รู้หรือไม่!?
ทุกอย่างในกาเวนกับอัศวินสีเขียวเป็นเพียงแค่ "เกม" 

สวัสดีน้องๆ ชาวเด็กดีทุกคนค่ะ ใครที่ชอบอ่านนิทานปรัมปราเกี่ยวกับกษัตริย์อาเธอร์ และเหล่าอัศวินโต๊ะกลม น่าจะเคยได้ยินเรื่องราวของ "เซอร์กาเวนกับอัศวินสีเขียว" ที่ตัดหัวแล้วไม่ตายกันมาบ้างพอสมควร พี่แนนนี่เพนได้มีโอกาสอ่านเรื่องของกาเวนอีกครั้ง และมองเห็นประเด็นน่าสนใจ ที่ตอนยังเด็กพี่ไม่ได้นึกถึงมาก่อน.. เรารู้ว่าเซอร์กาเวนเป็นหลานของกษัตริย์อาเธอร์ และเป็นหนึ่งในอัศวินโต๊ะกลม ที่อาสาเป็นตัวแทนตัดหัวอัศวินสีเขียวที่เข้ามาท้าให้ตัดหัวของตัวเอง และจะยกขวานให้เป็นของรางวัล แต่หากตัดหัวแล้วเขาไม่ตาย เมื่อฤดูหนาวครั้งหน้ามาถึง ต้องยอมให้เขาตัดหัวคืนเช่นกัน และเซอร์กาเวนผู้มีคุณธรรมก็ออกเดินทางไปให้อัศวินสีเขียวตัดหัว.. จากเรื่องราวฉบับย่อนี้ พี่แนนนี่เพนเจอสัญลักษณ์บางอย่างที่น่าสนใจมากๆ และอยากให้น้องๆ ได้รู้จักตำนานเรื่องนี้ให้มากขึ้น ส่วนจะเป็นเรื่องอะไรบ้างนั้น มาตามดูกันเลยค่ะ 

เกมของผู้กล้ากับการตัดหัวเพื่อพิสูจน์เกียรติยศ 

เรื่องกาเวนกับอัศวินสีเขียว (Sir Gawain and the Green Knight) เกิดขึ้นในช่วงงานเลี้ยงฉลองวันคริสต์มาส กษัตริย์อาเธอร์และเหล่าอัศวินร่วมฉลองวันแห่งความสุขด้วยกัน แต่อยู่ๆ ก็มีอัศวินสีเขียวถือขวานและกิ่งฮอลลี่ เข้ามาร่วมงานแบบไม่ได้รับเชิญ พร้อมประกาศกร้าวท้าเหล่าอัศวินโต๊ะกลมเล่นเกมตัดหัวและแลกเปลี่ยนของรางวัลกัน (The beheading game and the exchange of winnings) อัศวินสีเขียวท้าให้อัศวินตัดคอเขาให้ขาด แต่หากตัดแล้วไม่ตาย ฤดูหนาวครั้งถัดไปอัศวินสีเขียวขอตัดหัวคืน และก็เป็นเซอร์กาเวนที่อาสารับคำท้า เขาตรงเข้าไปตัดคอของอัศวินสีเขียวอย่างไม่ลังเล แต่ท้ายที่สุดอัศวินสีเขียวก็ไม่ตาย เขาเก็บหัวกลับมาและนัดหมายกับกาเวนให้เจอกันอีกครั้งในฤดูหนาวครั้งถัดไป 

เมื่อฤดูหนาวมาถึง กาเวนสวมชุดเกราะพร้อมโล่ดาวห้าแฉกออกเดินทางไปยังจุดนัดพบที่วิหารสีเขียว (Green Chapel) แต่ระหว่างทางก่อนถึงวิหาร เขาเจอปราสาทในป่าราวกับต้องมนต์เสน่ห์ และได้รับการต้อนรับจากลอร์ดและเลดี้เบอร์ติแลก (Bertilak) ลอร์ดเบอร์ติแลกชวนกาเวนเล่นเกมแลกเปลี่ยนสิ่งของกัน โดยลอร์ดจะออกไปล่ากวาง หมูป่า และสุนัขจิ้งจอก ข้านอกปราสาท ส่วนกาเวนต้องหาของในปราสาทเพื่อมาแลกเปลี่ยนกัน ในวันถัดมาหลังจากท่านลอร์ดออกไปล่าสัตว์ กาเวนถูกเลดี้เบอร์ติแลกเข้ามายั่วยวนคุกคามถึงบนเตียง และได้รับจูบจากเธอ เมื่อท่านลอร์ดกลับมาเขามอบสัตว์ที่ล่ามาได้ให้กาเวน ส่วนกาเวนจูบท่านลอร์ดเป็นการแลกเปลี่ยนตามเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ และเป็นกาเวนที่ต้องมอบจูบให้ท่านลอร์ดในครั้งถัดมาอยู่เรื่อยๆ เมื่อถึงเวลาต้องไปยังจุดนัดพบ เลดี้เบอร์ติแลกมอบผ้าคาดเอว หรือเข็มขัดสีเขียวให้กาเวน และอ้างว่าจะทำให้ผู้สวมใส่อยู่ยงคงกระพัน กาเวนลังเลที่จะรับ แต่ในท้ายที่สุดเขาก็รับมันมาคาดเอวไว้ และมุ่งตรงไปยังวิหารสีเขียวที่มีอัศวินสีเขียวรออยู่ 

เมื่อมาถึงวิหารสีเขียว กาเวนพบอัศวินสีเขียวซึ่งก็คือลอร์ดเบอร์ติแลกนั่นเอง กาเวนคุกเข่าลงเพื่อให้อัศวินสีเขียวตัดคอตัวเองตามข้อตกลง แต่อัศวินสีเขียวฟันลงมาบนคอของกาเวน แต่ไม่ได้ลึกมากจนทำให้ตายได้ พร้อมอธิบายว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นเพียงการทดสอบอัศวินเท่านั้น กาเวนถือเป็นคนซื่อสัตย์ และมีคุณธรรม ไม่แตะต้องสาวงามของเขา แต่ถึงอย่างนั้นในท้ายที่สุด กาเวนก็ยังรับของจากเลดี้มาสวมใส่ แสดงให้เห็นว่ากาเวนยังมีความขลาดกลัวอยู่ เมื่อกาเวนกลับไปหาอาเธอร์และบอกทุกคนว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง กาเวนตัดสินใจสวมเข็มขัดสีเขียวเพื่อเป็นสัญลักษณ์ความล้มเหลวของเขา หลังจากนั้นอัศวินทุกคนตัดสินใจสวมมันเช่นกัน และเข็มขัดสีเขียวก็กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งเกียรติยศในที่สุด..

เข็มขัดสีเขียวสัญลักษณ์ของ "ความล้มเหลวและเกียรติยศ"

ทำไมต้องเป็นสีเขียว? หากสังเกตให้ดีจะเห็นว่าสีเขียวในเรื่องเป็นตัวแทนของธรรมชาติ คน และสถานที่ เริ่มด้วยการที่อัศวินสีเขียวหรือลอร์ดเบอร์ติแลก ถือกิ่งฮอลลี่ในมือข้างหนึ่งและขวานขนาดใหญ่ในอีกมือหนึ่ง ของทั้งสองอย่างนี้เป็นสีเขียว และเชื่อมเขากับธรรมชาติเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะป่า ทั้งนี้เมื่อกาเวนต้องเดินทางไปยังวิหารสีเขียว (เป็นหนึ่งในสถานที่ที่เป็นธรรมชาติและดุร้ายที่สุด) อัศวินสีเขียวทำให้กาเวนตระหนักถึงสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอดขึ้นมาได้ นี่จึงเป็นเรื่องราวของการดำเนินเรื่องด้วยสัญลักษณ์สีเขียว 

นอกจากนี้ เข็มขัดสีเขียว หรือผ้าคาดเอวสีเขียว ที่เลดี้เบอร์ติแลกมอบให้กาเวน เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่มีความหมายชัดเจนมากๆ มีลักษณะคล้ายอีฟยื่นผลไม้ให้อดัมในสวนอีเดน เมื่อเลดี้บอกกาเวนว่าเข็มขัดนี้จะทำให้ผู้สวมใส่อยู่ยงคงกระพัน สำหรับกาเวนแล้วเข็มขัดสีเขียวจึงหมายถึงความอยู่รอดของเขา เมื่อกาเวนรับของจากเลดี้มาสวมใส่ เท่ากับว่าเขาขลาดกลัวความตาย และล้มเหลวต่อการเป็นอัศวินที่พร้อมไปด้วยความกล้า แต่เนื่องจากช่วงเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่ครั้งแรกที่กาเวนอาสาตัดหัวอัศวินสีเขียวกระทั่งเดินทางไปวิหารสีเขียวเพื่อทำตามข้อตกลง ก็ถือว่าเขาได้แสดงความกล้าหาญออกมาแล้ว และการที่กาเวนไม่ได้ล่วงเกินเลดี้ หรือมีการกระทำตามสัญชาตญาณบุรุษทั่วไป ก็ทำให้เขาได้รับการยอมรับจากเหล่าอัศวินว่าเป็นผู้ซื่อสัตย์ และมีคุณธรรม

จากนั้นกาเวนก็ได้สัญญากับตัวเองว่าเขาจะสวมเข็มขัดตลอดไป เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของความล้มเหลว และเตือนใจว่า "ชายคนหนึ่งอาจซ่อนความผิดของเขาได้ แต่ไม่มีวันลบมันออกไปได้" (2511) เข็มขัดสีเขียวจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของความล้มเหลว และเชิดชูเกียรติยศให้กาเวนในเวลาต่อมา  
 

โล่ดาวห้าแฉกกับคุณธรรม 5 ประการ

ความหมายของดาวห้าแฉก (The Pentagle) บนโล่ของเซอร์กาเวน เป็นอีกสัญลักษณ์หนึ่งที่น่าสนใจ คนส่วนใหญ่เมื่อเห็นสัญลักษณ์ดาวห้าแฉก มักจะคิดว่าเป็นตัวแทนของซาตาน แต่จริงๆ แล้วในอีกความหมายหนึ่ง สามารถสังเกตได้ว่า หากดาวห้าแฉกนั้นกลับหัว สัญลักษณ์นั้นจึงจะสื่อถึงซาตาน แต่หากเป็นดาวห้าแฉกตั้งตรงปกติ ถือเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของจิตวิญญาณ ซึ่งในทางคริสต์ศาสนา ดาวห้าแฉกถือเป็นตัวแทนของพระเยซู โดยแต่ละแฉกของดาวจะแทนบาดแผลทั้งห้าแห่งบนร่างกายของพระเยซู ขณะโดนตรึงอยู่บนไม้กางเขน ซึ่งโล่ของกาเวนมีดาวห้าแฉกอยู่บนโล่ แสดงให้เห็นว่ากาเวนเป็นผู้ยึดมั่นในคุณธรรมห้าประการ ได้แก่ ความเมตตา ความสามัคคี ความบริสุทธิ์ ความสุภาพ และความกรุณา กาเวนเป็นตัวแทนของอัศวินที่สมบูรณ์แบบในฐานะนักสู้ และผู้นับถือศาสนา


เซอร์กาเวน

ฤดูหนาวสัญลักษณ์แห่งความตาย

ทำไมถึงต้องเป็นฤดูหนาวครั้งถัดไป? นั่นเพราะฤดูหนาวสอดคล้องกับวันฮาโลวีนนั่นเอง เชื่อกันว่าวันฮาโลวีนเป็นวันเริ่มต้นฤดูหนาวที่มืดมิด และเป็นจุดเริ่มต้นเทศกาลแห่งความตาย.. ในบทบรรยายได้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงฤดูกาลอยู่หลายฉาก ก่อนที่กาเวนจะเดินทางไปวิหารสีเขียว เขาใช้ช่วงเวลาแห่งความสุขไปกับการล่าสัตว์ และใช้ชีวิตดั่งอัศวินทั่วไป แต่เมื่อใกล้ถึงฤดูหนาว เขาเริ่มเตรียมพร้อมรับสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นตามข้อตกลง ฤดูกาลที่เปลี่ยนแปลงในตำนานเรื่องนี้ สอดคล้องกับห้าช่วงอายุของมนุษย์ ได้แก่ ช่วงเกิด, ช่วงวัยเด็ก, ช่วงวัยรุ่น, ช่วงวัยกลางคน และช่วงวัยชรา (ความตาย) เช่นเดียวกับวัฏจักรของความอุดมสมบูรณ์ และการเสื่อมสลายไปตามธรรมชาติ การที่อัศวินสีเขียวนัดเจอกาเวนครั้งต่อไปในฤดูหนาว ถือเป็นสัญลักษณ์ของความตาย เพราะอัศวินคือมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง ไม่อาจรอดพ้นจากคมดาบที่บั่นคอได้แน่นอน 

ทุกอย่างคือ "เกม" ไม่มีคำว่าแพ้ชนะ มีเพียง "ความกล้าหาญ" เท่านั้น

"เซอร์กาเวนกับอัศวินสีเขียว" เป็นการเล่าเรื่องที่เน้นเล่าผ่านเกมและการตัดสินใจของตัวละคร ตั้งแต่ครั้งแรกที่อัศวินสีเขียวเข้ามาท้าให้ตัดหัว เกมของท่านลอร์ดเบอร์ติแลกที่ต้องหาสิ่งของมาแลกเปลี่ยน และการลองใจของเลดี้เบอร์ติแลก ทั้งหมดนี้จัดเป็นเกมแทบทั้งสิ้น หากกาเวนไม่รับคำท้า เขาอาจจะไม่ได้แสดงความกล้าหาญ หากเขาตัดสินใจผิดพลาดยอมทำตามสัญชาตญาณของตัวเอง เขาคงสูญเสียคุณธรรมที่เขายึดมั่น หากเขาขาดความกล้าและคุณธรรม ทุกอย่างคงจะจบลงตั้งแต่เกมแรก ไม่จำเป็นต้องมีบททดสอบต่อมาเรื่อยๆ อย่างในตำนาน ซึ่งเกมเหล่านี้เป็นบททดสอบที่วัดความสัมพันธ์ จิตใต้สำนึกของมนุษย์ และถือเป็นตัวชี้วัดคุณค่าภายในของแต่ละบุคคล

ในตำนานเรื่องกาเวนกับอัศวินสีเขียว พี่แนนนี่เพนชอบการเล่าเรื่องแบบนี้มากเลยค่ะ เป็นการเล่าไม่เชิงว่าหักมุม แต่เป็นการเล่าเชิงสัญลักษณ์ที่มีจุดแปลกๆ ให้เราสังเกตอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าเราจะสังเกตเห็นในสิ่งที่เราอ่านเจอไหม ตอนเด็กพี่ยอมรับว่าไม่สามารถเข้าใจสัญลักษณ์เหล่านี้ได้ทั้งหมด แต่เมื่อโตขึ้น เราเริ่มสงสัยว่าทำไมหลายๆ อย่างต้องเป็นสีเขียว ทำไมกาเวนต้องพกโล่ดาวห้าแฉกไปด้วย แค่ไปนั่งให้อํศวินสีเขียวตัดคอ หรือจริงๆ แล้วกาเวนอยากจะสู้กับอัศวินสีเขียว หรือเขาอยากจะตายแบบสมเกียรติ ทำไมต้องฤดูหนาว นัดวันพรุ่งนี้เลยไม่ได้เหรอ.. สิ่งที่เราสงสัยในวัยเด็ก สามารถตีความออกมาได้มากมาย อยู่ที่มุมมองของเราว่าอยากให้เรื่องราวเป็นแบบไหน และในเรื่องกาเวนกับอัศวินสีเขียวในบทความนี้ พี่แนนนี่เพนรู้สึกว่าเรื่องราวเหล่านี้น่าสนใจมาก และหวังว่าน้องๆ ทุกคนที่อ่านมาจนถึงตอนนี้ จะได้มุมมองใหม่ๆ มากขึ้นนะคะ 

พี่แนนนี่เพน

ขอบคุณภาพและข้อมูลจาก

https://en.wikipedia.org/wiki/Gawain
https://d.lib.rochester.edu/camelot/theme/gawain 
https://www.sparknotes.com/lit/gawain/
https://www.shmoop.com/sir-gawain-green-knight/
https://en.wikipedia.org/wiki/Sir_Gawain_and_the_Green_Knight
http://brit1800.blogspot.com/2015/08/for-monday-sir-gawain-and-green-knight.html
https://wyomingcatholic.edu/new-podcast-episode-sir-gawain-green-knight-part-1-dr-glenn-arbery/
http://www.medievalists.net/2018/02/new-light-sir-gawain-green-knight-manuscript-multispectral-imaging-cotton-nero-x-illustrations/
พี่แนนนี่เพน
พี่แนนนี่เพน - Columnist สาวเหนือที่มีความสุขกับการเขียนนิยาย และเชื่อว่านิยายให้อะไรดีๆ กับสังคมเสมอ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น