สวัสดีค่ะ ชาวเด็กดีทุกคน  เป็นที่รู้กันดีเนอะไม่ว่าในยุคสมัยไหน เรื่องราวความรักระหว่างชายชายด้วยกันจะไม่ค่อยได้รับการยอมรับในสังคมเท่าไหร่นัก (แม้ยุคสมัยปัจจุบันจะให้การยอมรับมากขึ้น แต่ก็ยังจำกัดอยู่เฉพาะกลุ่มเท่านั้น) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสังคมประเทศจีนที่ให้คุณค่าของเพศชายมากกว่าเพศหญิงด้วยแล้ว รสนิยมความชอบในเพศเดียวกันนั้น แทบจะกลายเป็นสิ่งต้องห้าม! ถึงขนาดที่เคยมีการออกกฏเพื่อเล่นงานกลุ่มรักร่วมเพศขึ้นในช่วงปี ค.ศ. 1949 (ยุคสมัยที่จีนเพิ่งเข้าสู่ระบอบการปกครองคอมมิวนิสต์ระยะแรกๆ) ซึ่งต่อมาในปี ค.ศ. 1997 กฎหมายฉบับนี้ก็ได้ถูกยกเลิกไป…

แต่… น้องๆ รู้ไหมคะ ว่าความจริงแล้ว เรื่องราวชายรักชายในประเทศจีนไปใช่เรื่องใหม่แต่อย่างใด เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์จีนมาเป็นพันๆ ปีแล้ว และบางยุคสมัยการร่วมเพศในเพศเดียวกันยังเป็นเรื่องธรรมดามากๆ โดยเฉพาะในกองทัพทหารที่ต้องเดินทางทำสงครามนานหลายเดือนทำให้ไม่สามารถไม่ปลดปล่อยความใคร่ได้ (ในค่ายทหารไม่มีผู้หญิง) การที่นายทหารยศสูงจะเรียกทหารชั้นผู้น้อยมาปรนนิบัติจึงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด เพียงแต่ว่า...เขาไม่ออกมาแสดงตัวชัดเจนเท่านั้นเอง

ซึ่งนอกจากเรื่องราวการร่วมเพศของทหารในกองทัพแล้ว ตำนานรักในฝ่ายราชสำนักเองก็ร้อนแรงไม่แพ้กันค่ะ ทั้งยังสร้างความสั่นสะเทือนเลือนลั่นได้มากกว่าเรื่องราวรักๆ ใคร่ๆ ในค่ายทหารมากกว่าสิบเท่า! จนกลายเป็นต้นกำเนิดสำนวน “ชายตัดแขนเสื้อ” (Sleeve-Slicing affect-tion) ที่หมายถึง "เกย์" ในยุคปัจจุบันนั่นเองค่ะ

ในประวัติศาสตร์จีนอาจมีฮ่องเต้หรือชนชั้นสูงมากมายที่มีรสนิยมในการร่วมเพศกับผู้ชายด้วยกัน แต่ ฮั่นอ้ายตี้ แห่งราชวงศ์ฮั่น มีความแตกต่างจากฮ่องเต้พระองค์อื่นๆ เพราะแทนที่พระองค์จะชอบเป็นฝ่ายรุก แต่กลับชอบเป็นฝ่าย “รับ” แทนเสียนี่

กล่าวกันว่าหลังจากที่ฮ่องเต้อ้ายทรงขึ้นครองราชย์ได้ไม่นาน พระองค์ได้หลงใหลในขันทีเทียมคนหนึ่ง (ไม่ได้ตอนเป็นขันที แต่คอยติดตามรับใช้อยู่ข้างกายฮ่องเต้ไม่ต่างจากขันทีคนหนึ่ง) นาม “ตงเสียน” จนถึงขนาดมอบอำนาจให้มากมาย ทั้งตำแหน่งในราชสำนัก และจวนส่วนตัวอันหรูหรา (ที่เป็นรองเพียงแค่พระราชวังเท่านั้น!) แถมยังให้ขันทีตงเสียนคนนี้ติดตามเป็นเงาไม่ห่างกาย เรียกว่า ฮั่นอ้ายตี้เสด็จที่ไหน เป็นต้องเห็นขันทีตงเสียนอยู่ที่นั่น จนกระทั่งเช้าวันหนึ่ง ขณะที่ตงเสียนนอนหลับใหลโดยที่ทับแขนเสื้อของพระองค์อยู่นั้น ฮ่องเต้จำต้องลุกจากที่บรรทม แต่ไม่อยากกวนคนรัก จึงยอมตัดเสื้อของพระองค์เองทิ้ง เพื่อให้ตงเสียนได้นอนหลับสบายต่อไป อันเป็นที่มาของสำนวน “ชายตัดแขนเสื้อ” หรือ ต้วนซิ่วจือผี่ (斷袖之癖) สำนวนที่ใช้เรียกเหล่าชายหนุ่มที่รักชอบเพศเดียวกันนั่นเองค่ะ  

Chen, Hong Shou (17th century) , a famous Chinese painter of the late Ming dynasty.
 

อย่างไรก็ตามจุดสิ้นสุดของคู่รักคู่นี้จบได้ไม่สวยเท่าไหร่ เพราะหลังจากฮ่องเต้อ้ายครองราชย์ในปีที่ 6 ก็ป่วยด้วยโรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง และสิ้นใจตายในอ้อมแขนของคนรักในที่สุด ด้วยอายุเพียง 23 ปีเท่านั้น ซึ่งหลังจากฮั่นอ้ายตี้สิ้นใจ ตงเสียนซึ่งหมดที่พึ่งก็รู้ตัวว่า... อำนาจวาสนาคงจะหมดลงก็คราวนี้ และคงต้องตกเป็นเป้าหมายการเล่นงานของเหล่าขุนนางแน่ๆ จึงฆ่าตัวตายตามฮ่องเต้อ้ายไปติดๆ กันเลยค่ะ 
 

ศิลปะบนผืนผ้าไหม ในสมัยราชวงศ์ชิง
จาก Kinsey Institute, Bloomington, Indiana, via Wikimedia Commons

เป็นอย่างไรบ้างคะ กับเรื่องราวความรักลับๆ ฉบับวังหลวง ที่พี่หญิงนำมาฝากทุกคนในวันนี้ ขอบอกเลยว่า...ฮ่องเต้ฮั่นอ้ายตี้ไม่ได้เป็นคนเดียวในประวัติศาสตร์ราชวงศ์จีนที่มีรสนิยมชอบคนเพศเดียวกัน อดีตรัชทายาทในรัชสมัยของถังไท่จง อย่าง หลี่เฉิงเฉียน ก็เป็นชายตัดแขนเสื้อเช่นกัน ทั้งความรักของเขายังดราม่าเข้มข้น โดนฮ่องเต้ขัดขวางความรักหลายครั้งหลายครา จนเกิดเป็นความแค้นถึงขนาดวางแผนก่อกบฏโค่นบัลลังก์บิดาตนเองเลยทีเดียว… เรียกได้ว่าเรื่องราวความรักฉบับชายชายๆ นั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นในสังคมจีนและทั่วโลกเลยจริงๆ 

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก 

https://baike.baidu.com/tashuo/browse/content?id=3b693b6b18a8a038edde4685&lemmaId=913479&fromLemmaModule=pcRight

พี่หญิง