รู้กันหรือยัง! 10 คดีนี้ (น่าจะ) เชื่อมโยงกับแจ๊คเดอะริปเปอร์ ฆาตกรแห่งประวัติศาสตร์นะ!

รู้กันหรือยัง! 10 คดีนี้ (น่าจะ) เชื่อมโยงกับ
แจ๊คเดอะริปเปอร์ ฆาตกรแห่งประวัติศาสตร์นะ! 

 
สวัสดีชาวนักเขียนนักอ่านเด็กดีของเราทุกคน เชื่อว่าชื่อของแจ๊คเดอะริปเปอร์น่าจะเป็นชื่อที่ทุกคนรู้จักและคุ้นเคยเป็นอย่างดีใช่ไหมคะ ขยายความเพิ่มให้หน่อยก็คือ เขาคนนี้เป็นฆาตกรคนสำคัญในประวัติศาสตร์ และเป็นฆาตกรที่ฉลาดมากถึงมากที่สุด เพราะจนทุกวันนี้ ก็ยังแทบไม่มีใครรู้ประวัติจริงๆ จังๆ ของเขาเลย มีแต่ข้อสันนิษฐานเบื้องต้นถึงตัวตนที่แท้จริงว่า อาจจะเป็นคนนิสัยแบบนั้น นิสัยแบบนี้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะจริงหรือเปล่า มิหนำซ้ำ คดีต่างๆ ที่ถูกเชื่อมโยงว่าเกี่ยวข้องกับริปเปอร์เอง ก็ยังเป็นแค่ข้อสันนิษฐานเช่นกัน ไม่อาจระบุได้ว่า เขาเป็นฆาตกรจริงๆ หรือเปล่า เรียกว่าเป็นฆาตกรที่ลึกลับมากถึงมากที่สุดจริงๆ 
 
ตำนานอันเหี้ยมโหดของ แจ๊ค เดอะริปเปอร์ เกิดขึ้นในเขตของถนนที่มีชื่อว่าไวท์ชาเปล (white chapel) ลอนดอนเมืองหลวงของอังกฤษ ซึ่งเป็นถิ่นของคนกลางคืน เป็นทางผ่านของบรรดาพ่อค้าและกะลาสีเรือ มีสถานให้บริการทางเพศมากกว่า 60 แห่งและมีโสเภณีออกให้บริการมากกว่า 1,000 คน ซึ่งหลายรายในนี้ได้กลายเป็นเหยื่อของฆาตกรที่ถูกขนานนามว่าแจ๊คเดอะริปเปอร์ อย่างไรก็ตาม จากการพิจารณาครบถ้วนทั้งหลักฐานและข้อพิสูจน์ต่างๆ ตำรวจสามารถระบุเหยื่อที่แท้จริงของฆาตกรผู้นี้ได้เพียง 5 คน นั่นคือ แมรีแอน นิโคลส์ หรือ พอลลี, แอนนี แชปแมน, เอลิซาเบ็ธ สไตรค์, แคทเทอรีน เอดโดวส์ และแมรี่ เจนเตลลี่ ซึ่งลักษณะของเหยื่อเหมือนกันคือ เป็นโสเภณี ฆาตกรใช้อาวุธคือมีด และที่สำคัญ ฆาตกรได้ส่งจดหมายปริศนาถึงตำรวจอังกฤษอย่างสก็อตแลนด์ยาร์ด พร้อมลงชื่อด้วยว่าเขาคือ แจ๊คเดอะริปเปอร์ และเป็นผู้ก่อคดีทั้งห้าขึ้น!  
  
ในบทความนี้ เราได้รวบรวมอีก 10 คดีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สันนิษฐานไว้ว่าน่าจะเชื่อมโยงกับแจ๊คเดอะริปเปอร์มาฝากค่ะ แต่ก็อย่าลืมอย่างที่บอกไปเบื้องต้นนะคะว่า ไม่ได้มีหลักฐานอะไรผูกมัด มันอาจเป็นฝีมือของคนอื่นก็ได้ หรืออาจเป็นคดีของริปเปอร์ก็ได้เช่นกัน ยังไงอ่านแล้วก็ฟังหูไว้หูแล้วกันนะคะ 
 
แจ๊คเดอะริปเปอร์ ฆาตกรสุดโหดที่ยังไม่มีใครพบตัว
 
แอนนี่ มิลวู้ด 
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1888 แอนนี่ มิลวู้ด แม่ม่ายวัย 38 ถูกคนแปลกหน้าทำร้ายด้วยอาวุธสำคัญคือ มีด มันแทงเธอเข้าที่ท้องและขาหลายต่อหลายครั้ง ทว่าเธอไม่ตายและต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลเกือบเดือน แอนนี่ออกจากโรงพยาบาลในวันที่ 21 มีนาคม แต่ก็ตายในอีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมา เพราะเส้นเลือดเป็นพิษเสียแล้ว เชื่อกันว่าฆาตกรที่ทำร้ายเธอไม่ใช่ใครอื่น นอกจากแจ๊คเดอะริปเปอร์นั่นเอง 
 
เอด้า วิลสัน 
เอด้า วิลสัน ทำงานเป็นช่างเย็บผ้าบังหน้า และยังดำรงชีวิตด้วยอาชีพโสเภณีด้วย ช่วงเช้าของวันที่ 28 มีนาคม ค.ศ. 1888 เธอถูกทำร้ายอย่างรุนแรง จากการรายงานพบว่า เอด้ากำลังกลับเข้าบ้านและเตรียมตัวเข้านอน มีเสียงเคาะประตูดังขึ้น เมื่อเปิด คนแปลกหน้าก็เรียกร้องขอเงิน เมื่อเอด้าปฏิเสธ ก็ถูกแทงเข้าที่ลำคอ ตำรวจไม่พบฆาตกรรายนี้ ทว่าจากการรายงานของพยานผู้พบเห็นเหตุการณ์ ทุกคนปักใจเชื่อว่าฆาตกรรายนี้ก็น่าจะไม่พ้น แจ๊คเดอะริปเปอร์ อีกเช่นเคย
 
เอ็มม่า เอลิซาเบ็ธ สมิธ 
โสเภณีรายนี้ เจอเหตุการณ์สยองขวัญเมื่อวันที่ 3 เมษายน ค.ศ. 1888 เธอให้การว่า ระหว่างเดินทางกลับบ้านในช่วงเช้า ได้เห็นกลุ่มชายหน้าตาน่าสงสัยสามคน แม้พยายามจะหลีกเลี่ยง แต่ชายทั้งสามก็ตามเธอมา ปล้น ซ้อม และข่มขืนเธอด้วย เอ็มม่ากระเสือกกระสนกลับไปนอนซมที่ห้องเช่า ก่อนที่วันต่อมา เธอจะขอร้องให้เจ้าของห้องเช่าพาเธอไปที่โรงพยาบาลเพราะเจ็บปวดภายในแทบทนไม่ไหว ผลคือ เอ็มม่าเสียชีวิตในวันต่อมาด้วยโรคเยื่อกระเพาะปัสสาวะอักเสบ เพราะการข่มขืนที่รุนแรงเกินไป  
 
ภาพสันนิษฐานของแจ๊คเดอะริปเปอร์
 
มาร์ธา แทบราม
มาร์ธา แม่ลูกสองที่หย่ากับสามีและหาเลี้ยงชีพด้วยการขายของกระจุกกระจิก ได้แก่ไม้ขีดไฟหรือพวงกุญแจตามท้องถนน ชีวิตของเธออัตคัตขาดแคลนอย่างมาก แถมยังติดเหล้า มาร์ธาหารายได้เสริมด้วยการทำอาชีพโสเภณีเรื่อยมา จนกระทั่งวันที่ 7 สิงหาคม ก็มีคนพบร่างของมาร์ธา ถูกแทงด้วยมีดปากกามากกว่า 40 แผล ตลอดทั้งคืน พยานหลายคนให้การว่าได้ยินเสียงกรีดร้องเรียกให้ช่วย อย่างไรก็ตาม จากการชันสูตรพบว่าร่างของมาร์ธาบอบช้ำมากและน่าจะเสียชีวิตอย่างรวดเร็วจนแทบไม่มีโอกาสขอความช่วยเหลือจากใคร คดีนี้ถูกรวมกับคดีของแจ๊คเดอะริปเปอร์เช่นกัน 
 
เจน บีดมอร์ 
เจนเสียชีวิตในวันที่ 23 กันยายน ค.ศ. 1888 คดีของเธอขึ้นหน้าหนังสือพิมพ์หลายฉบับ และล้วนถูกเชื่อมโยงว่าเป็นฝีมือของแจ๊คเดอะริปเปอร์ เพราะวิธีการฆ่ามีลักษณะคล้ายคลึงกัน ทว่าก็มีข้อข้อแย้งที่น่าสนใจอยู่คือ เจนไม่ใช่หญิงยากจนอย่างเหยื่อรายอื่นๆ เธออยู่ในกลุ่มชนชั้นกลางชั้นล่าง และยังมีคู่หมั้นด้วย วิลเลี่ยม วัดเดลล์ เป็นผู้ต้องสงสัยรายสำคัญ เพราะเมื่อเจนเสียชีวิต เขาหายตัวไป ต่อมาเมื่อเขากลับมามอบตัว และให้การต่างๆ นานา ตำรวจพบว่าเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ อย่างไรก็ตาม ด้วยลักษณะเหยื่อที่ไม่เหมือนใคร ทำให้ยังเป็นที่น่าสงสัยว่า คดีนี้เป็นแค่ฆาตกรเลียนแบบวิธีของริปเปอร์ หรือว่าเป็นฝีมือริปเปอร์จริงๆ กันแน่
 
เอลิซาเบ็ธ แจ๊คสัน 
ช่วงฤดูร้อนปี ค.ศ. 1889 แจ๊คเดอะริปเปอร์เริ่มเงียบไป ไม่ได้ออกฆาตกรรมหญิงสาวอีก ทว่าในช่วงมิถุนายนปีนั้นเอง คนงานได้พบศพของหญิงสาวในแม่น้ำอีกเช่นเคย เหยื่อตั้งท้อง 8 เดือน แต่มดลูกและเด็กในท้องหายไป หลังจากนั้นได้มีการระบุศพจากเสื้อผ้าที่สวมใส่ว่าน่าจะเป็น เอลิซาเบ็ธ แจ๊คสัน ทั้งนี้ เหตุผลที่คดีนี้ถูกเชื่อมโยงเข้ากับคดีของแจ๊คเดอะริปเปอร์ก็เพราะก่อนพบศพไม่กี่วัน ตำรวจได้รับจดหมายที่เขียนไว้ว่า “เขายังไม่ตายแต่ยังอยู่” และลงชื่อตอนท้ายไว้ว่า แจ๊คเดอะริปเปอร์ ดังนั้น คดีนี้จึงถูกเชื่อมโยงเข้าหาฆาตกรคนนี้ไปโดยปริยาย 
 
ภาพสเก็ตช์ของแจ๊คเดอะริปเปอร์
 
อลิซ แม็คเคนซี่ 
ศพของอลิซถูกพบในวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 1889 ในเขตไวท์ชาเปล ทันทีที่พบศพ ตำรวจก็เชื่อมโยงคดีนี้เข้ากับแจ๊คเดอะริปเปอร์ทันที เพราะลักษณะหลายๆ อย่างที่เหมือนกันมาก และศพนี้ก็เป็นตัวจุดประกายให้เจ้าหน้าที่ของรัฐหันมาสนใจบริเวณสถานที่เกิดเหตุให้มากขึ้น เนื่องจากมันอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สกปรก และอับทึบ เอื้อต่อการฆาตกรรม การตายของอลิซทำให้เจ้าหน้าที่กวาดล้างพื้นที่และดูแลให้สะอาดสะอ้านเปิดโล่งมากขึ้น 
 
ฟรานเชส โคลส์
คดีของฟรานเชส เกิดขึ้นในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1891 แม้ลักษณะหลายๆ อย่างจะใกล้เคียงฝีมือของแจ๊คเดอะริปเปอร์ แต่เบื้องต้น ก็ได้มีการเรียกตัวผู้ต้องสงสัยขึ้นศาล เขามีชื่อว่าเจมส์ แซดเลอร์ และเป็นคนรักของฟรานเชสด้วย ทว่าจากการตรวจสอบหลักฐานพบว่า เจมส์มีพยานแห่นหนาและเอาตัวรอดไปได้ ทำให้สุดท้าย ผู้ที่ถูกเชื่อมโยงเข้ากับคดีก็กลายเป็นแจ๊คเดอะริปเปอร์เช่นเดิม อย่างไรก็ตาม คดีนี้แตกต่างจากคดีอื่นๆ ตรงที่ฟรานเชสไม่ได้เสียชีวิตในทันที เธอถูกแทงเข้าที่คอจนเป็นแผลเหวอะหวะ น่าเสียดายที่หลังถูกทำร้าย เธอก็หมดสติและไม่ฟื้นขึ้นมาอีกเลย กลายเป็นเจ้าหญิงนิทราไปตลอด
   
เหยื่อแห่งเรนแฮม (Rainham) 
ช่วงฤดูร้อนปี ค.ศ. 1887 ตำรวจได้พบชิ้นส่วนต่างๆ ของร่างกายกระจัดกระจายทั่วแม่น้ำเทมส์ในเรนแฮม เมืองที่อยู่ห่างจากลอนดอนราวๆ 10 ไมล์ จากข้อสันนิษฐานเชื่อว่า เจ้าของร่างเป็นหญิงสาววัย 20 ถึง 20 ปลายๆ ชิ้นส่วนต่างๆ ถูกค้นพบต่อมา ศีรษะเป็นส่วนแรก ตามด้วยขา และแขน ทุกส่วนถูกตัดขาดจากกัน ในช่วงแรก ตำรวจก็ไม่ได้คิดจะเชื่อมโยงคดีนี้ไปสู่แจ๊คเดอะริปเปอร์ จนกระทั่งสองปีต่อมา ได้มีการค้นพบเหยื่ออีกหลายต่อหลายราย ร่างกายถูกตัดเป็นชิ้นๆ ทิ้งลงในแม่น้ำเทมส์เช่นกัน ตำรวจตั้งข้อสันนิษฐานว่า เหยื่อเหล่านี้น่าจะเป็นโสเภณีที่เสียชีวิตจากการทำแท้งเถื่อน และเหตุผลที่ฆาตกรหั่นร่างเหยื่อออกแล้วนำมาทิ้งในแม่น้ำ ก็เพื่อกลบร่องรอยนั่นเอง เนื่องจากแจ๊คเดอะริปเปอร์ เป็นฆาตกรที่ขึ้นชื่อเรื่องสังหารและกำจัดโสเภณี ตำรวจจึงเชื่อมโยงคดีเหล่านี้เข้ากับเขา
 
เหยื่อปริศนาที่ไวท์ชาเปล 
อย่างที่ได้บอกไปเบื้องต้นว่า... แจ๊คเดอะริปเปอร์นั้น ล่าเหยื่ออยู่แถวๆ ไวท์ชาเปลเป็นหลัก และเหยื่อของเขาก็คือโสเภณีทั้งหลาย ในวันที่ 11 กันยายน ค.ศ. 1888 คนงานได้พบแขนมนุษย์ในแม่น้ำเทมส์ ต่อมา ในวันที่ 28 กันยายน ก็มีเด็กผู้ชายพบแขนอีกข้างบนท้องถนน และวันที่ 2 ตุลา ได้มีการค้นพบร่างที่ไม่มีส่วนอื่นๆ ในไซด์งานก่อสร้าง เชื่อกันว่า เหยื่อตายเพราะขาดเลือด ที่แปลกมากๆ ก็คือ มดลูกของเหยื่อหายไป จากการสันนิษฐานคิดว่า เหยื่อน่าจะเสียชีวิตจากการทำแท้ง แต่การทิ้งร่างเอาไว้แบบนี้ ทำให้เกิดความน่าสงสัย โดยเฉพาะตึกที่พบศพเป็นตึกใหม่ ตำรวจจึงคิดว่าฆาตกรน่าจะอยากประกาศให้โลกรู้ว่าได้ทำอะไรลงไป และนั่นเองคือเหตุผลที่คดีนี้ถูกเก็บเข้าสู่แฟ้มของริปเปอร์ แต่ก็ไม่มีใครทราบชื่อจริงของเหยื่อจนวันนี้ 
 
ทีมงานนักเขียนเด็กดี
 
ขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก 
https://en.wikipedia.org/wiki/Jack_the_Ripper
https://www.biography.com/people/jack-the-ripper-9351486
http://www.theweek.co.uk/93304/who-was-jack-the-ripper
http://listverse.com/2017/01/17/10-little-known-murders-attributed-to-jack-the-ripper/ 
https://www.history.com/topics/british-history/jack-the-ripper 


 
ทีมงาน writer

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น