เกร็ดน่ารู้ตำนาน ‘ก็อบลิน’ เรื่องเล่าฉบับเกาหลีที่ปรากฏเป็นซีรีส์



เกร็ดน่ารู้ตำนาน ‘ก็อบลิน’
เรื่องเล่าฉบับเกาหลีที่ปรากฏเป็นซีรีส์



สวัสดีค่ะน้องๆ เด็กดีไรท์เตอร์ทุกคน^^ พบกับพี่หวานที่คอลัมน์สาระวรรณกรรมอีกแล้วเช่นเคย สำหรับคอซีรีส์อย่างพี่หวาน แม้ว่าจะจบไปนานแล้วแต่ยังคงอินกับซีรีส์เรื่อง Goblin <도깨비> อยู่เลยค่ะ สงสัยว่าเป็นช่วงเวลาที่ความรู้สึกกำลังตกตะกอนแน่ๆ ประจวบเหมาะพอดีกับที่มีโอกาสได้เรียนเรื่องเล่าตำนานเกาหลีเกี่ยวกับเรื่องราวของเจ้าก็อบลิน พี่หวานก็เลยตั้งใจจะนำเกร็ดความรู้ตรงนั้นมาเขียนเล่าให้น้องๆ ฟังในวันนี้ค่ะ
 

มารู้จักก็อบลิน(도깨비)ของเกาหลี


ก่อนจะไปพูดกันถึงที่มาของเจ้าก็อบลินพี่หวานจะเล่าเรื่องตำนานของชายแก่คนหนึ่งที่ได้เจอก็อบลินให้ฟังก่อนนะคะ เรื่องเล่านี้มีชื่อเรื่องว่า 혹부리 영감 (อ่านว่า ฮกพูรี ยองกัม) แปลได้ว่า ชายแก่ผู้มีเนื้องอก


(รูปภาพจาก : http://m.blog.naver.com/noaran0408/150127264596)

เนื้อเรื่องเล่าถึงชายแก่คนนี้ว่าเขาเป็นคนที่เกิดมามีเนื้องอกออกมาเป็นติ่งเนื้อก้อนเท่ากำปั้นห้อยอยู่ที่คางจึงถูกเรียกว่า ชายแก่ผู้มีเนื้องอก แม้ว่าเด็กๆ ในละแวกนั้นจะพากันล้อเลียนเขาอยู่ทุกวัน แต่เขาก็ไม่ถือสาทั้งยังหัวเราะชอบใจอีกด้วย ผู้คนจึงมองว่าเขาเป็นคนที่มีจิตใจดีมากทีเดียว ในวันหนึ่งที่ชายแก่ขึ้นไปบนภูเขาเพื่อตัดไม้หาฟืน ระหว่างที่กำลังตั้งใจทำงาน จู่ๆ ท้องฟ้าก็มืดครึ้มมาอย่างรวดเร็ว ด้วยความตกใจชายแก่คนนั้นจึงตั้งใจที่จะรีบกลับบ้าน แต่บนท้องฟ้าตอนนั้นกลับเต็มไปด้วยดวงดาวสุกสว่างที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนมากมาย ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงร้องขึ้นมาและความกลัวก็ค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในความคิด ชายแก่พูดกับตัวเองว่าต้องร้องเพลงในเวลาที่กลัวเพื่อที่จะได้ขับไล่ความกลัวนั้นได้ แล้วจึงเริ่มร้องเพลงพึมพำไปมา แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้นเมื่อความกลัวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เสียงของเขาก็ดังขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน
 

(รูปภาพจาก : http://www.huffingtonpost.kr/seokcheon-hama/story_b_6778300.html)

ในระหว่างที่เดินไปร้องเพลงไปนั้นเอง ชายแก่ก็ได้ยินเสียงหัวเราะแปลกๆ ดัง ‘คิกคิกคิก’ มาจากในป่าจึงค่อยๆ เดินตามเสียงหัวเราะไปและที่นั่นชายแก่ก็ตกใจกลัวจนตัวสั่นเพราะได้พบกับพวกก็อบลินที่มีเขาบนหัวและถือตะบองกำลังเดินมารวมตัวกัน ทั้งที่จริงแล้วหากต้องการจะรอดพ้นจากพวกก็อบลินก็ควรจะอยู่เงียบๆ แต่เพราะกลัวมากจนร้องเพลงเสียงดังลั่นออกมาไม่รู้ตัว ชายแก่ที่คิดว่าตัวเองจะถูกจับได้ก็ต้องประหลาดใจเมื่อเห็นพวกก็อบลินนั้นเต้นเข้าจังหวะกับเพลงที่ตนร้อง เพราะคิดว่าถ้าตัวเองหยุดร้องเพลง พวกก็อบลินนั้นต้องพุ่งเข้ามาหาแน่ๆ วันนั้นก็เลยอยู่ร้องเพลงจนเช้า ว่ากันว่าเมื่อก็อบลินได้ยินเสียงไก่ขันจะต้องหลบไปเข้าถ้ำ ชายแก่กำลังจะกลับบ้านแต่ก็ถูกก็อบลินที่มีหน้าตาสีแดงเข้ามาใกล้แล้วถามว่าเพลงเท่ๆ แบบนั้นออกมาจากไหน ชายแก่เองก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบว่ายังไงดี เจ้าก็อบลินก็คิดได้ว่าเสียงเพลงจะต้องออกมาจากก้อนเนื้อที่งอกออกมาตรงคางอย่างแน่นอน ที่ชายแก่ไม่ตอบคงเพราะกลัวจะถูกแย่งไปล่ะสิ เมื่อคิดอย่างนั้นก็อบลินจึงรีบตัดเอาก้อนเนื้องอกออกมาก่อนจะให้สมบัติล้ำค่ามากมายแก่ชายแก่คนนั้นเป็นการตอบแทน ฝ่ายชายแก่เมื่อถูกตัดเนื้องอกที่คางออกไปชีวิตของเขาก็มีความสุขมากขึ้นแถมยังกลายมาเป็นเศรษฐีอีกด้วย

ในขณะที่หมู่บ้านใกล้ๆ กันนั้นก็มีชายแก่อีกคนที่มีเนื้องอกเหมือนกัน แต่เขาเป็นคนประเภทโลภมากเมื่อได้ข่าวว่าชายแก่คนนั้นถูกตัดเนื้องอกไปและกลายมาเป็นเศรษฐีก็เลยมีความคิดว่าตนเองก็มีเนื้องอกเหมือนกัน ถ้าเข้าป่าเดี๋ยวก็กลายเป็นเศรษฐีได้เหมือนกันแน่ๆ คิดได้อย่างนั้นก็รีบเข้าไปในป่าด้วยความลุกลี้ลุกลนก่อนจะร้องเพลงด้วยเสียงอันดังลั่นครั้งนี้พวกก็อบลินก็เต้นตามจังหวะเพลงอีกครั้งแล้วเดินเข้ามาหา แล้วถามคำถามเดิมว่าเพลงแบบนี้ดังมาจากที่ไหน ด้วยความโลภของชายแก่คนที่สองจึงรีบยื่นหน้าเข้าไปหาบอกว่าเสียงเพลงมาจากก้อนเนื้องอกนี้เอง แต่ก็อบลินก็หยิบเอาก้อนเนื้อที่ตัดไปรอบที่แล้วออกมาและบอกว่ากล้าดียังไงมาโกหกพวกเขา รอบก่อนที่ตัดไปไม่เห็นมีเพลงอะไรออกมาเลย รอบนี้ก็อบลินจึงฟาดเนื้องอกของชายแก่คนที่หนึ่งให้เข้าไปติดที่ใบหน้าของชายแก่คนที่สอง เรื่องราวจังกลับกลายเป็นว่าเขากลายเป็นชายแก่ที่มีเนื้องอกสองอัน เมื่อกลับไปที่หมู่บ้านเด็กๆ ที่พบเห็นต่างก็เข้ามาล้อเลียนเขาอย่างสนุกสนาน



จริงๆ แล้วก็อบลินของเกาหลีค่อนข้างมีภาพจำที่ต่างจากก็อบลินจากซีรีส์เรื่อง Goblin<도깨비> อยู่มากทีเดียว เพราะภาพของก็อบลินที่เป็นนิทานเรื่องเล่านั้นเป็นยักษ์ที่มีตัวสีแดง มีเขา และถือตะบอง ไม่ได้หล่อสูงเหมือนกงยูนะคะน้องๆ ฮ่า..... แต่พี่หวานก็คิดว่าตอนที่คุณคิมอึนซุกเขียนเรื่องนี้ขึ้นมาคงจะได้แรงบันดาลใจบางอย่างมาก็อบลินในตำนานนี่แหละค่ะ แต่เพราะมันเป็นเรื่องที่เล่าต่อกันมาทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหลายอย่าง บางฉบับก็บอกว่าชายที่มีเนื้องอกคนแรกเองก็โกหกเพราะอยากเป็นเศรษฐี เป็นต้นค่ะ


ก็อบลินเป็นตัวอะไรกันแน่?



(เสาโทเทมแกะสลักเป็นรูปก็อบลินของเกาหลี)

คนเกาหลีบางคนก็เข้าใจว่าจริงๆ แล้วก็อบลินนั้นเป็นเสาโทเทม เป็นเสาสูงของเกาหลีที่แกะสลักเป็นรูปปีศาจหรือเทพต่างๆ เชื่อว่าตั้งไว้ตามหมู่บ้านเพื่อปกป้องคุ้มครองให้พ้นจากอันตราย ซึ่งก็มีการแกะสลักเสาโทเทมเป็นรูปก็อบลินด้วยเช่นกันค่ะ บางทีพี่หวานก็คิดเองว่าหรือที่คนสมัยก่อนเจออาจจะไม่ได้เจอก็อบลินที่เป็นตัวยักษ์ถือตะบองจริงๆ แต่อาจจะเพราะความมืดทำให้เสาโทเทมแกะสลักเป็นรูปยักษ์ดูมีชีวิตก็เป็นได้นะคะ
 

(รูปภาพจาก : http://blog.naver.com/PostView.nhn?blogId=love4798&logNo=220541666770)

ก็อบลินจากในเรื่องเล่าจะมีตะบองคู่ใจที่ใช้ถือติดตัวเป็นภาพอาวุธที่มีลักษณะคล้ายไม้เบสบอล(แต่ถ้าเวลาพี่หวานหิวๆ ก็คงมองว่าเหมือนน่องไก่ค่ะ555) ซึ่งเจ้าตะบองนี้แหละที่ก็อบลินใช้เรียกเงิน ทอง และของมีค่าทั้งหลายออกมา ถ้าใครเคยดูการ์ตูนคงจะเห็นคาถานี้ที่ร้องว่า ‘금 나와라 뚝딱, 은 나와라 뚝딱’ เป็นคาถาที่ก็อบลินจะใช้ร้องเรียกเงินทองออกมาโดยจะฟาดตะบองลงพื้นแล้วเงินกับทองก็จะกระจายออกมา แต่น้องๆ รู้มั้ยคะว่าการเรียกเงินทองสิ่งของต่างๆ ออกมาของก็อบลินนั้นเป็นการเรียกมาได้เฉพาะสิ่งของที่มีอยู่ในโลก ไม่ใช่สิ่งที่สร้างขึ้นใหม่ เพราะฉะนั้นการที่ก็อบลินในเรื่องเล่าเรียกเอาเงินและทองออกมาด้วยคาถานั้น จึงเป็นเหมือนการแอบหยิบฉวยหรือขโมยมานั่นเอง นอกจากนี้คาถาของก็อบลินข้างต้นยังปรากฏเป็นท่อนหนึ่งของเนื้อเพลง Hobgoblin ของวง CLC ที่เพิ่งปล่อยออกมาไม่นานนี้ด้วยนะเออ

ยักษ์ก็อบลินของเกาหลีนั้นจริงๆ ไม่ได้จัดเป็นพวกผีหรือวิญญาณนะคะ แต่คนเกาหลีค่อนข้างนับถือก็อบลินคล้ายเทพเจ้าเลยล่ะค่ะ ออกแนวทั้งเคารพเพราะนับถือเป็นเทพปกป้องความชั่วร้ายได้ แต่ใจหนึ่งก็แอบกลัวเหมือนกัน ดังจะเห็นได้ว่ามีการสลักรูป หรือตั้งเสาโทเทมรูปก็อบลินไว้ตามประตูเพราะก็เชื่อกันว่าสามารถขับไล่อันตรายได้ เเละยังมีการนำเอารูปร่างของไม้ตะบองไปทำเป็นเครื่องรางนำโชคด้วย ในสมัยโบราณดั้งเดิมแล้วก็อบลินยังไม่มีเขา หน้าตาก็ไม่ได้น่ากลัว เป็นผู้ชายหน้าตาดี มีขนเต็มตัวแต่ยังไม่ได้มีภาพจำเป็นยักษ์ตัวแดงอย่างทุกวันนี้ เพราะบางเรื่องราวก็มีบอกว่าก็อบลินเป็นผู้หญิงด้วยค่ะ แต่โดยส่วนมากถ้าถามคนเกาหลีเกี่ยวกับก็อบลินหรือโทแกบี ภาพแรกที่พวกเขาคิดและเชื่อกันก็คือเจ้ายักษ์ตัวแดงๆ นี่แหละค่ะ 



ความเชื่อเกี่ยวกับก็อบลิน


จากที่พี่หวานได้ฟังเพื่อนมาเล่าเรื่องของก็อบลินเกาหลีให้ฟัง จะเห็นความเชื่อที่มีต่อก็อบลินนั้นมีมายาวนานและหลากหลายเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา เริ่มแรกความเชื่อเรื่องก็อบลินของเกาหลีมีมาจากสมัยชิลลาตอนนั้นกษัตริย์มีรับสั่งให้ก็อบลินไปสร้างกำแพงแล้วก็สามารถทำเสร็จได้ภายในหนึ่งวัน คนจึงเริ่มมองเห็นอานุภาพและความสามารถของก็อบลิน ต่อมาในสมัยโครยอนั้นคนเริ่มกราบไหว้และนับถือเหมือนเป็นพระเจ้า

นอกจากที่เกาหลีแล้ว ประเทศอื่นๆ ก็ยังมีตำนานเกี่ยวกับก็อบลินปรากฎด้วย ไม่ว่าจะเป็นในสมัยจีนโบราณที่คนนับถือลัทธิเต๋าและเทพต่างๆ แต่เมื่อชิลลาล่มสลายความเชื่อเรื่องก็อบลินในฐานะเทพเจ้าก็ค่อยๆ เลือนรางไปและถูกเหมารวมกันไปอยู่ในประเภทผี ปัจจุบันความเชื่อเรื่องก็อบลินจากฝั่งตะวันตกนั้นมีความคล้ายกับตำนานเรื่องก็อบลินของเกาหลีมากที่สุดค่ะ และก็ยังมีความเชื่อที่มาไกลจากฝั่งอาหรับว่าก็อบลินนั้นคือประเภทเดียวกันกับยักษ์จีนี่ที่สามารถให้พรได้ด้วย แต่สิ่งที่คล้ายคลึงกันก็คือก็อบลินมักจะมีนิสัยขี้เล่นเเละไม่ได้น่ากลัวอย่างที่หลายคนเคยจินตนาการ ของเกาหลีเรามักจะเคยได้ยินเรื่องเล่าที่ว่าก็อบลินจะคอยขวางทางคนที่ผ่านไปมาเพื่อท้าเล่นมวยปล้ำด้วย เเละเมื่อสามารถชนะได้ก็จะให้สมบัติเป็นการตอบแทน

อ่านมาจนถึงตรงนี้น้องๆ หลายคนคงจะพอเข้าใจแล้วใช่มั้ยคะว่าตำนานก็อบลินของเกาหลีนี่มีความเชื่อกันมายาวนานและหลากหลายเลยทีเดียว ยิ่งพี่หวานอ่านไปยิ่งเจอก็อบลินอีกหลากหลายประเภทก็ยิ่งรู้สึกสนุกที่ได้รู้ความคิดความเชื่อและเรื่องเล่าต่างๆ ของคนเกาหลี ถือเป็นการเปิดโลกวรรณกรรมครั้งใหม่เลยนะคะ
 

 

สำหรับในส่วนของการประยุกต์ความเป็นตำนานเข้ากับซีรีส์ปัจจุบันอย่างเรื่องซีรีส์ Goblin ที่เพิ่งจบไป พี่หวานชื่นชอบความสามารถของคุณคิมอึนซุกมากเลยค่ะเพราะเธอนำความเป็นอดีตมาผสมผสานและผลิตงานให้ทันสมัยนิยมจนเกิดกระแสกงยูอีกครั้ง ถ้าใครติดตามซีรีส์เรื่องนี้อยู่ก็จะพบว่าลักษณะหลายอย่างที่ปรากฏเป็นตัวละครก็อบลินในเรื่องจะมีส่วนคล้ายในตำนานหลายอย่าง โดยค่อนข้างคล้ายกับยักษ์จีนี่ก็อบลินของอาหรับที่สามารถให้พรได้ เเละถูกนางเอกเรียกมาด้วยการเป่าเทียนคล้ายกับการถูตะเกียงด้วย อีกทั้งมีนิสัยขี้เล่น สามารถเสกเงินทองสิ่งของได้ มีดาบคู่กายแทนไม้ตะบอง เป็นต้น อย่างที่พี่หวานชอบเขียนอยู่ตลอดในท้ายบทความว่าการอนุรักษ์วัฒนธรรมหรือวรรณคดี วรรณกรรมเก่าๆ ให้คงอยู่อีกวิธีหนึ่งก็คือการประยุกต์ให้เข้ากับยุคสมัยปัจจุบันนี่แหละค่ะ ซึ่งต้องยอมรับเลยว่าคุณคิมอึนซุกเธอเก่งจริงๆ กับการยกเรื่องเล่าที่เคยเป็นแค่นิทานเล่าให้เด็กฟังมาเขียนเป็นให้เป็นซีรีส์เรตติ้งดีได้ 

เห็นมั้ยคะว่าแต่ละประเทศ เแต่ละสังคมก็จะมีความเชื่อและตำนานที่มีเสน่ห์ต่างกันออกไป พูดจริงๆ ถ้าไม่มีซีรีส์เรื่อง Goblin ของเกาหลี พี่หวานก็คงจะคิดว่ามีก็อบลินจากเรื่อง The lord of the ring ตามความเชื่อตะวันตกเพียงอย่างเดียวซะแล้วนะคะเนี่ย หวังว่าบทความนี้จะทำให้น้องๆ สนุกไปกับการอ่านสาระดีๆ จากตำนานก็อบลินเรื่องนี้นะคะ แล้วพบกันใหม่บทความหน้าค่ะ ^__^
 

พี่หวาน

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก

미진, 쥬니, whatstheproblem
한국전래 동화.

https://en.wikipedia.org/wiki/Dokkaebi
https://namu.wiki/w/도깨비
https://namu.wiki/w/이매망량
http://blog.daum.net/la-mt3903/822

 


 
พี่หวาน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

blue_99 Member 22 ก.พ. 60 14:36 น. 1

นึกถึงเพลง กางเกงในของก็อบลิน

กางเกงในเหม็นๆ ไม่ซักมาสองพันปี 55+

เป็นเพลงที่ ฮาและน่ารักมาก

1
กำลังโหลด

6 ความคิดเห็น

blue_99 Member 22 ก.พ. 60 14:36 น. 1

นึกถึงเพลง กางเกงในของก็อบลิน

กางเกงในเหม็นๆ ไม่ซักมาสองพันปี 55+

เป็นเพลงที่ ฮาและน่ารักมาก

1
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Mamiar Member 24 ก.พ. 60 09:57 น. 3

ตอนนี้เราเพิ่งกำลังนั่งไล่ดูซีรีย์เรื่อง Goblin อยู่พอดีเลยค่ะถึงมันจะจบไปนานแล้วก็เถอะ ไม่รู้มันจะช้าไปใหม่ 555 ขอบคุณค่ะที่ทำบทความดีๆ แบบนี้ขึ้นมา

1
PASS21 Member 24 ก.พ. 60 14:50 น. 3-1

ไม่ช้าไปเลยค่ะ เพิ่งตามดูก็อ่านบทความนี้ได้ค่ะ อาจจะช่วยให้ดูสนุกขึ้นด้วยน้าาา (เอ๊ะ รึเปล่า? 555555555)

0
กำลังโหลด
zongpei Member 24 ก.พ. 60 12:30 น. 4

คุณคิมอึนซุกประยุกต์ออกมาได้หล่อ เอ๊ย ได้ดีจริงๆ ค่ะ ตอนดูซีรีส์ก็อยากรู้ข้อมูลเกี่ยวกับพระเอกเหมือนกัน นึกว่าสร้างขึ้นมาใหม่ซะอีก55555

ต้องขอบคุณบทความดีๆ ที่ให้ความรู้ด้วยนะคะ > </

1
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด