5 แรงบันดาลใจดีๆ ที่ได้จากวรรณกรรมเยาวชนเรื่องดัง "ปราสาทเวทมนตร์ของพ่อมดฮาวล์"


5 แรงบันดาลใจดีๆ ที่ได้จากวรรณกรรมเยาวชนเรื่องดัง
"ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์" 

สวัสดีชาวนักเขียนนักอ่านทุกคนค่ะ เชื่อว่าทุกคนที่เข้ามาอ่านบทความนี้ต้องมีบุคคลตัวอย่างสักคนในใจ “ไอดอล” ที่เป็นแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิต เป็นแรงใจในยามท้อแท้กันใช่ไหมคะ พี่ซูมเองก็มีไอดอลที่เป็นแรงบันดาลใจเหมือนกันค่ะ อาจจะแตกต่างจากคนอื่นๆ นิดหน่อยตรงที่แรงบันดาลใจของพี่ไม่ใช่ตัวบุคคล แต่เป็น "หนังสือ" ค่ะ หนังสือเล่มนี้เองที่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญ ทำให้พี่หาสาขาเรียนในฝันของตนเองเจอ (หากันจนเจอนั่นเอง ร้องเป็นเพลง) จะเป็นหนังสือเรื่องอะไร น่าอ่านแค่ไหน อยากรู้เลื่อนไปบรรทัดต่อไปเลยค่ะ 
 
มาถึงย่อหน้านี้ ขอพูดอย่างมั่นใจว่าหลายคนน่าจะเคยอ่าน คุ้นหู หรืออย่างน้อยต้องเคยได้ยินหนังสือเรื่อง Howl’s Moving Castle  หรือแปลไทยในชื่อ ปราสาทเวทมนตร์ของพ่อมดฮาวล์ ผลงานของ ไดอาน่า ไวนน์ โจนส์ (Diana Wynne Jones)  แน่ๆ ถ้าใครไม่เคยได้ยิน พี่ซูมขอเล่าประวัติให้ฟังค่ะ ฺหนังสือเรื่องนี้เป็นวรรณกรรมที่ได้รับรางวัลเกียรติยศ Boston Globe Horn Book Awards  จาก The Horn Book องค์กรหนังสือสำหรับเด็กและวัยรุ่น ที่แสนจะโด่งดัง ตัวหนังสือเอง ได้รับความนิยมมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1986 และถูกนำไปแปลมาแล้วถึงสามภาษา แต่สิ่งที่ทำให้หนังสือเรื่องนี้โด่งดังเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลก ก็เพราะ "ฮายาโอะ มิยาซากิ" (Hayao Miyazaki) ผู้กำกับยอดฝีมือแห่งสตูดิโอจิบลิ นี่แหละค่ะ มิยาซากิตัดสินใจเลือกหนังสือเรื่องนี้ไปสร้างเป็นภาพยนตร์อนิเมชั่นขนาดยาว (มั่นใจว่าหลายๆ คนเคยดู) และมันได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง จนกระทั่งได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขาอนิเมชั่นประจำปี ค.ศ. 2004 ฟังแล้วน่าทึ่งมากเลยใช่ไหมคะ 

ได้รับความนิยมขนาดนี้ แน่นอนว่า สนพ. มติชน ไม่พลาดค่ะ มีการนำต้นฉบับมาแปลเป็นภาษาไทยเรียบร้อยแล้ว ในชื่อว่า ปราสาทเวทมนตร์ของพ่ดมดฮาวล์ ปกหนังสือน่ารักและโดนใจพี่ซูม ผู้ชื่นชอบอนิเมะและเกมมากๆ ส่วนเนื้อหาเองก็ลึกซึ้งและให้ข้อคิดดีๆ เช่นกัน เป็นหนังสือที่พี่อยากสรุปไว้ว่า อ่านแล้วได้แรงบันดาลใจและข้อคิดในการใช้ชีวิตหลายเรื่องเลยทีเดียวค่ะ    
 

ปกหนังสือฉบับแปลภาษาไทย
ชื่อ "ปราสาทเวทมนตร์ของฮาวล์"

     

เรื่องย่อ : โซฟี แฮทเตอร์ ลูกสาวคนโตของช่างทำหมวกในดินแดนอินการี มีชีวิตอันแสนจืดชืดเรื่อยมา เธอมีน้องสาวสองคน ผู้ซึ่งหน้าตาสะสวยและได้รับความสนใจมากกว่าเธอ สิ่งที่เป็นปัญหาหลักของโซฟีคือ เธอต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางความคาดหวังของผู้เป็นแม่ ผู้ต้องการให้เธอสืบทอดกิจการร้านทำหมวก โซฟีมีความฝันและความหวังลึกๆ ในใจว่าจะได้ใช้ชีวิตของตัวเอง แต่ไม่กล้าที่จะปฏิเสธผู้เป็นแม่ 

จนกระทั่งวันหนึ่ง โซฟีถูกแม่มดสาปให้อยู่ในร่างของหญิงชรา และสิ่งนี้ทำให้เธอต้องออกเดินทางไปเผชิญโลกกว้างตามลำพัง ซึ่งแน่นอน เธอไม่ได้ไปแบบสวยๆ แต่ต้องพบอุปสรรคและเรื่องแปลกๆ นานัปการ แต่โซฟีจะเอาชนะอุปสรรคทั้งหมดได้อย่างไร ในเมื่อเธออยู่ในร่างของยายแก่แบบนี้... ต้องไปติดตามในเล่มค่ะ  

  

โซฟีกับห้องทำงานในร้านขายหมวกเล็ก ๆ ของเธอ

ข้อคิดที่ได้จากการอ่าน
 

1. คุณค่าของคนไม่ได้อยู่ที่หน้าตา ไหวพริบต่างหากคือของจริง

เคยได้ยินวลีที่ว่า “อย่าตัดสินหนังสือจากเพียงหน้าปก” กันไหมคะ โซฟีคือตัวอย่างที่ดีมากๆ ถ้าเรามองเธอเป็นหนังสือสักเล่ม ก็จะเห็นว่าเธอเป็นหนังสือเก่าๆ ปกขาดหลุดรุ่ย ไม่น่าอ่าน เพราะรูปลักษณ์ภายนอกของเธอคือ หญิงชราวัย 90 แก่หง่อม หลังค่อม หนังเหี่ยวย่น ผมก็หงอกขาว ไม่น่าดึงดูดใจ สมดังคำสาปที่แม่มดแห่งทุ่งร้างว่าไว้ "ผู้หญิงที่แก่ หน้าตาไม่สะสวย ย่อมไม่มีคุณค่าใดๆ ในสายตาของผู้ชาย" ทว่าโซฟีไม่ยอมปล่อยให้ความเชื่อนี้บั่นทอนเธอเลยค่ะ เธอได้พิสูจน์ตนเองแล้วว่า ไหวพริบอันชาญฉลาดของเธอช่วยแก้ปัญหาคาราคาซังของทั้งตัวเองและของคนอื่นได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง และตอนท้ายของเรื่อง ยังทำให้เราได้รู้ว่า ความสวยงามของรูปร่างหน้าตา เป็นเพียงสิ่งภายนอก สักวันมันย่อมเสื่อมสลายไปตามกาลเวลา แต่ถ้าเราฉลาด มีไหวพริบ และเป็นคนดี สิ่งเหล่านั้นต่างหากที่จะอยู่คู่ติดตัวเราไปตลอดชีวิต
 

ตอนโซฟีเพิ่งโดนสาปเธอก็ตกใจเหมือนกันนะ ;) 
 

2. ความแก่ไม่ได้อยู่ที่วัย แต่ใจเราต่างหากที่ตัดสิน

จากหัวข้อข้างบนเราพูดถึงเรื่องไหวพริบของโซฟีกันไปแล้ว คราวนี้เราพูดถึงจิตใจอันเข้มแข็งของเธอกันบ้างดีกว่าค่ะ ตอนพี่ซูมอ่านหนังสือเล่มนี้ รู้สึกประทับใจในความคิดเรื่องการยอมรับตัวตนที่เปลี่ยนแปลงไปของโซฟีมากเลยค่ะ มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่เด็กสาวคนหนึ่งต้องมากลายเป็นคุณยายแก่ในเพียงชั่วข้ามคืน (แค่คิดภาพตัวเองพี่ซูมก็เจ็บปวดแทนแล้ว) แต่โซฟีทำให้เราเห็นเลยค่ะว่า การนั่งร้องไห้ฟูมฟายไม่มีประโยชน์เลย เพราะไม่ว่าจะร้องไห้ยังไง ความจริงยังไม่เปลี่ยนแปลงไปอยู่ดี ส่องกระจกก็หน้าแก่เหมือนเดิม สู้เธอยอมรับว่าตนเองกลายเป็นคนแก่ไปจริงๆ แล้วค่อยๆ หาวิธีที่ดำเนินชีวิตที่เหมาะต่อไปยังดีเสียกว่า ดังนั้น โซฟียังคงทำทุกอย่างไปตามปกติเหมือนเช่นที่เธอเคยทำตอนยังไม่ถูกสาป เธอยังเป็นโซฟีที่ความร่วงโรยของสังขารไม่มีผลอะไรกับจิตใจอันเข้มแข็งของเธอได้
 

ความแก่ไม่เป็นอุปสรรคต่อคุณยายโซฟีในการทำความสะอาดบ้านเลยค่ะ สตรองมาก ๆ ...
 

​3. ความกลัวและการหนีไม่ใช่วิธีการแก้ปัญหา

ผู้แต่งเรื่องนี้ ได้สร้างภาพเปรียบเทียบของตัวละครในเรื่องไว้อย่างชัดเจน ตัวละครสองตัวที่แตกต่างกัน หนึ่งคือพ่อมดฮาวล์ผู้เอาแต่ใช้ชีวิตเป็นพ่อพวงมาลัยลอยชายไปวันๆ (เขาคิดว่าตัวเองหล่อมาก) เลี่ยงการเผชิญหน้ากับปัญหาของตนเองโดยคิดว่ามันเป็นการหาทางออกที่ดีที่สุด (ซึ่งพี่คิดว่าฮาวล์คิดผิดมหันต์เลยค่ะ) ขณะที่ตัวละครอย่าง โซฟี เรียนรู้การอยู่ร่วมกับปัญหาและกล้าเผชิญหน้ากับมัน แม้ในส่วนลึกของจิตใจเธอจะกังวลอยู่บ้างว่าหากต้องติดอยู่ในร่างของหญิงชราไปตลอดชีวิต เธอจะทำเช่นไร แต่อย่างน้อยที่สุดเธอไม่วิ่งหนีปัญหาเหมือนฮาวล์ ยังคงพยายามหาหนทางที่จะแก้คำสาป รวมไปถึงช่วยเหลือผู้คนรอบตัวเธอไปในตัวอีกด้วย การหนีปัญหาแบบฮาวล์มันไม่ได้ทำให้ปัญหาหายไปไหน แถมท้ายที่สุดมันอาจจะบานปลายกลายเป็นปัญหาใหญ่กว่าเดิมเสียด้วยซ้ำนะคะ ดูได้จากพ่อมดฮาวล์เคลื่อนที่ปราสาทหนีแม่มดแห่งทุ่งร้างเรื่อยไปเพราะหวาดกลัวและต้องการหนี ซึ่งท้ายที่สุดฮาวล์ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาของเขาเองอยู่ดี ดังนั้นการหนีจึงไม่มีประโยชน์อะไรเลย พี่ว่าน้องๆ ไม่ควรทำตามนะคะ ทำแบบโซฟีดีกว่าค่ะ เผชิญหน้าและแก้ไขตัวเองไปตรงๆ เลย ยังไงปัญหาไม่บานปลายแน่นอนค่ะ!
 

สายตาอันมุ่งมั่นเมื่อต้องปะทะคารมกับอาจารย์ของพ่อมดฮาวล์

4. การอดทนเป็นผู้ฟังที่ดีและช่างสังเกตช่วยแก้ปัญหาได้ถูกจุด

ทั้งไหวพริบและจิตใจอันแข็งแกร่งของโซฟี เกิดจากคุณสมบัติส่วนตัวของเธอเอง คือ เป็นคนอดทน ใจเย็นและรู้จักเป็นผู้ฟังที่ดีนั่นเอง นอกจากนี้ โซฟียังเป็นคนช่างสังเกต สนใจรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ทั้งหมดนี้ ช่วยให้เธอสามารถแก้ไขปัญหาและช่วยผู้คนรอบตัวได้อย่างตรงจุด ในหลายเหตุการณ์ เราจะเห็นว่า เธอคอยทำตัวเป็นผู้ให้คำแนะนำ และช่วยแก้ปัญหาแทนคนอื่นได้เสมอ เช่น เมื่อครั้งที่ฮาวล์งอแงจากความเหน็ดเหนื่อยจนเผลอปล่อยเมือกเขียวออกมาเลอะเทอะเต็มห้องโถงของปราสาท โซฟีคอยดูแลฮาวล์และรับฟังปัญหาชีวิตของเขาอย่างใจเย็นมากๆ พี่นี่ขอนับถือในความอดทนของเธอเลยค่ะ
 

 เมื่อโซฟีต้องรับฟังปัญหาของฮาวล์อย่างใจเย็น

5. อย่าให้คำพูดของคนอื่นมากำหนดความสำเร็จชีวิตของเรา

เดินทางกันมาถึงหัวข้อสุดท้ายแล้วค่ะ ซึ่งเป็นหัวข้อที่เป็นหัวใจหลักสำคัญของหนังสือเรื่องนี้เลยก็ว่าได้ หัวข้อนั้นคือ การไม่เอาคำพูดคำสบประมาทของคนอื่นมาเป็นตัวตัดสินอนาคตของตนเอง ไดอาน่า ผู้แต่งได้เกริ่นคำพูดนี้ไว้แต่บทแรกว่า ในดินแดนอินการีที่โซฟีอาศัยอยู่ มีความเชื่ออย่างหนึ่งเกี่ยวกับลำดับของพี่น้องในครอบครัวคือ "ลูกคนโตจะเป็นลูกที่ประสบกับความล้มเหลวได้ง่ายที่สุด และในบรรดาพี่น้องทั้งหมด ลูกคนโตมีโอกาสประสบความสำเร็จน้อยที่สุด" ซึ่งความเชื่อนี้ เมื่อรวมกับนิสัยอันสงบเสงี่ยมพูดน้อยของโซฟี มันทำให้เธอรู้ว่าที่ของเธออยู่ตรงไหน และควรทำอะไร อย่างที่แม่ของเธอต้องการให้เธอสืบทอดกิจการร้านหมวกของที่บ้านต่อ แต่เมื่อโชคชะตาพลิกผัน เธอถูกสาป ต้องออกเดินทางไปพบเจอผู้คน แก้ไขปัญหาและผ่านอุปสรรคมากมาย มันทำให้เธอได้เรียนรู้ว่าการก้าวออกมาจากกรอบชีวิตเดิมอันเรียบง่ายซ้ำซากให้อะไรกับเธอบ้าง ความคิดของโซฟีเริ่มเปลี่ยนไปก็ตอนนี้เอง การได้อยู่กับตัวเอง ทำความเข้าใจตัวเอง ทำให้เธอได้เรียนรู้ว่าความพอใจในสิ่งที่ตนมีและการกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเองไม่ใช่เรื่องที่ผิด และเธอผู้เป็นเจ้าของชีวิต ควรเป็นผู้เลือกทุกอย่างด้วยตัวเอง พี่ซูมก็คิดแบบโซฟีค่ะ คำพูดของคนเพียงคนหนึ่ง ไม่ควรจะตัดสินชีวิตทั้งชีวิตของเราได้ เรานี่แหละควรจะตัดสินชีวิตของเราเอง 
 

โซฟีกับปีศาจไฟคลาซซิเฟอร์ที่เธอได้ช่วยไว้

เป็นยังไงกันบ้างคะกับข้อคิดดีๆ ที่ได้จากตัวละครสาวแกร่งอย่างโซฟี แฮทเตอร์ สำหรับพี่ซูมคิดว่าโซฟีเป็นตัวละครที่แสดงมุมมองของการเป็นวัยรุ่นที่ต้องค้นหาตัวตนของตนเองนี่แหละค่ะ เธอทำให้ผู้อ่านอย่างพวกเราได้เห็นว่าชีวิตของเรา เราต้องกล้าเลือกและก้าวเดินออกไปด้วยตนเองอย่างเข้มแข็ง เรียนรู้ที่จะปรับตัวโดยไม่สูญเสียเอกลักษณ์ลืมความเป็นตนเองไป ตอนวัยรุ่น พี่ซูมเองก็พบว่าเป็นเรื่องยากเหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะตอนเลือกมหาวิทยาลัย นี่เป็นเรื่องที่ยากมาก แต่สุดท้าย พี่ซูมก็สามารถเลือกทางเดินของตัวเองได้ ค้นหาตัวเองพบ และภูมิใจกับคณะที่เลือกเรียนมากๆ ค่ะ 
 

น้องๆ คนไหนเคยอ่านเรื่องนี้บ้างไหมคะ ได้แรงบันดาลใจอะไรจากโซฟีบ้างหรือเปล่า ลองนำไปปรับใช้กันดูได้นะคะ ถ้าสนใจจริงๆ พี่ซูมแนะนำให้ลองไปหาหนังสืออ่านหรือหาภาพยนตร์อนิเมชั่นมาดูกันได้ค่ะ เพราะทั้งตัวหนังสือและตัวอนิเมชั่นก็มีเนื้อหาที่แตกต่างกันอยู่บ้าง ตามลักษณะสื่อซึ่งเป็นคนละแบบ อย่างไรก็ตาม คุณภาพก็ยังจับคอแน่นอนค่ะ อยากให้อ่านกัน 

ส่วนน้องคนไหนมีความคิดเห็นหรือมีแรงบันดาลใจอะไรมาแลกเปลี่ยนหรือเล่าให้พี่ฟังได้นะคะ พี่รออ่านความเห็นของน้องๆ อยู่ค่ะ  
 

ขอลาไปด้วยภาพฮาวล์กับโซฟีค่ะ

แล้วเจอกันใหม่ครั้งหน้านะคะ >w< //

พี่ซูม
 

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก

https://en.wikipedia.org/wiki/Howl%27s_Moving_Castle

https://web.archive.org/web/20121214080902/http://archive.hbook.com/bghb/past /past.asp

http://www.helpingwritersbecomeauthors.com/movie-storystructure/howls-moving-castle/#

http://www.worldcat.org/

http://fuckyeahbookhowl.tumblr.com/post/48897585356/various-cover-art-for-howls-moving-castle

http://ghiblibgs.tumblr.com/post/100183362821/howls-bedroom-howls-moving-castle-dir-hayao

http://howlscastle.wikia.com/wiki/Sophie_Hatter

https://vignette2.wikia.nocookie.net/howlscastle/images/1/1b/Grandma-sophie.jpg/revision/latest?cb=20100824174849
 

พี่ซูม

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

Asahi_san Member 9 มิ.ย. 60 21:57 น. 4

อ๊าาา ไม่รู้ว่ามีหนังสือนะเนี่ย คิดว่ามีแค่อะนิเมซะอีก ฉบับหนังสือละเอียดกว่าอะนิเมไหมคะ? ตอนดูตอนเด็กๆเลยไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้ง รู้แต่ว่าตอนนั้นรู้สึกอยากตบฮาวล์แปลกๆเพราะทัศนคติของนาง หนีปัญหาสุดติ่งจริงจังมากจริงๆ

2
เอ็กซ์โซซิสน้อยserinia Member 12 มิ.ย. 60 13:15 น. 4-1

ละเอียดกว่าค่ะ ถ้าดูแล้วแนะนำให้อ่านนะคะ จะได้อรรถรสเพิ่มขึ้นค่ะ (หัวเราะ)

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Felinonajang Member 8 มิ.ย. 60 19:18 น. 3

เคยดูเรื่องนี้เมื่อนานมาแล้ว

ชอบมากแต่ไม่รู้ชื่อเรื่อง

ขอบคุณนะคะที่ทำให้รู้จักอีกครั้ง

1
กำลังโหลด
Member 14 มิ.ย. 60 01:21 น. 5

แบบเรื่องนี้เป็นอนิเมะที่ชอบมากค่ะ ดูกี่ทีกี่ทีน้ำตาก็ซึมอะ อินกับความรักของพระนางมากกกก อบอุ่น

(พอเห็นหัวข้อเรื่องพ่อมดฮาวล์เรานี่ดิ่งเข้ามาเลย ถถถ+)

//เพิ่งรู้ว่ามีเป็นนิยายด้วย แต่ยังไงก็ชอบดูอนิเมะมากกว่า เอาตรงๆขี้เกียจอ่านค่ะ 55555

1
เอ็กซ์โซซิสน้อยserinia Member 16 มิ.ย. 60 17:19 น. 5-1
ลองอ่านหนังสือดูอาจจะติดใจก็ได้นะคะ เพราะอรรถรสมันต่างกันมากค่ะ // แนะนำๆ เยี่ยม
0
กำลังโหลด
buruburu Member 20 มิ.ย. 60 15:06 น. 6

ตอนที่อ่านสงสัยว่าฮาวล์น่าจะเป็นคนที่มาจากครอบครัวธรรมดานะคะ

ส่วนโลกของโซฟีเป็นโลกเวทมนตร์อะไรประมาณนี้ แบบแฮร์รี่ 5555

1
เอ็กซ์โซซิสน้อยserinia Member 22 มิ.ย. 60 11:20 น. 6-1
ใช่ค่า ถ้าตามฉบับหนังสือจะให้ฟิลประมาณนั้นเลยค่ะ แต่ถ้าไปดูฉบับภาพยนตร์จะเป็นอีกฟิลเลยค่ะ ลองไปหาดูนะคะ รับรองว่าของเขาดีจริงๆ เยี่ยม
0
กำลังโหลด

8 ความคิดเห็น

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
Felinonajang Member 8 มิ.ย. 60 19:18 น. 3

เคยดูเรื่องนี้เมื่อนานมาแล้ว

ชอบมากแต่ไม่รู้ชื่อเรื่อง

ขอบคุณนะคะที่ทำให้รู้จักอีกครั้ง

1
กำลังโหลด
Asahi_san Member 9 มิ.ย. 60 21:57 น. 4

อ๊าาา ไม่รู้ว่ามีหนังสือนะเนี่ย คิดว่ามีแค่อะนิเมซะอีก ฉบับหนังสือละเอียดกว่าอะนิเมไหมคะ? ตอนดูตอนเด็กๆเลยไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้ง รู้แต่ว่าตอนนั้นรู้สึกอยากตบฮาวล์แปลกๆเพราะทัศนคติของนาง หนีปัญหาสุดติ่งจริงจังมากจริงๆ

2
เอ็กซ์โซซิสน้อยserinia Member 12 มิ.ย. 60 13:15 น. 4-1

ละเอียดกว่าค่ะ ถ้าดูแล้วแนะนำให้อ่านนะคะ จะได้อรรถรสเพิ่มขึ้นค่ะ (หัวเราะ)

0
กำลังโหลด
Member 14 มิ.ย. 60 01:21 น. 5

แบบเรื่องนี้เป็นอนิเมะที่ชอบมากค่ะ ดูกี่ทีกี่ทีน้ำตาก็ซึมอะ อินกับความรักของพระนางมากกกก อบอุ่น

(พอเห็นหัวข้อเรื่องพ่อมดฮาวล์เรานี่ดิ่งเข้ามาเลย ถถถ+)

//เพิ่งรู้ว่ามีเป็นนิยายด้วย แต่ยังไงก็ชอบดูอนิเมะมากกว่า เอาตรงๆขี้เกียจอ่านค่ะ 55555

1
เอ็กซ์โซซิสน้อยserinia Member 16 มิ.ย. 60 17:19 น. 5-1
ลองอ่านหนังสือดูอาจจะติดใจก็ได้นะคะ เพราะอรรถรสมันต่างกันมากค่ะ // แนะนำๆ เยี่ยม
0
กำลังโหลด
buruburu Member 20 มิ.ย. 60 15:06 น. 6

ตอนที่อ่านสงสัยว่าฮาวล์น่าจะเป็นคนที่มาจากครอบครัวธรรมดานะคะ

ส่วนโลกของโซฟีเป็นโลกเวทมนตร์อะไรประมาณนี้ แบบแฮร์รี่ 5555

1
เอ็กซ์โซซิสน้อยserinia Member 22 มิ.ย. 60 11:20 น. 6-1
ใช่ค่า ถ้าตามฉบับหนังสือจะให้ฟิลประมาณนั้นเลยค่ะ แต่ถ้าไปดูฉบับภาพยนตร์จะเป็นอีกฟิลเลยค่ะ ลองไปหาดูนะคะ รับรองว่าของเขาดีจริงๆ เยี่ยม
0
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยเจ้าของ

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด