7 ภาษาน่าสนใจจากโลกวรรณกรรมที่ต้องเรียน!


 

7 ภาษาน่าสนใจจากโลกวรรณกรรมที่ต้องเรียน!

สวัสดีค่ะชาวเด็กดีทุกคน หลายภาษาที่ถูกสร้างขึ้นในวงการวรรณกรรมและภาพยนตร์อาจฟังดูงั้นๆ ไม่น่ามีอะไรเป็นจริงเป็นจัง มันก็แค่คำพูดเฉยๆ แต่ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ใครจะรู้ว่าความจริงแล้วมีบางภาษาที่ได้รับการพัฒนาอย่างจริงจัง ราวกับว่าเป็นสิ่งที่คนบนโลกนี้พูดกัน ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีบางภาษาที่มีนักภาษาศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญ หรือแม้กระทั่งศาสตราจารย์ร่วมกันพัฒนาด้วย!

ถ้าหากการเรียนภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศสหรือเกาหลีเป็นเรื่องน่าเบื่อสำหรับเรา ทำไมไม่ลองเลื่อนขั้น ขยับเลเวลมาเรียนภาษาจากวรรณกรรมสิ คูลไปอีก   หากน้องๆ กำลังมองหาภาษาที่น่าสนใจในโลกวรรณกรรมอยู่ละก็  ลงล็อกเลยค่ะ เพราะวันนี้พี่น้ำผึ้งรวบรวมมาฝากทุกคนแล้ว เตรียมกระดาษไว้แล้วจดลิสต์ภาษาต้องเรียนเลยค่า

 


ภาษาเอเลี่ยน
(via: Futurama Wiki)

 

Alienese จาก Futurama

Alienese หรือภาษาเอเลี่ยนจาก “Futurama ป่วนฮาโลกอนาคต” ภาพยนตร์การ์ตูนซิทคอมแนววิทยาศาสตร์จากอเมริกาจัดว่าเป็นภาษาที่ง่ายที่สุดที่ควรจดอยู่ในลิสต์ต้องเรียน… ถ้าเราอยากเป็นนักคณิตศาสตร์อ่ะนะ 

ภาษานี้เก๋ไก๋มากค่ะ มีวัตถุประสงค์ไว้เพื่อใช้เล่าเรื่องตลกที่ซ่อนอยู่ในการ์ตูน เริ่มต้นจากตัวอักษรทดแทนที่เหมือนกับภาษาอังกฤษทั้งหมด 26 ตัว ครั้นจะใช้ภาษาอังกฤษก็ดูง่ายไป ไม่คูล ภาษานี้จึงใช้คณิตศาสตร์แทนตัวอักษรภาษาอังกฤษซะเลย โดยสัญลักษณ์แต่ละตัวมีค่าตัวเลขและข้อความที่จะถูกถอดรหัสเป็นภาษาอังกฤษดังนี้
 


ภาษาเอเลี่ยน
(via: Futurama Wiki)


 

หนึ่ง แปลสัญลักษณ์แรกแบบตรงๆ (0=A, 1=B เป็นต้น) สำหรับตัวอักษรที่เหลือให้ลบค่าของสัญลักษณ์ก่อนหน้า   ฟังแล้วอาจดูงง เอาเป็นว่า ลองดูตัวอย่างง่ายๆ ละกัน เช่น  ถ้าต้องการเขียนคำว่า “Fry” เราต้องกำหนดตัวอักษรแต่ละตัวของตัวเลขให้มีค่าน้อยกว่าตำแหน่งในตัวอักษร นั่นคือ A=0, 1=B ไปจนถึง Z=25 ก่อน จากนั้นมาดูกันเลย
 

  • F มีค่าเท่ากับ 5 และ R มีค่าเท่ากับ 17
  • รวมผลลัพธ์ F และ R จะได้ 5 + 17 = 22 ซึ่งตรงกับตัว W 
  • รวม W กับ Y เข้าด้วยกัน (เพราะเราขาดตัว Y ไป) จะเป็น 22 + 24 = 46
  • เนื่องจากมีตัวอักษรแค่ 26 ตัว เพื่อให้ได้ตัวอักษรที่ต้องการ เราต้องลบมันออกไป
    จึงกลายเป็น 46 - 26 = 20 ซึ่งมีค่าตรงกับตัวอักษร U
  • ดังนั้น Fry จึงกลายเป็น Fwu ในภาษาเอเลี่ยน
     

โอ้...อย่าขมวดคิ้วไปค่ะน้องๆ มันไม่ได้ปวดหัวขนาดนั้นหรอก แค่กว่าจะถอดรหัสได้ก็ถึงกับซับเหงื่อไปแล้วหลายหยด ถึงอย่างนั้น ก็เป็นอีกหนึ่งภาษาที่คนชอบเลขต้องลอง!

 


มินเนี่ยนส์!
(via: Zimbio)

 

Minionese จาก Minions

ไม่พูดถึงภาษานี้คงไม่ได้ ก็แหม ภาษามินเนี่ยส์หรือภาษากล้วย (Banana Language) ฟังดูเป็นภาษาที่น่ารักสุดๆ แต่ก็ชวนให้ขมวดคิ้วสุดๆ ด้วยเช่นกัน ฟังทีไรเป็นต้องตั้งคำถามว่า “ฮะ นี่พูดอะไรนะ?” เลยทีเดียว คนส่วนใหญ่มักพูดว่าภาษามินเนี่ยส์เป็นภาษาไร้สาระ ฟังไม่รู้เรื่อง ไม่เห็นเหมือนภาษาเลย ดูแล้วเหมือนเป็นวลีเปิ่นๆ ออกแบบมาเพื่อให้ฟังดูตลกมากกว่า

ถ้าถามเรื่องความง่ายของภาษานี้ พี่น้ำผึ้งบอกได้อย่างเดียวเลยว่าง่ายมากกกกก ยิ่งกว่าปลอกกล้วยเข้าปากอีกจ้า   เจ้าภาษานี้เนี่ยหยิบยืมคำจากภาษาต่างประเทศมามากมาย ตั้งแต่อังกฤษ ฝรั่งเศส สเปน ญี่ปุ่น เกาหลี อินเดีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซียและอื่นๆ ซึ่งก็คาดหวังว่าจะมีภาษาไทยหลุดมาบ้างอะไรบ้าง โดยคำเหล่านี้รวมอยู่ในวิธีที่มินเนี่ยส์พูด เนื่องจากมินเนี่ยส์ไม่ใช่ภาษาใหม่ แต่เป็นคำและวลีที่มาจากหลากหลายภาษาทั่วโลก ผู้คนจึงคุ้นเคยมันเป็นอย่างดี ยกตัวอย่างเช่น 
 

  • Gelato แปลว่า ไอศกรีม (มาจากภาษาอิตาลี)
  • Hana, dul, sae แปลว่า 1, 2 และ 3 (มาจากภาษาเกาหลี)
  • Pwede na แปลว่า เราจะเริ่มต้นได้ยัง? (มาจากภาษาฟิลิปปินส์) 
  • Terima Kasih แปลว่า ขอบคุณ (มาจากภาษาอินโดนีเซีย)
     

หรือแม้แต่วลีที่ฟังแล้วอมยิ้ม เช่น Me want banana ที่หมายความว่าฉันหิวแล้ว หรือ Luk at tu ที่หมายความว่ามองมาที่ฉันสิ! แน่นอน แม้แต่ประโยคที่ว่าเรารักเธอนะ ยังใช้ Tulaliloo ti amo เลยจ้ะ ง่ายแบบนี้ไม่ต้องปวดหัวแล้ว มาเป็นมินเนี่ยนส์กันเถอะ

 


เป็นกระต่ายดีกว่า
(via: awardscircuit.com)

 

Lapine จาก Watership Down

เชื่อว่าน้องๆ หลายคนต้องเคยได้ยินเรื่องราวการผจญภัยเพื่อออกค้นหาดินแดนอันเสรีของเหล่ากระต่ายกลุ่มหนึ่งในวรรณกรรมเยาวชนแนวแฟนตาซีวีรบุรุษชื่อดัง “ยุทธการทุ่งวอเตอร์ชิป (Watership Down)” ผลงานสุดโด่งดังของริชาร์ด อดัมแน่นอน แน่นอนว่าในหนังสือเล่มนี้ไม่ได้เป็นแค่เรื่องกระต่ายเท่านั้น แต่ยังมีภาษาเป็นของตัวเองด้วย เราเรียกภาษาที่เจ้ากระต่ายพูดว่า Lapine ซึ่งหากดูในการ์ตูนจะพบว่ามันฟังดูนุ่มละมุนไปอีก! แม้ว่าในหนังสือจะปรากฎภาษา Lapine แค่เพียงนิดหน่อย แต่แฟนๆ ก็พากันพัฒนาภาษานี้ต่อจนกลายเป็นว่ามีแกรมม่าและคำศัพท์ บอกเลยว่าจริงจังไปอีก 

ตัวอย่างคำศัพท์

  • narn แปลว่า เยี่ยม อร่อย
  • Frithrah แปลว่า โอ้พระเจ้า
     

ตัวอย่างประโยค

  • m'saion แปลว่า เราพบเขาแล้ว!
  • Os e layth Frithyeer hyaones, on layth zayn yayn dahloil. แปลว่า ถ้าวันนี้มีแดด เราจะไปหาดอกแดนดิไลอันกัน

     


(via: Animation Boss)

 

Na’vi จาก Avatar

พี่น้ำผึ้งยิ่งกว่ามั่นใจเลยว่าน้องๆ หลายคนรู้จักภาพยนตร์มหากาพย์ Avatar ผลงานชื่อดังจากผู้กำกับเจมส์ คาเมรอนที่ออกฉายในปี 2009 แน่นอน  เนื่องจากเขาต้องการให้เผ่าพันธุ์มนุษย์ต่างดาว Na’vi ออกมาสมบูรณ์แบบ คาเมนรอนจึงพัฒนาทุกอย่างรวมถึงภาษาด้วย! ผู้กำกับหนุ่มคนนี้ถึงขั้นขอคำปรึกษาจากนักภาษาศาสตร์ พอล ฟรอมเมอร์ เพื่อให้ช่วยเรื่องคำศัพท์และแกรมม่าเลยทีเดียว โดยฟรอมเมอร์อ้างอิงจากคำประมาณ 30 คำที่ผู้กำกับเจมส์ คาเมรอนสร้างขึ้น รวมถึงความคิดและคอนเซปท์ของคาเมรอนว่าเมื่อพูดแล้วควรฟังดูเป็นอย่างไร

ฟรอมเมอร์ใช้เวลาทั้งหมดหกเดือนในการสร้างคำศัพท์ที่เราได้ยินในภาพยนตร์ ตั้งแต่เปิดตัวภาพยนตร์เรื่องนี้ ฟรอมเมอร์ก็ได้โพสต์คำศัพท์และไวยากรณ์ลงในบล็อกที่ชื่อว่า “Na’viteri” เพื่อให้แฟนๆ สามารถเข้าไปเรียนรู้ได้ โดยเขาจะปล่อยวลีหรือศัพท์ใหม่ๆ อยู่เสมอ อัปเดตล่าสุดตอนนี้คือพฤศจิกายน 2018 จ้ะ 

ตัวอย่างคำศัพท์ 

  • Atokirina แปลว่า เมล็ดพันธุ์
  • Tawtute แปลว่า Human
     

ตัวอย่างประโยค

  • Fayvrrtep fìtsenge lu kxanì. Fìpoti oel tspìyang, fte tìkenong liyevu aylaru.
    แปลว่า พวกปีศาจซ่อนตัวอยู่ ฉันจะฆ่ามันเพื่อเป็นบทเรียนแก่ตัวอื่นๆ


     


(via: Grantland)
 

Dothraki จาก Game of Thrones 

นาทีนี้จะไม่มีอะไรร้อนแรงเท่า Game of Thrones ผลงานของจอร์จ อาร์.อาร์. มาร์ตินอีกแล้ว แน่นอนว่าภาษา Dothraki ที่เห็นตลอดทั้งซีรี่ส์ GOT นั้นเริ่มต้นขึ้นในภาคแรกอย่าง A Song of Ice and Fire สำหรับภาษานี้ถูกพัฒนาจนสมบูรณ์แบบโดยนักภาษาศาสตร์ เดวิด เจ. ปีเตอร์สัน ผู้ที่สร้างภาษาวาไลเรียน (Valyrian) ของ GOT รวมถึงภาษาในซีรี่ส์ Defiance และ Thor: The Dark World อีกด้วย

ปีเตอร์สันอธิบายว่า ภาษาของนักรบเร่ร่อนนี้นำเสียงอาหรับและสเปนมารวมกัน ทำให้นักแสดงพูดได้ไม่ยาก   หากว่าเราต้องการพูดภาษานี้ได้ ลองไปดูได้ที่เว็บไซต์ Dothraki.org ดูสิ ในเว็บได้รวบรวมคำศัพท์ที่เป็นประโยชน์ไว้แล้วจ้า เพียงแค่นี้ก็ได้เรียนรู้ภาษานี้ เตรียมพร้อมรับศึก GOT ซีซั่นล่าสุด!! 

ตัวอย่างคำศัพท์

  • Khaleesi แปลว่า ราชินี (คำนี้กลายเป็นปรากฎการณ์มาก เพราะว่าถูกนำมาตั้งเป็นชื่อเด็กผู้หญิงเพียบ)

ตัวอย่างประโยค

  • Hash yer dothrae chek asshekh? แปลว่า สบายดีมั้ย? 


 


(via: wired)
 

Klingon จาก Star Trek

ไม่มีภาษาอะไรจะโด่งดังเท่ากับภาษา Klingon จาก Star Trek อีกแล้ว! ภาษามนุษย์ต่างดาวของเผ่าพันธุ์นักรบคลิงกอนที่คุยกันผ่านลำคอล้วนๆ ภาษานี้ได้รับความนิยมมากเป็นพิเศษ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะเจ้าภาษานี้มีพจนานุกรม The Klingon เป็นของตัวเอง ซึ่งได้ตีพิมพ์ในปี 1985 สร้างโดยมาร์ค โอ๊ครันด์ ผู้พัฒนาภาษาวัลแคนเป็นหลัก

นอกจากนี้โอ๊ครันด์ยังออกหนังสือหลายเล่มเกี่ยวกับภาษา Klingon ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างไวยากรณ์หรือคำศัพท์ ไม่เพียงแค่นั้น เขายังอุทิศตัวให้กับวารสารไตรมาส Klingon Language Institute วารสารที่เต็มไปด้วยภาษา Klingon โดยเฉพาะด้วยค่ะ พีคยิ่งกว่าคือ เหล่าแฟนๆ ใช้ภาษานี้ในพิธีแต่งงานและแต่งเพลง รวมทั้งยังมีแปลแฮมเล็ตของเชคสเปียร์ให้กลายเป็นภาษาคลิงออนด้วย เลิศหรูไปอีก   ไม่เรียนไม่ได้แล้ว
 

ตัวอย่างประโยค

  • nuqDaq ’oH puchpa’’e’ แปลว่า ห้องน้ำอยู่ไหน?
  • Jlyajbe' แปลว่า ฉันไม่เข้าใจ
  • 'arlogh Qoylu'pu'? แปลว่า กี่โมงแล้ว?


 


(via: bookbum)
 

Elvish จากงานเขียนของ J.R.R. Tolkien

หากใครยังไม่เคยรู้มาก่อน เจ.อาร์.อาร์ โทลคีนผู้เขียน The Hobbit และ The Lord of the Rings เป็นนักภาษาศาสตร์ด้วย แรกเริ่มก่อนสร้างมิดเดิ้ลเอิร์ธ เขาได้สร้างภาษาเอลฟ์ขึ้นมาเป็นอย่างแรก แล้วก็นั่นแหละ มันเเป็นภาษาจริงๆ นะ แถมยังแบ่งแยกย่อยออกเป็นเควนยาและซินดาริน เหมือนกับภาษาไทยที่มีไทยภาคกลาง ไทยภาคเหนือ เป็นต้น 

เควนยาเป็นภาษาที่พูดโดยเอลฟ์ชั้นสูง เผ่าพันธุ์แรกๆ ที่ถือกำเนิดบนโลก ส่วนซินดารินเป็นภาษาที่เอลฟ์ตระกูลเทเลรีใช้พูดกัน หากพูดกันตามตรงเควนยาเป็นภาษาที่ได้รับอิทธิพลมาจากภาษาฟินนิช (ฟินเเลนด์) กรีกและละติน ขณะที่ซินดารินได้รับอิทธิพลมาจากภาษาเวลซ์มากกว่าฟินนิช จากที่เราได้ยินในภาพยนตร์ ภาษาเอลฟ์นั้นฟังดูไพเราะ ระรื่นหู ขณะเดียวกันมันก็สามารถเป็นเสียงที่ฟังดูข่มขู่ได้เช่นเดียวกับภาษาอื่นนั่นแหละค่ะ คิดว่าเราคงไม่อยากเห็นเอลฟ์โกรธหรอกเนอะ 

ถึงอย่างนั้น เมื่อพูดถึงภาษาโกรธใน LOTR โทลคีนเองก็ได้สร้างไว้ด้วย   เขาเรียกมันว่าภาษามืด แต่ไม่ได้ฟูลออปชั่น ไวยากรณ์ครบครันหรือเพียบพร้อมไปด้วยศัพท์เหมือนกับภาษาเอลฟ์หรอกนะ   ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะมันดูค่อนข้างดาร์ค ภาษาออร์คจึงปรากฎแค่บางส่วนเท่านั้น

ตัวอย่างคำศัพท์

  • Alda แปลว่า ต้นไม้ (เควนยา)
  • Amandil แปลว่า นักบวช (ซินดาริน)
  • Dae แปลว่า เงา
     

ตัวอย่างประโยค

  • Saesa omentien lle แปลว่า ดีใจที่ได้พบคุณ
  • lle homa ve' edan แปลว่า คุณกลิ่นเหมือนมนุษย์
  • Elen síla lumenn’ omentielvo แปลว่า ดวงดาวฉายแสงโดดเด่นตอนที่เราประชุม


 

เป็นอย่างไรบ้างคะกับภาษาในโลกวรรณกรรมที่พี่น้ำผึ้งนำมาฝากในวันนี้ จริงๆ พี่ว่ามันดีมากเลยนะที่นักเขียนสร้างภาษาเป็นของตัวเอง มันทำให้เปิดโลกจินตนาการของผู้อ่าน แถมยังทำให้โลกสมมติของตัวเองดูสมจริงขึ้นมากๆ ด้วย อินไปอีกเลยจ้ะ หากน้องๆ นักเขียนสายแฟนตาซีคนไหนสร้างโลกเป็นของตัวเอง อย่าลืมสร้างภาษาด้วยนะคะ พี่น้ำผึ้งเชื่อว่ามันจะทำให้นิยายของเราน่าสนใจมากยิ่งขึ้นค่ะ ดีไม่ดีดังและปังโดยไม่รู้ตัวนะจ๊ะ

พี่น้ำผึ้ง :)

 

ขอบคุณข้อมูลจาก 
http://dictionary.sensagent.com/Lapine%20language/en-en/
http://www.minionsallday.com/minionese-language-of-the-minions/

https://www.techtimes.com/articles/64439/20150629/want-learn-minion-language-heres-list-words-english-translation.htm
http://naviteri.org/
https://theinfosphere.org/Alien_languages
https://en.wikipedia.org/wiki/Klingon
https://wiki.learnnavi.org/index.php/Vocabulary
http://www.elvish.org/
https://en.wikipedia.org/wiki/Elvish_languages
https://lotr.fandom.com/wiki/Elvish_Word_List
https://en.wikipedia.org/wiki/Klingon_language

Deep Sound แสดงความรู้สึก

พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Columnist นักเขียนที่ชอบส่งต่อพลังบวกให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

creat1st Member 16 พ.ค. 62 12:18 น. 2

ผมเคยลองประดิษฐ์ตัวอักษรไว้เขียนนิยายกันไม่ให้คนอื่นมาอ่านแล้วรู้เรื่อง แต่แพ้ภาษาอังกฤษเพราะภาษาอังกฤษสามารถเขียนไหลลื่นติดกันได้


เนื่องจากชีวิตมีแต่อุปสรรคไม่มีเวลาพัฒนาตัวเองสักที ถ้าว่างจะประดิษฐ์ตัวอักษรโดยดูข้อดีข้อเสียของแต่ล่ะภาษา


ข้อดีภาษาไทยคือมีความละเอียดเข้าใจความหมายได้ดี แต่ข้อเสียจะเป็นประโยคยาวเมื่อเทียบภาษาอังกฤษ ฟุ่มเฟื่อยการใช้คำมากเกินความจำเป็น

0
กำลังโหลด

3 ความคิดเห็น

TitLExx Member 15 พ.ค. 62 23:43 น. 1

ตอนเด็ก ๆ ช่วงอายุ 12-13 เคยลองสร้างภาษาใหม่ขึ้นมา เอาภาษาตระกูลสลาฟมาผสมเฟลมิช กับอัลบาเนีย แล้วตัวหนังสือก็เป็นอักษรโรมัน แต่ที่เราคิดมันจะเป็นอักษรที่เขียนแบบ calligraphy ที่บ้าไปกว่านั้นเราเป็นคนที่เสพติดเพลง Let It Go เอลซ่ามาก ๆ เลยแต่งเพลงนี้เป็นภาษาตัวเองซะเลย 555 แต่ไม่ได้เขียนลงในกระดาษนะ แต่พิมพ์ลงในโทรศัพท์แทน เพราะเขียนตัวหนังสือสวย ๆ แบบที่เราคิดไม่ได้ ท้อใจเลยเลิกฝึกเขียนมันซะ ฮ่า ๆ ทำได้ 3 วันเลิกละhttps://www0.dek-d.com/assets/article/images/sticker/jj-big-10.png

0
กำลังโหลด
creat1st Member 16 พ.ค. 62 12:18 น. 2

ผมเคยลองประดิษฐ์ตัวอักษรไว้เขียนนิยายกันไม่ให้คนอื่นมาอ่านแล้วรู้เรื่อง แต่แพ้ภาษาอังกฤษเพราะภาษาอังกฤษสามารถเขียนไหลลื่นติดกันได้


เนื่องจากชีวิตมีแต่อุปสรรคไม่มีเวลาพัฒนาตัวเองสักที ถ้าว่างจะประดิษฐ์ตัวอักษรโดยดูข้อดีข้อเสียของแต่ล่ะภาษา


ข้อดีภาษาไทยคือมีความละเอียดเข้าใจความหมายได้ดี แต่ข้อเสียจะเป็นประโยคยาวเมื่อเทียบภาษาอังกฤษ ฟุ่มเฟื่อยการใช้คำมากเกินความจำเป็น

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด