่านี่เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะอนุรักษ์ความเป็นไทยดั้งเดิมเอาไว้ได้อย่างดีมากทีเดียวค่ะ
 

เป็นยังไงบ้างคะ 48 เมนู! นี่ไม่ใช่น้อยๆ เลย พอได้มานั่งเขียนไปทีละเมนูอย่างนี้ พี่หวานก็รู้เลยว่าตัวเองเพิ่งเคยรับประทานไปไม่กี่อย่างเองค่ะ ถ้าเพื่อนๆ น้องๆ ชาวเด็กดีคนไหนพบเจอเมนูอื่นเพิ่มเติม หรือว่าเคยลองทางอะไรกันมาบ้าง สามารถเข้ามาพูดคุยกันได้เลยน้าา ส่วนคราวหน้าพี่หวานจะมีเรื่องอะไรมาเล่าให้ฟังอีก อย่าลืมติดตามด้วยนะคะ ^____^


 
ขอบคุณข้อมูลจาก
http://puechkaset.com/ต้นจาก
http://www.sahavicha.com/?name=article&file=readarticle&id=2528
http://www.adrenalinerushdiaries.com/my-tiny-kitchen/ส้มฉุน
http://numintkab.blogspot.com/2012/08/blog-post_8122.html
https://th.wikipedia.org/wiki/ทุเรียน
http://frynn.com/
http://royalthaicuisine.blogspot.com/
http://www.easycookingmenu.com/index.php/เมนูครัวในบ้านฯ/เกสรลำเจียก
http://www.foodtravel.tv/recfoodShow_Detail.aspx?viewId=2796
http://www.thaicookingrecipe.com/
https://www.gotoknow.org/posts/544638
http://topicstock.pantip.com/food/topicstock/2012/03/D11825690/D11825690.html
https://www.facebook.com/notes/bkkmenucom/ถ้าขนมจ่ามงกุฎ-ไม่ใช่-จ่ามงกุฎ/10151699149854420/
พี่หวาน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กำลังโหลด
Pengu Member 29 มิ.ย. 59 21:29 น. 6

ขนมเกสรดอกลำเจียก อร่อยมากๆๆ ของขึ้นชื่อจังหวัดอ่างทองจริงๆ นั้นแหล่ะ  เพราะได้ลองครั้งแรกก็ที่อ่างทอง น่าจะเป็นตลาด 100 ปี ศาลเจ้าโรงทอง ติดใจมาก หวานพอดีๆ อีกทีที่มีขายคือตลาดบ้านใหม่ ร้อยปี ฉะเชิงเทรา ต้องซื้อกลับมาบ้าน เพราะที่บ้านไม่มีขาย

รักเลยรักเลยรักเลย

1
กำลังโหลด
sawarosky Member 20 ก.ค. 59 11:28 น. 7

ชอบกาพย์เห่นี้มากๆ เลยค่ะ ฟังเพลินดี

แต่ว่า..ภาพล่อตาล่อใจขนาดนี้ ทรมานกระเพาะเหลือเกินค่ะ

1
กำลังโหลด
กำลังโหลด

20 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
hermit 28 มิ.ย. 59 13:11 น. 2
วรรคทองหยอด น่าจะมี ทองม้วน ด้วยรึเปล่า แต่ไม่เห็นเน็นสีแดงเลย "ทองหยอด" ทอดสนิท "ทองม้วน" มิดคิดความหลัง
1
กำลังโหลด
WeraphatS Member 28 มิ.ย. 59 21:24 น. 3

เป็นคนที่ไม่ค่อยกินขนมไทย...เพราะกินทีไรมันมักจะหยุดมือไม่ให้หยิบชิ้นต่อไปไม่ได้สักที สุดท้าย...น้ำหนักขึ้น

(แต่จริงๆ ก็ชอบกินแหละ ยิ่งตลาดน้ำในจังหวัดที่อยู่ไม่ไกลมีพวกช่อม่วง จ่ามงกุฎ ฯลฯ ขายนี่ยิ่งลาภปาก //แต่ลำบากตอนลดน้ำหนัก ฮา)

1
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Pengu Member 29 มิ.ย. 59 21:29 น. 6

ขนมเกสรดอกลำเจียก อร่อยมากๆๆ ของขึ้นชื่อจังหวัดอ่างทองจริงๆ นั้นแหล่ะ  เพราะได้ลองครั้งแรกก็ที่อ่างทอง น่าจะเป็นตลาด 100 ปี ศาลเจ้าโรงทอง ติดใจมาก หวานพอดีๆ อีกทีที่มีขายคือตลาดบ้านใหม่ ร้อยปี ฉะเชิงเทรา ต้องซื้อกลับมาบ้าน เพราะที่บ้านไม่มีขาย

รักเลยรักเลยรักเลย

1
กำลังโหลด
sawarosky Member 20 ก.ค. 59 11:28 น. 7

ชอบกาพย์เห่นี้มากๆ เลยค่ะ ฟังเพลินดี

แต่ว่า..ภาพล่อตาล่อใจขนาดนี้ ทรมานกระเพาะเหลือเกินค่ะ

1
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด
fate_lu Member 13 ต.ค. 60 13:10 น. 16

ในช่วงที่ชมของหวาน เคยได้ยินมาว่ามีขนมบางชนิดไม่ถือเป็นของหวาน แต่เป็นของว่าง ถ้าจำไม่ผิดมีขนมจีบกับลุดตี่ ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะ มันหิวค่ะ ปล.สมัยก่อนขนมจีบมักจะทำเป็นรูปนก //อันนี้เคยอ่านในนิยาย ถ้าเจอในชีวิตจริงคงจะไม่กล้ากิน

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
นีนี่ 16 มิ.ย. 62 08:55 น. 18

แกงขมนี่เป็นเครื่องเคียงไว้กินกับพวกขนมจีนน้ำยารึป่าวครับ แล้วข้าวหุงอย่างเทศนี่ก็คือข้าวหมกนั่นเองใช่ไหม

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด