13 เหตุการณ์การเดินทางข้ามเวลาในอดีต บอกเลยว่างานนี้เกศสุรางค์อาจมีหนาว!


13 เหตุการณ์การเดินทางข้ามเวลาในอดีต 
บอกเลยว่างานนี้
เกศสุรางค์อาจมีหนาว!

---------------


สวัสดีนักอ่านทุกคนจ้า บอกเลยว่ากระแสของละครบุพเพสันนิวาสยังแรงดีไม่มีตก แถมเดี๋ยวนี้ในเด็กดีของเราก็มีนิยายแนวนี้ผุดขึ้นมายิ่งกว่าดอกเห็ด! วันนี้พี่นัทตี้เลยถือโอกาสหยิบบทความเกี่ยวกับการเดินทางข้ามเวลาในอดีตสนุกๆ มาให้อ่านกัน รับรองว่าถ้าทุกคนได้อ่านกันแล้วจะต้องเพลิดเพลินและคิดพล็อตนิยายเจ๋งๆ ออกกันอย่างแน่นอน!

 


เหตุการณ์ที่ 1 : การปรากฏตัวของ "มารี อ็องตัวแน็ต" 
ที่พระราชวังแวร์ซาย


ในปี 1901 สองศาตราจารย์จากมหาวิทยาลัยเซนต์ฮิวจ์ ได้ไปเยี่ยมชมพระราชวังแวร์ซาย พระราชวังหลวงของประเทศฝรั่งเศส สถานที่ที่มารี อ็องตัวแน็ต ราชวงศ์องค์สุดท้ายอาศัยอยู่ก่อนจะถูกประหารชีวิตในปี ค.ศ. 1793 ซึ่งวันนั้นศาตราจารย์ทั้งสองคนกำลังเดินชมวิวโดยรอบพระราชวังกันอยู่ ไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เห็นวิญญาณหรืออะไรก็ตามแต่ในสถานที่แห่งนี้เลย


พระตำหนักน้อย
 
แต่แล้วพวกเขาก็บังเอิญได้เห็นผู้หญิงสองคนกำลังนั่งพักผ่อนอยู่ในบริเวณพระตำหนักน้อยภายในพระราชวัง แถมพวกเธอยังแต่งตัวราวกับหลุดออกมาจากปี 1780 และมีใบหน้าที่ละม้ายคล้ายกับมารี อ็องตัวแน็ตอีกด้วย!
 
พวกเธอทั้งสองได้หายตัวไปในทันทีหลังจากที่คณะมัคคุเทศก์กลุ่มหนึ่งได้เดินเข้ามา ศาสตราจารย์ทั้งสองคนตกใจมาก จึงเกิดเป็นที่มาของหนังสือที่มีชื่อว่า An Adventure ที่เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประสบการณ์รวมถึงเรื่องเล่าที่พวกเขาเองก็ไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง แถมยังไม่รู้เหมือนกันว่าหญิงสาวสองคนนั้นเดินทางข้ามเวลามาได้ยังไง ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีใครสามารถหาสาเหตุของเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้เลยด้วยซ้ำ


 


เหตุการณ์ที่ 2 : นักบินคนหนึ่งกับการเดินทางไปยังอนาคต

 
จุดเริ่มต้นได้เริ่มขึ้นเมื่อเครื่องบินของ Victor Goddard ได้รับคำสั่งให้ไปตรวจสอบสนามบินร้างที่เมืองเอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์ หลังจากตรวจสอบเสร็จเรียบร้อยเขาก็นำเครื่องบินกลับ โดยในระหว่างทางได้เกิดเหตุการณ์ฝนตกหนักทำให้เสียวิสัยทัศน์ในการมองเห็นจนทำให้เขาไม่สามารถฝืนเดินทางต่อได้ จึงตัดสินใจเดินทางกลับไปพักที่สนามบินร้างจนกว่าพายุจะสงบ
 
เมื่อเขาเดินทางไปถึงสนามบินแห่งนั้นอีกครั้ง ก็ได้เกิดเหตุการณ์แปลกประหลาดขึ้น เพราะท้องฟ้าที่มีพายุเข้าเมื่อครู่ กลับสดใสราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน แถมสนามบินที่ก่อนหน้านี้เคยรกร้างกลับกลายเป็นว่าเต็มไปด้วยผู้คนที่อยู่ในชุดช่างสีฟ้า และยังมีเครื่องบินสีเหลืองจำนวน 4 ลำจอดอยู่ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องบินในแบบที่เขาไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน
 
เขาไม่รู้ว่าตัวเองเกิดอาการประสาทหลอนหรือจู่ๆ เกิดบ้าอะไรขึ้นมา เพราะมันไม่มีทางที่จะเป็นความจริงได้เลย หลังจากนั้นเป็นเวลากว่า 4 ปี เขาถูกส่งตัวกลับไปที่เอดินบะระอีกครั้ง ซึ่งพื้นที่ที่เคยถูกทอดทิ้งให้รกร้างตอนนี้ได้เต็มไปด้วยเครื่องบินสีเหลืองหลายลำ รวมถึงช่างเครื่องในชุดสีฟ้า ตอนนั้นเขาตกใจเป็นอย่างมาก เพราะดูเหมือนเหตุการณ์นี้ได้เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อ 4 ปีก่อน สรุปแล้วคือเขาได้เดินทางข้ามเวลามายังโลกอนาคตจริงๆ ใช่ไหม?


 


เหตุการณ์ที่ 3 : นักข่าวกับประสบการณ์การถูกโจมตีทางอากาศ

 
นักข่าว J. Bernard Hutton และช่างภาพ Joachim Brandt ถูกส่งตัวให้ไปทำข่าวที่อู่เรือฮัมบูร์ก ซึ่งในระหว่างทางพวกเขาทั้งสองคนได้ถูกโจมตีทางอากาศ โชคดีที่ Brandt สามารถเก็บภาพบางส่วนมาได้ แต่เมื่อพวกเขาได้เดินทางมาถึงฮัมบูร์กกลับไม่มีใครเชื่อเรื่องที่พวกเขาเล่าเลยสักคน แถมภาพถ่ายที่ถ่ายมากลับไม่ปรากฎภาพของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว!
 
11 ปีหลังจากนั้น Hutton แทบจะพ่นกาแฟออกมาหลังจากเปิดหน้าหนังสือพิมพ์แล้วพบกับข่าวของการโจมตีทางอากาศที่เมืองฮัมบูร์ก ซึ่งภาพถ่ายนั้นคล้ายกับภาพของ Brandt ที่เคยบันทึกเอาไว้เมื่อปี 1932 สรุปแล้วมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเขาและ Brandt กันแน่ นี่พวกเขาสามารถย้อนเวลาได้จริงๆ ใช่ไหม


 


เหตุการณ์ที่ 4 : เด็กตัวเขียวแห่ง Woolpit

 
ในศตวรรษที่ 12 เด็กชายและเด็กหญิง 2 คนถูกพบในหมู่บ้านวูลพิต ประเทศอังกฤษ ที่น่าแปลกคือพวกเขาพูดภาษาอังกฤษไม่ได้ แถมพอชาวบ้านใช้ภาษามือเด็กทั้งสองคนก็ไม่เข้าใจ แต่ที่น่าสนใจมากกว่านั้นคือ… เด็กทั้งสองคนมีผิวสีเขียว ใช่ทุกคนอ่านกันไม่ผิดหรอก สีเขียวจริงๆ จ้า
 
หลังจากได้รับความช่วยเหลือจากชาวบ้าน เด็กผู้ชายก็เสียชีวิตลงหลังจากนั้นได้ไม่นาน ส่วนเด็กผู้หญิงก็อาศัยอยู่กับชาวบ้านต่อไปจนเริ่มพูดภาษาอังกฤษได้ ผิวสีเขียวของเธอค่อยๆ กลายเป็นสีเนื้อ และในที่สุดเธอก็สามารถบอกกับชาวบ้านได้ว่าเธอและพี่ชายของเธอมาจากไหน ซึ่งคำตอบของเธอก็คือ เธอมาจากความมืดที่อยู่ลึกลงไปในสถานที่ที่เรียกว่าดินแดนเซนต์มาร์ติน เด็กสาวได้เล่าว่าเธอได้เดินเข้าไปที่ถ้ำแห่งหนึ่งก่อนจะมาโผล่ที่หมู่บ้านแห่งนี้
 
อาจจะเป็นเพียงเรื่องเล่าสนุกๆ หรืออาจจะเป็นเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว น่าเสียดายที่เธอไม่สามารถกลับไปที่ดินแดนแห่งนั้นได้อีก ไม่เช่นนั้นเราอาจจะได้รู้กันแล้วว่าต้นกำเนิดของเธอนั้นเป็นมายังไง


 


เหตุการณ์ที่ 5 : Charlotte Warburton กับการเดินทางข้ามเวลาอย่างไม่คาดฝัน!


ในปี 1968 Charlotte Warburton ได้เข้าไปในร้านคาเฟ่แห่งหนึ่งที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน จนเธอเกิดติดใจนึกอยากย้อนกลับไปอีกครั้ง แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามตามหา หรือไปที่แห่งนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า เธอก็ไม่ได้เจอคาเฟ่แห่งนั้นอีก โดยหลายปีต่อมามันถูกแทนที่ด้วยซุปเปอร์มาร์เก็ต แต่ยังไงก็ตามเธอก็ยังไม่สามารถลืมคาเฟ่แห่งนั้นไปได้เลย…


 


เหตุการณ์ที่ 6 : คุณตำรวจกับการเดินทางย้อนเวลาจากปี 1996 ไปยังปี 1950

 
ในปี 1996 สามีภรรยาคู่หนึ่งกำลังเดินซื้อของอยู่ในลอนดอน ภรรยาได้เดินเข้าไปในร้านขายหนังสือ ส่วนสามีก็ตั้งใจว่าระหว่างที่ภรรยากำลังซื้อหนังสืออยู่นั้น ตนจะออกไปดูแผ่นเสียงที่ร้านฝั่งตรงข้าม ซึ่งในระหว่างที่เขากำลังเดินข้ามถนนอยู่นั้นเอง ทุกสิ่งทุกอย่างรอบๆ ตัวกลับเงียบสงบ รถทุกคันก็มีลักษณะเหมือนหลุดออกมาจากปี 1950  เขาประหลาดใจจนต้องหยุดอยู่กลางถนน ก่อนจะพบว่าผู้คนรอบๆ ตัวต่างแต่งกายด้วยชุดแนวย้อนยุคกันทั้งสิ้น 
 
ความสับสนเหล่านี้เองจึงทำให้เขาตัดสินใจย้อนกลับไปหาภรรยาที่ร้านหนังสือ แต่มันไม่ได้อยู่ที่นั่นอีกแล้ว เพราะมันได้กลายเป็นร้านขายเสื้อผ้าสตรีที่ชื่อว่า Cripps แทน ถึงแม้ว่าเขาจะตกใจแต่เขาก็ตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปในร้านนั้นดู เมื่อเท้าเข้าไปเหยียบในร้าน ทุกๆ อย่างก็ได้กลับสู่สภาพปกติ ร้านหนังสือได้กลับมาอีกครั้ง นี่เขาเพิ่งเดินทางข้ามเวลามาจริงๆ เหรอ ทำไมเขาถึงรู้ก็เพราะว่าเขาได้นำชื่อร้าน Cripps ไปค้นหา ก่อนจะพบว่ามันเคยอยู่ที่นี่จริงๆ แต่อยู่ในปี 1950 นะ (ถือได้ว่าเป็นการเดินทางข้ามเวลาที่ง่ายดีจริงๆ)


 


เหตุการณ์ที่ 7 : ชายคนหนึ่งจาก Taured

 
เหตุการณ์อันแปลกประหลาดได้เริ่มต้นขึ้นที่สนามบินฮาเนดะ ประเทศญี่ปุ่น ได้มีชายคนหนึ่งเกิดมีปัญหากับด่านตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งสาเหตุไม่ใช่เพราะเขาลืมเอกสารสำคัญหรือว่าอะไร หากแต่เป็นเพราะว่าเขามาจากประเทศที่ไม่มีปรากฏอยู่บนแผนที่โลกต่างหาก สรุปแล้วเขามาจากไหน ไปตามอ่านต่อกัน
 
หนังสือเดินทางได้ระบุว่าเขามาจากประเทศที่มีชื่อว่า Taured ที่ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างประเทศสเปนและฝรั่งเศส เจ้าหน้าที่ได้หยิบแผนที่ออกมากางก่อนจะถามว่าเขาหมายถึง Andorra ใช่หรือไม่ ชายคนนั้นโกรธมากก่อนจะตอบว่า ‘ใช่’ เขาแปลกใจว่าทำไมเจ้าหน้าที่ถึงไม่รู้จัก Taured ทั้งๆ ที่มันตั้งอยู่ที่นั้นเป็นเวลากว่า 1,000 ปีมาแล้ว แถมเขายังเพิ่งจะเคยได้ยินเมืองที่ชื่อว่า Andorra เป็นครั้งแรกอีกด้วย
 
ในระหว่างที่เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบข้อมูลการเดินทางเข้าประเทศของเขา คืนนั้นเขาถูกพาตัวมาส่งที่ห้องพักในโรงแรมแห่งหนึ่งใกล้กับสนามบิน เช้าวันต่อมาตำรวจได้กลับเข้ามาในห้องพักของชายคนนั้นอีกครั้ง แต่พวกเขากลับพบเพียงความว่างเปล่า ทั้งๆ ที่พวกเขาต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าด้านนอกของประตูมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง สรุปแล้วเราก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่า Taured นั้นอยู่ที่ไหน เพราะชายคนนั้นได้หายตัวไปแล้ว


 


เหตุการณ์ที่ 8 : การปรากฏตัวของชายแปลกหน้าคนหนึ่งจาก Laxaria

 
เรื่องราวของการปรากฏตัวของคนจากประเทศปริศนามาอีกเรื่องนึงแล้ว โดยเรื่องนี้เกิดขึ้นในปี 1850 Jophar Vorin ถูกควบคุมตัวที่แฟรงเฟิร์ต ประเทศเยอรมนี เพราะการพูดจาในภาษาแปลกๆ ของเขา แถมเขายังบอกอีกด้วยว่าตัวเองมาจากประเทศ Laxaria และภาษาที่เขาพูดก็คือภาษา Laxaria ผสม Abramian เขาได้อ้างว่าที่เดินทางมาที่เยอรมนีนี้เพราะเขาต้องการตามหาพี่ชายที่พลัดพรากจากกันมานาน ซึ่งสาเหตุนั้นมาจากเรืออับปาง 
 
ชายแปลกหน้าคนนั้นได้อ้างว่าโลกที่เขารู้จักนั้นมีอยู่ 5 ส่วน ได้แก่ Sakria, Aflar, Aslar, Auslar และ Euplar ซึ่งน่าเหลือเชื่อที่มีปรากฏอยู่ในหนังสือที่มีชื่อว่า Year-book of Facts in Science and Art  โดยเจ้าหน้าที่ได้รายงานว่าชายแปลกหน้าคนนั้นถูกนำตัวไปสอบสวน โดยตั้งข้อสันนิษฐานว่าเขาบ้า แต่ใครจะไปรู้ล่ะ บางทีดินแดนที่ชื่อว่า Laxaria อาจจะมีอยู่จริงก็ได้


 


เหตุการณ์ที่ 9 : เพื่อนสนิททั้ง 4 คน กับการย้อนเวลากลับไปในปี 1905

 
เหตุเกิดในปี 1979 กลุ่มเพื่อนสนิททั้ง 4 คน ประกอบไปด้วย Geoff, Pauline, Len และ Cynthia ได้เดินทางไปยังประเทศฝรั่งเศส เมื่อระยะเวลาดูเหมือนจะยาวนานกว่าที่คาดการณ์ไว้ พวกเขาทั้ง 4 คนจึงตัดสินใจว่าจะเข้าพักที่โรงแรมเป็นเวลา 1 คืนก่อนจะออกเดินทางต่อในตอนเช้า
 
และแล้วเรื่องราวการเดินทางข้ามเวลาก็ได้เกิดขึ้น เมื่อพวกเขาทั้ง 4 ได้ไปเจอโรงแรมแห่งหนึ่งที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลจากบริเวณที่พวกเขาอยู่ แต่มันค่อนข้างแปลกเพราะประตูห้องพักไม่มีล็อคมีแต่สลักโลหะเท่านั้น ส่วนหน้าต่างก็มีแค่บาน ไม่มีกระจกล้อมอยู่เลยแม้แต่นิดเดียว
 
จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น พวกเขาทั้ง 4 คนได้มารับประทานอาหารเช้าที่ทางโรงแรมจัดให้ เขาได้พบกับตำรวจคนหนึ่งที่อยู่ในชุดปฏิบัติการเก่าๆ แถมบรรยากาศในยามเช้าก็ทำให้พวกเขาสัมผัสได้ถึงความแปลกของโรงแรมได้ชัดเจนกว่าเมื่อคืน นอกจากนั้นราคาห้องพักต่อคืนยังถูกมากๆ แต่ถึงจะแปลกยังไงพวกเขาก็ยังคงมีความตื่นเต้น เพราะหลังจากออกเดินทางต่อไปเรื่องราวมันก็ยังคงวนเวียนมาให้นึกถึงอยู่เรื่อยๆ นี่พวกเขาย้อนอดีตกลับมาในปี 1905 จริงๆ หรอเนี่ย?


 


เหตุการณ์ที่ 10 : คุณหมอจากศตวรรษที่ 20 เห็นอดีตของตัวเองในปี 1800


ดร. มูนได้ออกเดินทางจากบ้านของคนไข้เพื่อกลับเข้าไปในตัวเมือง ก่อนออกเดินทางเขาได้พบว่ารถยนต์ของเขาไม่ได้อยู่ในที่เดิมที่เคยอยู่ แถมถนนหนทางก็ดูขรุขระมากกว่าตอนที่มา ระหว่างทางเขาได้พบชายคนหนึ่งกำลังเดินอยู่ที่ไหล่ทาง ชายคนนั้นสวมเสื้อคลุมตัวยาว พร้อมกับปืนยาวที่พาดหลังอยู่หลายกระบอก ชายคนนั้นมีใบหน้าละม้ายคล้ายกับเขาเหมือนฝาแฝด ดร. มูนตัดสินใจจอดรถในทันที ก่อนจะหันหลังกลับไปมองชายคนนั้นอีกครั้ง แต่โชคร้ายที่ชายคนนั้นได้หายตัวไปแล้ว สรุปแล้วเขาตาฝาดหรือว่าเห็นตัวเองจริงๆ กันแน่นะ?


 


เหตุการณ์ที่ 11 : ในปีค.ศ. 2000 ได้มีชายคนหนึ่งอ้างว่าตนเองมาจากปี 2036 !

 
ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2000 การเดินทางข้ามเวลาครั้งใหม่ได้เกิดขึ้น หลังจากที่มีคนเห็น UFO พร้อมข้อความจากชายคนหนึ่งที่เรียกแทนตัวเองว่า John Titor โดยเขาอ้างว่าตนเป็นทหารสังกัดอยู่ที่เมือง Tampa ประเทศสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 2036 ที่ได้รับภารกิจให้กลับไปยังปี 1975 เพื่อแก้ไขระบบคอมพิวเตอร์ IBM แต่เขากลับกระโดดออกจากเครื่องเมื่อถึงเวลาของปี 2000 ด้วยเหตุผลส่วนตัวนั่นก็คือ เขาต้องการจะมาเตือนให้ประชากรโลกทุกคนรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคต
 
เขาเตือนว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่สงบขึ้น ตั้งแต่ปี 2004 และในปี 2008 จะเกิดสงครามกลางเมืองเต็มรูปแบบ และในปี 2015 สหรัฐจะถูกแบ่งพื้นที่ออกเป็น 5 ส่วนแถมสงครามโลกครั้งที่ 3 จะเกิดขึ้น ซึ่งตอนนี้พวกเราก็ได้รู้กันแล้วว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นอย่างที่ชายคนนั้นได้พูดเลย หรือเขาต้องการเพียงจะทำให้คนอื่นหวาดกลัวไปเท่านั้น?


 


เหตุการณ์ที่ 12 : ชาย 2 คนขับรถย้อนเวลากลับไปในปี 1940


ในปี 1969 หลังจากที่รับประทานอาหารกลางวันกันเสร็จ นักธุรกิจสองคนตั้งใจว่าจะขับรถกลับไปทำงานกันต่อ แต่ในระหว่างทางพวกเขาได้สังเกตเห็นรถแปลกๆ จอดอยู่พร้อมป้ายทะเบียนที่ระบุปี 1940 พวกเขาจอดรถลงไปดูทันที เผื่อว่าจะเกิดเหตุฉุกเฉินอะไรขึ้น โดยสิ่งที่พวกเขาสองคนเห็นคือผู้หญิงท่าทางแปลกๆ คนหนึ่ง เขาถามเธอว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม ก่อนจะได้รับสายตาหวาดระแวงแทนคำตอบ ซึ่งเขาคิดว่าเธอคงจะกลัว เลยตัดสินใจออกเดินทางกันต่อ แต่เมื่อมองผ่านกระจกมองหลังกลับมา พวกเขากลับไม่พบรถโบราณคันนั้นอยู่เลย สรุปแล้วมันเกิดเรื่องอะไรกับพวกเขากันแน่นะ? เอาจริงๆ ถ้าเป็นพี่นัทตี้อาจจะคิดว่าถูกผีหลอกตอนกลางวันแสกๆ แทน (ฮา)


 


เหตุการณ์ที่ 13 : Nichols และ Bielek อ้างว่าพวกเขาเป็นหนึ่งใน Montauk Project


Montauk Project เป็นโครงการต่อยอดจากโครงการฟิลาเดเฟีย สร้างขึ้นอย่างเป็นความลับโดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกา มีจุดประสงค์เพื่อทำการทดลอง ทำสงครามจิตวิทยา รวมถึงการเดินทางข้ามมิติกาลเวลา
 
Nichols ได้เขียนใน The Montauk Project : Experiments in Time ว่า เขาได้ฟื้นความทรงจำเก่าๆ ของตนตั้งแต่สมัยที่เขายังเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่ของโครงการนี้ โดยได้เล่าว่าทางการมีการทดลองความสามารถพิเศษในเด็ก ซึ่งมีเด็กจำนวนหนึ่งที่ทำได้ แถมยังทดลองให้ผู้ร่วมโครงการเดินทางข้ามมิติกาลเวลาไปยังโลกในอนาคตอีกด้วย ซึ่งปีที่พวกเขาได้ไปตัวอย่างเช่น ปี ค.ศ. 2137, 2749 และที่น่าทึ่งที่สุดกับการเดินทางไปยังดาวอังคาร!  Nichols เล่าว่าความทรงจำต่างๆ ของเขาย้อนกลับมาหลังจากได้ดูหนังเรื่อง The Philadelphia Experiment (1984) แถมใครจะไปรู้ล่ะว่าหนังเรื่องนี้ก็ได้ฟื้นความทรงจำให้กับ Bielek อีกคนด้วยเช่นกัน
 
Bielek จำได้ว่าครั้งหนึ่งนั้นเขาเคยสนิทสนมกับ Nichols มาก แล้วยิ่งทั้งคู่ได้มานั่งจับเข่าคุยกันเรื่อง Montauk Project มันก็ยิ่งทำให้ความทรงจำเก่าๆ หวนคืนกลับมาอีกครั้ง

 

---------------


ถึงแม้ว่าเรื่องราวจะดูน่าเหลือเชื่อเกินไปสำหรับคนอ่านอย่างเรา แต่มันก็ไม่ผิดที่มีคนเชื่อมัน ซึ่งเหตุการณ์บางอย่างอาจจะดูสมเหตุสมผล ตรงข้ามกับบางอย่างที่ดูเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า ยังไงพี่นัทตี้ก็อยากให้ทุกคนใช้วิจารณญาณในการอ่านกันด้วยนะจ๊ะ และอย่างยิ่งสำหรับน้องๆ นักเขียนคนไหน หวังว่าอ่านบทความนี้กันจบ คงจะคิดพล็อตนิยายย้อนอดีตกันออกเพียบ! (แซว) ยังไงก็ขอบคุณทุกคนมากๆ ที่เข้ามาอ่านบทความนี้ ไว้เรามาเจอกันใหม่ในบทความหน้า บ๊ายบายจ้า :)

 
พี่นัทตี้
 
ขอบคุณที่มาดีๆ จาก
https://www.ranker.com/list/time-traveler-stories/jenniferlennon?var=8&utm_expid=16418821-388.pwrOe5-lSJetLqzNW0S00A.3&utm_referrer=https%3A%2F%2Fwww.google.co.th%2F
https://en.wikipedia.org/wiki/Palace_of_Versailles
https://en.wikipedia.org/wiki/Green_children_of_Woolpit
http://www.liekr.com/post_147755.html

 
พี่นัทตี้
พี่นัทตี้ - Columnist บุคคลผู้เสพติดการดูหนังแนวสยองขวัญ ที่มีความฝันอยากจะเป็นนักเขียน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

มัณทนา Member 12 มี.ค. 61 17:43 น. 1

เหตุการณ์ที่ 10 นึกถึงหมอจิน แต่หมอจินตกบันไดแล้วย้อนเวลากลับไปในปลายยุคเอโดะ


นวนิยาย ภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด และซีรีส์ฝรั่งหลายเรื่องก็พูดถึงเรื่องการเดินทางข้ามกาลเวลา

1.The Time Machine นวนิยายของ H.G. Wells

-เคยสร้างเป็นภาพยนตร์เมื่อปีค.ศ.1960 ค.ศ.1978 และค.ศ.2002

2.Time After Time นวนิยายของ Karl Alexander

-เป็นเรื่องราวของสองเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด คือ H.G. Wells ในวัยหนุ่มกับ John Stevenson

เพื่อนสนิทที่เป็น Jack the Ripper ฆาตกรต่อเนื่องผู้โด่งดัง

-เคยสร้างเป็นภาพยนตร์เมื่อปีค.ศ.1979

-เวอร์ชั่นซีรีส์ฉายเมื่อปีค.ศ.2017

3.Marvel Agents of S.H.I.E.L.D. Season 5

-หน่วยชีลด์ถูกแท่งหินโมโนลิธสีขาวส่งไปนอกโลกเลย

ไปโลกอนาคตอีก 79 ปีข้างหนัา หลังจากที่โลกแตกโดยฝีมือของ Quake ผู้ทำลายโลก

(ไม่อยากให้เฉลยออกมาว่าคนที่ทำลายโลกแตกเป็นเดซี่ แต่อยากให้เป็นคนอื่นมากกว่า)

4.Frequency

-เรื่องนี้ไม่ถึงกับเป็นการเดินทางข้ามกาลเวลา

ตัวเอกได้ติดต่อพูดคุยกับพ่อของตัวเองที่ตายไปแล้วเมื่อตอนที่ตัวเองยังเด็กๆผ่านทางสัญญาณวิทยุ

พ่อของตัวเอกที่เป็นนักดับเพลิงตายตั้งแต่ตัวเอกยังเด็กๆ

พอตัวเอกโตเป็นผู้ใหญ่แล้วไปเจอเครื่องส่งสัญญาณวิทยุของพ่อในบ้าน แต่บังเอิญมีฟ้าผ่าลงมา

สัญญาณวิทยุทั้งโลกอดีตกับโลกปัจจุบันเลยจูนติดกัน ตัวเอกกับพ่อเลยติดต่อกัน

เลยช่วยกันไขคดีต่างๆ ทำให้พ่อของตัวเอกไม่ตาย เกิดเหตุการณ์ Butterfly Effect ขึ้น

(ในซีรีส์ พ่อของตัวเอกเป็นตำรวจและเข้าไปแฝงตัวในแก๊งค้ายา แต่โดนฆ่าตาย

ตอนนั้นตัวเอกยังเด็กๆ (เวอร์ชั่นซีรีส์ ตัวเอกเป็นผู้หญิง) พอตัวเอกโตขึ้นเป็นตำรวจเหมือนพ่อ)

ทั้งสองเวอร์ชั่น เราชอบตอนที่ตัวเอกตอนโตได้คุยกับตัวเองตอนเด็กๆทางสัญญาณวิทยุ

-เคยสร้างเป็นภาพยนตร์เมื่อปีค.ศ.2000

-เวอร์ชั่นซีรีส์ฉายเมื่อปีค.ศ.2016

1
กำลังโหลด
ยุรี 21 ธ.ค. 61 22:39 น. 3

ไม่รู้ว่าทำไมเราถึงเชื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะความบังเอิญมากกว่าพวกที่อ้างว่ามาจากอนาคต เคยได้ยินเรื่องมิติต่างๆ หรือจะจริงที่ว่าโลกเรามีหลายมิติที่ทับซ้อน และมิติอาดจะเกิดช่องโหว่ ทำให้คนอีกมิติหนึ่งเดินทะลุเข้าไปอีกมิติหนึ่ง แต่แปลกตรงที่คนเหล่านั้นอยู่ในช่วงเวลานั้นไม่นานก็จะกลับมาในช่วงเวลาปัจจุบัน

0
กำลังโหลด

3 ความคิดเห็น

มัณทนา Member 12 มี.ค. 61 17:43 น. 1

เหตุการณ์ที่ 10 นึกถึงหมอจิน แต่หมอจินตกบันไดแล้วย้อนเวลากลับไปในปลายยุคเอโดะ


นวนิยาย ภาพยนตร์ฮอลลีวู้ด และซีรีส์ฝรั่งหลายเรื่องก็พูดถึงเรื่องการเดินทางข้ามกาลเวลา

1.The Time Machine นวนิยายของ H.G. Wells

-เคยสร้างเป็นภาพยนตร์เมื่อปีค.ศ.1960 ค.ศ.1978 และค.ศ.2002

2.Time After Time นวนิยายของ Karl Alexander

-เป็นเรื่องราวของสองเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด คือ H.G. Wells ในวัยหนุ่มกับ John Stevenson

เพื่อนสนิทที่เป็น Jack the Ripper ฆาตกรต่อเนื่องผู้โด่งดัง

-เคยสร้างเป็นภาพยนตร์เมื่อปีค.ศ.1979

-เวอร์ชั่นซีรีส์ฉายเมื่อปีค.ศ.2017

3.Marvel Agents of S.H.I.E.L.D. Season 5

-หน่วยชีลด์ถูกแท่งหินโมโนลิธสีขาวส่งไปนอกโลกเลย

ไปโลกอนาคตอีก 79 ปีข้างหนัา หลังจากที่โลกแตกโดยฝีมือของ Quake ผู้ทำลายโลก

(ไม่อยากให้เฉลยออกมาว่าคนที่ทำลายโลกแตกเป็นเดซี่ แต่อยากให้เป็นคนอื่นมากกว่า)

4.Frequency

-เรื่องนี้ไม่ถึงกับเป็นการเดินทางข้ามกาลเวลา

ตัวเอกได้ติดต่อพูดคุยกับพ่อของตัวเองที่ตายไปแล้วเมื่อตอนที่ตัวเองยังเด็กๆผ่านทางสัญญาณวิทยุ

พ่อของตัวเอกที่เป็นนักดับเพลิงตายตั้งแต่ตัวเอกยังเด็กๆ

พอตัวเอกโตเป็นผู้ใหญ่แล้วไปเจอเครื่องส่งสัญญาณวิทยุของพ่อในบ้าน แต่บังเอิญมีฟ้าผ่าลงมา

สัญญาณวิทยุทั้งโลกอดีตกับโลกปัจจุบันเลยจูนติดกัน ตัวเอกกับพ่อเลยติดต่อกัน

เลยช่วยกันไขคดีต่างๆ ทำให้พ่อของตัวเอกไม่ตาย เกิดเหตุการณ์ Butterfly Effect ขึ้น

(ในซีรีส์ พ่อของตัวเอกเป็นตำรวจและเข้าไปแฝงตัวในแก๊งค้ายา แต่โดนฆ่าตาย

ตอนนั้นตัวเอกยังเด็กๆ (เวอร์ชั่นซีรีส์ ตัวเอกเป็นผู้หญิง) พอตัวเอกโตขึ้นเป็นตำรวจเหมือนพ่อ)

ทั้งสองเวอร์ชั่น เราชอบตอนที่ตัวเอกตอนโตได้คุยกับตัวเองตอนเด็กๆทางสัญญาณวิทยุ

-เคยสร้างเป็นภาพยนตร์เมื่อปีค.ศ.2000

-เวอร์ชั่นซีรีส์ฉายเมื่อปีค.ศ.2016

1
กำลังโหลด
กำลังโหลด
ยุรี 21 ธ.ค. 61 22:39 น. 3

ไม่รู้ว่าทำไมเราถึงเชื่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพราะความบังเอิญมากกว่าพวกที่อ้างว่ามาจากอนาคต เคยได้ยินเรื่องมิติต่างๆ หรือจะจริงที่ว่าโลกเรามีหลายมิติที่ทับซ้อน และมิติอาดจะเกิดช่องโหว่ ทำให้คนอีกมิติหนึ่งเดินทะลุเข้าไปอีกมิติหนึ่ง แต่แปลกตรงที่คนเหล่านั้นอยู่ในช่วงเวลานั้นไม่นานก็จะกลับมาในช่วงเวลาปัจจุบัน

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด