ติ่ง Ariana Grande ห้ามพลาด! 6 หนังสือต้องอ่านถ้าคุณหยุดฟังอัลบั้ม “Sweetener” ไม่ได้

 

ติ่ง Ariana Grande ห้ามพลาด!
6 หนังสือต้องอ่านถ้าคุณหยุดฟัง
อัลบั้ม
"Sweetener" ไม่ได้

สวัสดีค่ะน้องๆ ชาวเด็กดีทุกคน เรียกได้ว่าเป็นปีที่ปังมากสำหรับนักร้องสาว “Ariana Grande” ที่หลังจากคลอดอัลบั้มใหม่อย่าง “Sweetener” เพลงของเธอก็ขึ้นแท่นติดชาร์จ Top 10 ในบิลบอร์ด ตั้งแต่ God is a Woman ไปจนถึง breathin’ นี่ยังไม่รวมถึงเพลงใหม่ของเธอที่อุทิศแด่แฟนเก่าทั้งหลายของเธออย่าง “thank u, next” ที่เพิ่งปล่อยออกมาไม่นานนี้อีกนะ บอกเลยว่าพลุแตกมงลง ทั้งหมดทั้งมวลเลยทำให้เธอกลายเป็น Woman of the Year ของบิลบอร์ดโดยปริยาย ยินดีด้วยนะจ๊ะอารี่!
 


Ariana Grande และอัลบั้ม Sweetener
(via: Yahoo Finance)

 

ไหนๆ 2018 ก็เป็นปีของเธอแล้ว บวกกับพี่ชื่นชอบนักร้องสาวคนนี้มาก พี่เลยลองหาวิธีใหม่ๆ ที่จะเปิดอัลบั้ม Sweeterner ฟังให้ฟิน แน่นอน ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการฟังอัลบั้มนี้พร้อมกับการอ่านหนังสือสักเล่มอีกแล้ว! อย่างที่รู้นั่นแหละค่ะ หนังสือกับเพลงก็เหมือนไวน์กับอาหาร ทั้งคู่เติมเต็มซึ่งกันและกัน! ดังนั้นเพื่อเติมเต็มความสุขในการฟังอัลบั้ม Sweetener พี่เลยลิสต์รายการหนังสือยอดเยี่ยมที่จะช่วยให้การฟังเพลงฟินขึ้น แถมบางเล่มยังมีสตอรี่คล้ายๆ กับเนื้อเพลงอีกด้วย บอกเลยว่าดีต่อใจ จะมีเรื่องอะไรนั้น ตามมาเลยจ้า
 

Clip

Ariana Grande - God is a woman


 

When God was a Woman โดย Merlin Stone


หนึ่งในเพลงนำของอัลบั้ม Sweetener จะเป็นเพลงอะไรไม่ได้เลย นอกจาก “God is a woman” ที่ขึ้นแท่นอันดับ 1 ของบิลบอร์ด ถ้าหากว่าชอบฟังเพลงนี้แล้วล่ะก็ บอกเลยว่าต้องหาหนังสือเรื่อง When God Was a Woman ของ Merlin Stone มาอ่านให้ได้ เพราะนี่คือหนึ่งในหนังสือประวัติศาสตร์ที่ยอดเยี่ยม

นักเขียนใช้เวลาถึงสิบปีในการค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับเทพธิดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพศหญิงจากสังคมในยุโรปและตะวันออกกลางเพื่อให้งานชิ้นนี้สมบูรณ์ ในหนังสือเล่มนี้เธอได้อธิบายภาพความเป็นจริงของผู้หญิงในฐานะผู้นำ จนนำไปสู่ภาพสังคมยุคใหม่ของเราที่เติบโตมาในสภาพที่ชายยังคงเป็นใหญ่กว่าหญิง

นอกจากนี้ When God was a Woman ยังเล่าถึงการลบล้างความเป็นหญิงจากการพรรณนาของเทพเจ้าใหญ่ในศาสนาต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเพณียูดายคริสเตียน สโตนได้สะท้อนถึงความเป็นจริงที่ว่า “ผู้หญิง” เองก็เป็นส่วนสำคัญ เธอมุ่งมั่นที่จะสถาปนาบทบาทของผู้หญิงในความเชื่อของเเต่ละศาสนา หนังสือเล่มนี้ตีพิมพ์ในปี 1976 นับว่าเป็น 42 ปีก่อนการเปิดตัว Sweetener ของ Ariana Grande และแม้ว่าจะมีระยะห่างระหว่างสองผลงานนี้ แต่ "God is a woman" ทำหน้าที่เสมือนผู้สืบทอดจิตวิญญาณของเหล่าเทพธิดา

 

Clip

Ariana Grande - no tears left to cry


 

First, We Make the Beast Beautiful โดย Sarah Wilson


ใน Sweetener นักร้องสาวได้เปิดใจถึงการต่อสู้ของเธอกับโรควิตกกังวล โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลพวงจากการโจมตีที่คอนเสิร์ตในแมนเชสเตอร์ของเธอ อารีอานนาได้ถ่ายทอดมันผ่านบทเพลงต่างๆ ในอัลบั้ม รวมไปถึงเพลง No Tears Left to Cry ด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมมาก 

First, We Make the Beast Beautiful: A New Journey Through Anxiety ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหนังสือที่ดีที่สุดที่เกี่ยวข้องกับความวิตกกังวลที่เคยมีมา หนังสือเล่มนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากสุภาษิตจีนที่ว่า “การสั่งสอนสัตว์ใดๆ จะต้องทำมันให้สวยงามก่อนที่จะถูกมันพิชิต” วิลสันเจาะลึกทุกด้านของการใช้ชีวิตบนความวิตกกังวลจากมุมมองของผู้ป่วยโรควิตกกังวล เธอมีเคล็ดลับและกลยุทธ์ในการใช้ชีวิตแม้ว่าจะป่วยเป็นโรคนี้ได้อย่างมีความสุข และเธอยังได้หยิบเคสคนดังต่างๆ ที่ทุกข์ทรมานจากโรควิตกกังวลมาเป็นแรงบันดาลใจด้วย

แล้วถ้าถามว่าทำไมต้องอ่านเล่มนี้ตอนฟังเพลงในอัลบั้ม Sweetener ด้วยล่ะ พี่บอกเลยว่า First, We Make the Beast Beautiful: A New Journey Through Anxiety ตรงกับเพลง No Tears Left to Cry ไม่มีผิด โดยเฉพาะท่อนที่ร้องว่า 
 

“Oh, I just want you to come with me
We on another mentality. Ain’t got no tears left to cry
So I’m pickin’ it up, pickin’ it up. I’m lovin’, I’m livin’, I’m pickin’ it up”

(ฉันแค่อยากให้เธอนั้นมากับฉัน เราอยู่อีกด้านหนึ่งของอารมณ์นะ
ที่ๆ ไม่มีน้ำตาใดๆ หลงเหลือให้ร้องไห้อีก ฉันจะรับมันเอาไว้
และเรียนรู้มัน ฉันจะรักมัน ฉันจะใช้ชีวิตต่อไป ฉันจะเรียนรู้มัน)

 

เหมือนกับการที่เราต้องอยู่กับโรควิตกกังวลนั่นแหละค่ะ มันอาจจะไม่หายในเร็ววัน แต่เราก็ต้องสู้และเรียนรู้ไปกับมัน เป็นหนังสือที่สร้างพลังใจอย่างดีเยี่ยมเลยค่ะ ไม่ว่าเราจะป่วยเป็นโรควิตกกังวลหรือไม่ป่วยก็สามารถอ่านได้ เปิดเพลง No Tear Left To Cry ไปด้วย รับรองว่าเต็มไปด้วยพลังบวก!

 

Clip

Ariana Grande - breathin


 

Turtles All the Way Down โดย John Green


นักร้องสาวอารีอานนา แกรนเดบอกว่าการแต่งเพลงในอัลบั้ม Sweetener เปรียบเสมือนการบำบัดอย่างหนึ่งของเธอ เมื่อพูดถึงแรงบันดาลใจของเพลงที่ติดชาร์จ 1 ใน 10 ของบิลบอร์ดอย่าง “breathin” เธอกล่าวว่า “พวกเราอยู่ในสตูดิโอ เรากำลังเขียน แล้วฉันก็แบบ… ‘อื้อ ฉันหายใจไม่ออก’ แล้วคนพวกนั้นก็บอก ‘งั้นเราจะแต่งเพลงนี้’ ฉันก็เลยแบบ ‘โอเค ฉันยังหายใจไม่ออกนะ แต่เราจะแต่งเพลงนี้กัน’

จอห์น กรีน นักเขียนนิยายแนว YA ชื่อดังก็เองมีประสบการณ์เกี่ยวกับโรควิตกกังวลเหมือนกัน เช่นเดียวกับอารีอานนาและผลงาน Sweetener ของเธอนั่นแหละ งานเขียนชิ้นล่าสุดของกรีนอย่าง Turtles All the Way Down นั้นเกิดจากความต้องการของเขาที่จะใช้การเขียนเป็นอาวุธเพื่อต่อสู้กับโรควิตกกังวล 

จอห์นเคยกล่าวไว้ว่า “ผมไม่สามารถหลบหนีความคิดของผมได้ และผมรู้สึกเหมือนว่ามันกำลังมาจากด้านนอก ออกมาจากนั่นแหละ มันยากนะที่จะเขียนเกี่ยวกับสิ่งอื่น หัวข้อนี้มันเรียกร้องออกมาด้วยตัวเอง”

แน่นอนว่าจอห์นถ่ายทอดมันออกมาผ่านนวนิยาย Turtles All the Way Down เรื่องราวของ Aza เด็กสาววัย 16 ปี ที่มีอาการป่วยเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำและโรควิตกกังวล ซึ่งเธอกับเพื่อนสนิทของเธอต้องเข้าไปพัวพันกับการหายตัวไปของมหาเศรษฐี โดยมีเดิมพันเป็นเงินถึงแสนดอลลาห์เลยทีเดียว

เห็นแบบนี้แล้วเหมือนจะสืบสวนจ๋า แต่เอาเข้าจริงๆ ตรงข้ามเลยเลยค่ะ เพราะประเด็นหลักของหนังสือเรื่องนี้กลับเน้นไปที่การรับมือกับความเจ็บป่วยทางจิตใจของตัวละครต่างหาก เธอต้องจัดการกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์กับคนรอบข้างหรือความรัก เป็นหนังสือที่จะทำให้เราเข้าใจผู้ป่วยโรควิตกกังวลมากขึ้น แต่ไม่ว่ายังไง ต่อให้เหตุการณ์จะหนักหนาแค่ไหน Aza ก็ต้องรับมือกับมันให้ได้ เธอต้อง “มีลมหายใจเพื่อดำเนินชีวิตต่อไป” เช่นเดียวกับเพลง “breathin”

ถ้าหากน้องๆ กำลังมองหาผลงานที่เกี่ยวข้องกับความเจ็บปวดทางจิตใจ ลองหยิบ Turtles All the Way Down มาอ่านระหว่างที่ฟังเพลงของอารีอานนา เเกรนเดสิ ทั้งคู่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ออกมาได้ดีมากๆ

 

Clip

Ariana Grande - successful (Audio)


 

#GIRLBOSS โดย Sophia Amoruso


ในอัลบั้ม Sweetener เพลง "Successful" เป็นหนึ่งในเพลงโปรดของพี่เอง ด้วยตัวเนื้อเพลงที่อารีแต่งเพื่อฉลองให้กับความสำเร็จของผู้หญิง ไม่ใช่แค่ในวงการเพลงเท่านั้น แต่เป็นผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จในทุกๆ วงการเลย ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังใช้ความสำเร็จของเธอเพื่อปลุกพลังในตัวหญิงสาวคนอื่นๆ ผ่านท่อนที่ว่า "and girl you too, you are so young and beautiful and so successful. (และสาวๆ เธอก็เช่นกัน เธออ่อนเยาว์ สวยและประสบความสำเร็จ)" ด้วย

เช่นเดียวกับ #GIRLBOSS หรือชื่อภาษาไทยว่า “เพราะเป็นผู้หญิงไม่แคร์ใคร ฉันถึงได้เป็นนายคน” ผลงานจากผู้ก่อตั้งบริษัทเสื้อผ้าระดับโลก NastyGal อย่าง “ Sophia Amoruso” หนังสือเล่มนี้พูดถึงการเริ่มต้นจากจุดที่ต่ำที่สุดของโซเฟีย ก่อนที่เธอจะขึ้นแท่นเป็น CEO ระดับเเนวหน้าของโลกและติดหนึ่งในบุคคลที่ประสบความสำเร็จก่อนอายุ 30 ปี

เธอสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงด้วยสตอรี่ของเธอที่เริ่มจากการเป็นคนจรจัดและคุ้ยอาหารในถังขยะกินเพื่อประทังชีวิต ผู้ก่อตั้ง NastyGal คนนี้แบ่งปันเรื่องราวที่น่าทึ่งของเธอกับผู้หญิงที่ต้องการทำธุรกิจ (หรือต้องการประสบความสำเร็จในสิ่งที่ทำอยู่) โดยไม่ขอให้ใครมาอุปถัมภ์เธอ ด้วยเคล็ดลับและแรงบันดาลใจดีๆ #GIRLBOSS จึงเป็นสิ่งที่ผู้หญิงที่อยากประสบความสำเร็จทุกคนต้องอ่าน เปิดเพลง Successful ไป อ่าน #GIRLBOSS ไป รับรองมีแรงฮึกเหิมและอยากทำความฝันให้สำเร็จแน่นอน

 

Clip

Ariana Grande - get well soon (Audio)


 

This is the Place โดย Tony Walsh


หลังจากเกิดเหตุระเบิดกลางคอนเสิร์ตของอารีอานนา เเกรนเดในปี 2017 ที่แมนเชสเตอร์ มีผู้เสียชีวิตราวๆ 19 คน ยังไม่รวมถึงผู้ได้รับบาดเจ็บอีกไม่ต่ำกว่า 50 คน นักร้องสาวได้ทุ่มเทอย่างหนักเพื่อช่วยให้ผู้คนในเหตุการณ์นั้นและชาวแมนเชสเตอร์ฟื้นฟูสภาพจิตใจ เพียงสองสัปดาห์หลังเกิดเหตุระเบิด เธอได้จัดคอนเสิร์ตการกุศลอย่าง One Love Manchester รวมทั้งไปเยี่ยมบรรดาผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล 

ยิ่งไปกว่านั้นเพลงสุดท้ายของอัลบั้มนี้อย่าง “get well soon” เองก็ถูกแต่งขึ้นเพื่อระลึกถึงเหยื่อในเตุการณ์ระเบิดด้วย อารีอานนาถ่ายทอดประสบการณ์และความรู้สึกของเธอผ่านเพลงนี้ ด้วยระยะเวลา 5.22 นาทีของเพลง Get Well Soon แทนวันที่คอนเสิร์ตของเธอถูกโจมตี นั่นคือวันที่ 22 พฤษภาคม (วันที่ 22 เดือน 5) และมีช่วงเงียบยาว 40 วินาทีในตอนท้ายเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้คนที่เสียชีวิตในการโจมตี 

ดังนั้นการฟังเพลง Get Well Soon จึงเปรียบเหมือนกับการช่วยให้เราระลึกถึงเหตุการณ์นี้ รวมทั้งไว้อาลัยแด่ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของการทิ้งระเบิดแมนเชสเตอร์ นอกจากนี้ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยให้เราจดจำพวกเขาได้ นั่นคือการอ่านบทกวีแห่งความทรงจำของ Tony Walsh ที่ชื่อว่า "This is the Place" ซึ่งเขาได้ถ่ายทอดประสบการณ์อันเจ็บปวดของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อระเบิดที่แมนเชสเตอร์ฮอลล์ บทกวีนี้ถูกเปิดตัวออกมาในรูปแบบของหนังสือ ในนั้นมีบทกลอนและภาพวาดของศิลปิน Mancunian ถึงเเม้ว่าหนังสือเล่มนี้จะไม่มีจำหน่ายแล้ว แต่ก็สามารถอ่านมันได้ที่นี่ จิ้ม

 

Clip

Ariana Grande - thank u, next (lyric video)


 

Me Before You โดย Jojo Moyes


หลังจากที่อารีอานนาเลิกกับคู่หมั้นหนุ่ม Pete Davidson ชนิดสายฟ้าแลบได้ไม่นาน เธอก็ปล่อยซิงเกิลใหม่อย่าง “thank u, next” ที่แม้จะไม่ได้อยู่ในอัลบั้ม Sweetener แต่ก็ขึ้นแท่นฮอตฮิตอย่างรวดเร็วด้วยเนื้อเพลงที่แสดงความซาบซึ้งถึงบรรดาแฟนเก่าทั้งหลาย พวกเขาสอนให้เธอแข็งแกร่งขึ้น เล่นเอาคนที่เลิกกับแฟนรู้สึกปล่อยวาง เลิกโกรธแฟนเก่าไปตามๆ กัน

อย่างไรก็ตามสำหรับเพลงนี้ พี่น้ำผึ้งมองว่าไม่มีหนังสือเล่มไหนจะเหมาะเท่ากับ Me Before You นวนิยายรักเรียกน้ำตาจากปลายปากกาของ Jojo Moyes ที่ถูกหยิบไปสร้างเป็นภาพยนตร์อีกแล้ว! เเม้ว่าลูอิซา นางเอกของเรื่องจะเป็นเพียงแค่ผู้ดูแลของวิลล์ (ที่เธอดันแอบมีใจให้) แต่วิลล์ก็ได้สอนให้เธอรู้จักการใช้ชีวิต การเห็นคุณค่าในตัวเอง และที่สำคัญคือ...เขาสอนให้เธอเเข็งแกร่งขึ้นในยามที่เธอจะไม่มีเขาอยู่เคียงข้างกาย ดังนั้นในตอนท้ายของเรื่องนี้ลูอิซ่าจึงสามารถมองเห็นคุณค่าในตัวเองและกล้าใช้ชีวิตในแบบที่เธออยากเป็น นั่นรวมไปถึงการรับมือกับความเจ็บปวดที่ทำให้เธอแข็งแกร่งขึ้น ตรงกับเนื้อเพลงของสาวอารี่ที่ว่า
 

“ ‘Cause her name is Ari, and I’m so good with that:
She taught me love. She taught me patience. And she handles pain.
That shit’s amazing. I’ve loved and I’ve lost"

(เพราะชื่อของเธอคืออารี่ และฉันก็รู้สึกดีมากๆ นะ เธอสอนความรัก เธอสอนความอดทน
เธอรับมือกับความเจ็บปวดได้  เรื่องบ้าๆ พวกนั้นมันสุดยอดมาก ฉันได้รักและได้สูญเสีย)”

 

ไม่ต่างอะไรกับลูอิซ่าที่แบกรับความเจ็บปวด แต่ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้เธอรู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สตรองมากแค่ไหน เธอสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้โดยไม่มีวิลล์ ทุกอย่างเป็นบทเรียนสุดวิเศษที่สอนเธอ และเธอก็พร้อมรับบทเรียนถัดไปเฉกเช่นอารีอานนาแล้ว! ถ้าพี่เป็นลูอิซ่า พี่ก็คงอยากจะขอบคุณวิลล์ที่ผ่านเข้ามาชีวิตเพื่อช่วยให้เธอเติบโตขึ้น เหมือนอย่างที่อารี่ขอบคุณแฟนเก่าทุกคนของเธอ

หากอยากเป็นสาวสตรองที่พร้อมจะรับมือกับความเจ็บปวดทุกรูปแบบที่เข้ามาในชีวิต และใช้ชีวิตต่อไปอย่างเข้มแข็ง ขอแนะนำให้อ่าน Me Before You พร้อมเปิดเพลง thank u, next คลอเบาๆ รับรองว่าเราจะรู้สึกขอบคุณกับทุกสิ่งทุกอย่าง (โดยเฉพาะแฟนเก่า) เลยทีเดียว

 


อารีอานนา เเกรนเดในเพลง breathin
(via: breathin mv)

 

อารีอานนา เเกรนเดสามารถเปลี่ยนความเศร้าโศกและประสบการณ์อันเจ็บปวดเป็นเสียงเพลงเพื่อเยียวยาจิตใจเธอ และมันช่วยเธอได้มาก ไม่เพียงแค่นั้น ผลงานของเธออีกหลายเพลงยังช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้หญิงและสอนให้บรรดาสาวๆ เห็นคุณค่าในตัวเอง นับว่าเป็นศิลปินที่น่าชื่นชมมาก เช่นเดียวกับนักเขียนหลายคนที่เปลี่ยนประสบการณ์อันเจ็บปวด เช่น จอห์น กรีน หรือเจ.เค. โรว์ลิ่ง ให้กลายเป็นเรื่องราวโลดแล่นบนแผ่นกระดาษ ถ้าน้องๆ นักเขียนคนไหนอยากเยียวยาหัวใจ คำแนะนำที่ดีที่สุดคือเริ่มต้นเขียนนิยายเหมือนอย่างที่จอห์น กรีนเขียนหนังสือ และอารีอานนา เเกรนเดแต่งเพลง รับรองว่าจะช่วยให้เรารู้สึกดีขึ้นมาก

สำหรับหนังสือที่พี่หยิบยกมาฝากนั้นมีเนื้อหาที่ใกล้เคียงกับบทเพลงของเธอ หากว่าน้องชื่นชอบนักร้องสาวคนนี้ อย่าลังเลที่จะไปหามาอ่านค่ะ เปิดเพลงเธอฟังเบาๆ พร้อมกับอ่านหนังสือที่พี่แนะนำ การันตีเลยว่าจะทำให้วันของน้องวิเศษสุดๆ

ก่อนจากกันวันนี้ ไหนๆ ก็เป็นปีของเธอแล้ว น้องๆ ชื่นชอบเพลงไหนของอารี่
อย่าลืมเล่าให้พี่ฟังด้วยนะคะ

พี่น้ำผึ้ง :)

 

ขอบคุณรูปภาพและข้อมูลจาก amazon.com
 

Deep Sound แสดงความรู้สึก

พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Columnist นักเขียนที่ชอบส่งต่อพลังบวกให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด