5 พระเอกในวรรณคดี ที่มีพลังวิเศษเหมือนนิยายแฟนตาซี!

5 พระเอกในวรรณคดี
ที่มีพลังวิเศษเหมือนนิยายแฟนตาซี

 

     สวัสดีค่ะน้องๆ ชาวเด็กดีทุกคน พอดีว่าพี่น้ำได้ไปอ่านนิยาย เรื่อง คุณเจ้าพระยาครับ เลิกจับดาบผมสักที! มาค่ะ ซึ่งเป็นเรื่องราวของ เจ้าพระยาแห่งกรุงศรี ที่มีความสามารถในการต่อสู้ เชี่ยวชาญสงครามและมีอาคมคุ้มกาย แต่ดันได้ข้ามเวลามายังปัจจุบันอย่างไม่ทราบสาเหตุ และได้พบกับหัวหน้าแกงค์ยากูซ่า ผู้ยื่นข้อเสนอว่าจะพาเขากลับบ้าน แลกกับการที่เขาต้องมาเป็น Youtuber…
     แต่เดี๋ยวก่อนวันนี้พี่ไม่ได้จะมารีวิวนิยายค่ะ แต่จะมาพูดถึงวรรณคดีต่างหากล่ะ พอเห็นเรื่องนี้พูดถึงพระเอกที่มีคาถาอาคม ก็ทำให้พี่นึกถึงพระเอกในวรรณคดีไทยที่มีคาถาอาคม หรือพลังวิเศษขึ้นมาเลย ทั้งมีพลัง แปลงกายได้ ตายแล้วฟื้น บลาๆๆ จะว่าไปวรรณคดีไทยนี่ก็เหมือนนิยายแฟนตาซีเลยนะ เรื่องเหนือธรรมชาติมาเต็ม (แต่เมื่อก่อนพี่อ่านแล้วคิดว่าเป็นเรื่องจริง ฮ่าๆ) วันนี้พี่ก็เลยหยิบเอา 5 พระเอกในวรรณคดีที่มีพลังวิเศษ มาพูดถึงค่ะ ดูซิว่าแต่ละคนจะมีความแฟนตาซีขนาดไหน
 

1. พระสังข์ จากเรื่อง สังข์ทอง : มีมนต์มหาจินดาเรียกเนื้อเรียกปลาได้
 

     เปิดตัวกันด้วยพระเอกคนแรกอย่าง พระสังข์ หรือ เจ้าเงาะป่า ที่มีมนต์มหาจินดาที่สามารถใช้เรียกเนื้อเรียกปลาได้ ซึ่งเป็นมนต์ที่นางพันธุรัต (แม่บุญธรรม) ได้เขียนทิ้งไว้ให้ก่อนนางจะตาย เพื่อให้พระสังข์ได้มีวิชาติดตัวไว้เลี้ยงปากเลี้ยงท้อง นอกจากนี้พระสังข์ยังมีรูปเงาะ ที่เมื่อสวมแล้วสามารถอำพรางร่างจากพระสังข์รูปงามก็เปลี่ยนเป็นเงาะป่าตัวดำได้ แถมยังมีเกือกแก้วที่สวมแล้วทำให้เหาะเหินเดินอากาศได้อีกด้วย หลังจากที่พระสังข์มีมนต์มหาจินดากับของวิเศษเหล่านี้แล้ว ก็ได้ออกเดินทางไปยังเมืองสามล จนวันหนึ่งท้าวสามลได้จัดให้มีพิธีเสี่ยงมาลัยเลือกคู่ให้ธิดาทั้งเจ็ด ซึ่งธิดาทั้งหกต่างเสี่ยงมาลัยได้คู่ครองแล้ว เว้นแต่นางรจนาที่ยังเลือกคู่ไม่ได้ ท้าวสามลจึงประชดโดยการให้ทหารไปนำตัวเจ้าเงาะมาให้นางเลือก แล้วรจนาก็ได้เห็นรูปทองภายในของเจ้าเงาะ จึงได้เสี่ยงพวงมาลัยให้ ทำให้ท้าวสามลโกรธมากจึงเนรเทศรจนาไปอยู่ที่กระท่อมปลายนากับเจ้าเงาะ
     ท้าวสามลรู้สึกอับอายและเสียเกียรติอย่างมาก จึงวางแผนคิดฆ่าเจ้าเงาะโดยให้เขยทั้งเจ็ดคนไปหาปลามาคนละร้อยตัว ใครได้น้อยจะถูกฆ่า พระสังข์จึงร่ายมนต์มหาจินดาเรียกปลามาชุมนุมกัน หกเขยจึงหาปลาไม่ได้เลย เมื่อมาพบพระสังข์ก็คิดว่าเป็นเทวดาจึงขอปลา พระสังข์ก็ให้ปลาคนละสองตัว โดยแลกกับการเชือดปลายจมูก ท้าวสามลโกรธมากที่อุบายไม่เป็นผล จึงสั่งให้เขยทุกคนไปหาเนื้ออีก และก็เหมือนครั้งก่อนเมื่อพระสังข์ร่ายมนต์ฝูงเนื้อทรายก็ไปชุมนุมกัน หกเขยก็มาขอจากพระสังข์อีกและได้เนื้อทรายไปคนละตัว โดยแลกกับการเชือดใบหู (เจ้าเลห์และร้ายกาจไม่เบาเลยนะ!)

     จะว่าไปพลังวิเศษของพระสังข์ในวรรณคดี ก็คล้ายกับเวทย์มนต์คาถาของพ่อมดแม่มดในนิยายแฟนตาซีเหมือนกันนะคะ ปลอมตัวก็ได้ เหาะก็ได้ จะเรียกเนื้อเรียกปลาก็ได้ (อันนี้พี่ว่าเหมือนคาถาเสกสิ่งของ ของพ่อมดแม่มด) ถ้ามีพลังวิเศษของพระสังข์ต่อให้ลำบากก็ไม่ต้องกลัวอดตายแล้วค่ะ อยากได้เนื้อได้ปลาก็ไม่ต้องออกไปหาให้ยาก นั่งร่ายมนต์เรียกเอาเลย ชิวๆ
 

2. ไกรทอง จากเรื่อง ไกรทอง : มีคาถาอาคมปราบจระเข้
 

     มาต่อกับพระเอกคนที่สอง ไกรทอง ชายหนุ่มผู้ปราบจระเข้ ครั้งหนึ่ง ณ เมืองพิจิตร มีเหตุการณ์จระเข้อาละวาดออกมากินคนที่อยู่ใกล้คลอง วันหนึ่ง นางตะเภาแก้วและนางตะเภาทอง สองพี่น้องลูกสาวเศรษฐีได้ลงไปเล่นน้ำที่ลำคลอง ในเวลานั้น ชาละวัน จระเข้ยักษ์นิสัยอันธพาล ได้ออกจากถ้ำมาล่าหามนุษย์เป็นอาหาร และได้ว่ายน้ำผ่านมาเห็นนางตะเภาทองที่เล่นน้ำอยู่ ก็เกิดความลุ่มหลงทันทีจึงได้คาบนางตะเภาทองดำดิ่งไปยังถ้ำทองของตน ท่านเศรษฐีเสียใจมาก จึงประกาศว่าใครที่พบศพนางตะเภาทอง และสามารถปราบจระเข้ตัวนี้ได้จะมอบสมบัติของตนเองให้ครึ่งหนึ่ง และจะให้แต่งงานกับนางตะเภาแก้ว แต่ไม่ว่าจะเป็นผู้มีอาคมคนไหนก็ไม่สามารถปราบชาละวันได้ จนกระทั่งไกรทองหนุ่มรูปหล่อจากเมืองนนทบุรี ซึ่งได้ร่ำเรียนวิชาการปราบจระเข้มาจนมีความเก่งกล้า ฤทธิ์อาคมแกร่ง และมีหอกสัตตโลหะเป็นอาวุธคู่กาย ได้รับอาสามาปราบชาละวัน
     ไกรทองได้เริ่มพิธีบวงสรวงพร้อมท่องคาถา ทำให้ชาละวันเกิดอาการร้อนรุ่ม จนต้องออกจากถ้ำแปลงกายเป็นจระเข้ขึ้นมาบนผิวน้ำเพื่อต่อสู้กับไกรทอง การต่อสู้ของคนกับจระเข้จึงเริ่มขึ้น ไกรทองแทงชาละวันด้วยหอกสัตตโลหะจนบาดเจ็บสาหัส ชาละวันก็รีบหนีกลับไปที่ถ้ำทองทันที ไกรทองจึงใช้เทียนระเบิดน้ำเปิดทางตามลงไปที่ถ้ำ ชาละวันที่บาดเจ็บอยู่ก็ได้ต่อสู้กับไกรทองต่อในถ้ำ จนชาละวันสู้ไม่ไหวในที่สุดก็พลาดท่าถูกแทงจนสิ้นใจตาย ไกรทองจึงพานางตะเภาทองกลับขึ้นมา เศรษฐีจึงจัดงานแต่งงานให้ไกรทองกับนางตะเภาแก้ว แถมยกนางตะเภาทองให้อีกคน พร้อมมอบสมบัติให้ครึ่งหนึ่งตามที่บอกไว้ (ปราบจระเข้จนได้ดิบได้ดีสินะ)

     ต่อสู้กับคนเบื่อแล้ว ต่อสู้กับจระเข้ไปเลยเจ๋งๆ พี่ว่าเรื่องไกรทองนี่ก็มีความแฟนตาซีไม่น้อยเลยนะ พล็อตเรื่องก็คล้ายๆ นิยายแฟนตาซีหลายเรื่องที่พี่เคยอ่าน ที่พระเอกมีพลังเวทย์แล้วมีภาระกิจให้ไปต่อสู้กับเหล่าสัตว์ร้าย เมื่อจบภาระกิจก็ได้รับรางวัลตอบแทน (ไม่แน่นะบางทีนักเขียนนิยายแฟนตาซีอาจจะได้แรงบันดาลใจมาจากวรรณคดีเหล่านี้ก็ได้)
 

3. หลวิชัย คาวี จากเรื่อง หลวิชัย - คาวี : ถอดหัวใจไว้ในพระขรรค์ ตายแล้วฟื้นได้
 

     ข้อนี้ขอรวมพระเอกสองคนเลยละกัน หลวิชัยกับคาวี เป็นเพื่อนรักต่างสายพันธุ์ (น้องๆ น่าจะจำเนื้อเรื่องกันได้ พี่ขอเล่าคร่าวๆ ละกันเนอะ) เดิมทีนั้นหลวิชัยกับคาวีไม่ได้เป็นคนแต่เป็นลูกเสือกับลูกวัว จนกระทั่งวันหนึ่งพระฤาษีมีจิตเมตตาจึงได้ชุบชีวิตลูกเสือลูกวัวให้เป็นคน และตั้งชื่อลูกเสือว่าหลวิชัย ลูกวัวชื่อคาวี จากนั้นหลวิชัยกับคาวีก็เรียนศิลปวิทยากับฤาษีจนเติบโต เมื่อมีอายุพอสมควรแล้ว หลวิชัยกับคาวีก็ขอลาพระฤาษีไปเผชิญโชค พระฤาษีจึงได้มอบพระขรรค์วิเศษที่บรรจุหัวใจของหลวิชัยกับคาวีให้พกติดตัวคนละเล่ม ซึ่งหากพระขรรค์ถูกเผาไฟก็จะทำให้เจ้าของพระขรรค์ตาย ทั้งคู่ได้ออกเดินทางและตัดสินใจเดินแยกทางกันแล้วค่อยกลับมาพบกันใหม่ในอีกสามเดือน แต่เมื่อครบกำหนดวันนัดคาวีก็ไม่ได้มาหลวิชัยตาที่นัดกันไว้ หลวิชัยจึงได้เดินทางมาหาคาวี ระหว่างทางก็เห็นพระขรรค์ของคาวีอยู่ในกองเถ้าถ่านและพบคาวีนอนสิ้นสติอยู่ข้างๆ จึงรีบนำพระขรรค์กลับไปให้พระฤาษีช่วยชุบพระขรรค์ขึ้นมาใหม่ คาวีก็ได้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง (เล่าแค่นี้พอเนอะ)

     เรื่องนี้พี่ชอบคือคนเราถ้าไม่มีหัวใจก็ตายใช่มั้ยล่ะ แต่นี่ถอดหัวใจไปไว้ที่อื่นได้แถมยังไม่ตาย แต่ถึงตายก็ชุบชีวิตฟื้นขึ้นมาใหม่ได้อีก เหมือนอย่างในนิยายแฟนตาซีหรือนิยายระบบเกมเลย ที่ตัวละครตายแล้วแต่ก็สามารถใช้ยาชุบชีวิตให้เกิดใหม่ได้อีกครั้ง อยากฆ่าก็ฆ่าไปเดี๋ยวเกิดใหม่ก็ได้ ฮ่าๆ
 

4. พระอภัยมณี จากเรื่อง พระอภัยมณี : มีวิชาปี่ที่คล้ายกับมนต์สะกด
 

     ตามมาด้วยพระเอกคนที่สี่ พระอภัยมณี ที่มีวิชาปี่คล้ายกับเวทย์มนต์คาถา หรือมนต์สะกด ตามที่พระอภัยมณีต้องการให้ผู้ฟังเป็นอย่างไร ตั้งแต่ทำให้หลับไหล เคลิบเคลิ้ม เกี้ยวพาราสี หรือรุนแรงถึงขั้นทำให้ผู้ฟังตายได้เลย อย่างเช่น ตอนที่พระอภัยมณีเป่าปี่เพื่อแสดงวิชาเพลงปี่อันวิเศษให้สามพราหมณ์ฟัง เมื่อสามพราหมณ์ได้ฟังก็พากันหลับไหล หรือจะเป็นเมื่อตอนที่พระอภัยมณีหนีนางยักษ์ผีเสื้อสมุทรออกมาและถูกนางผีเสื้อสมุทรตามอาละวาด พระอภัยมณีก็ได้ภาวนาคาถาอาคมตามตำรับไสยเวทและลงมือเป่าปี่เพื่อให้นางผีเสื้อสมุทรได้ฟัง เมื่อนางได้ฟังเพลงปี่แล้วก็ทรมานจนขาดใจตาย เป็นต้น ด้วยเหตุนี้ตลอดทั้งเรื่องพระอภัยมณีจึงมีโอกาสแสดงเพลงปี่อยู่หลายคราว
     พี่ได้ลองไปหาข้อมูลว่าทั้งเรื่องพระอภัยมณีนั้นเป่าปี่ไปกี่ครั้งและเพื่อจุดประสงค์อะไรบ้าง จนเจอบทความหนึ่งที่พูดถึงเรื่องนี้ ซึ่งเพลงปี่ของพระอภัยมณี ถูกรวบรวมโดย อาจารย์เสรี หวังในธรรม ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ศิลปะการละคร) ประจำปี พ.ศ. 2531 ผู้เชี่ยวชาญด้านการสังคีต กรมศิลปากร โดยท่านอาจารย์ได้รวบรวมเอาเฉพาะเพลงปี่ที่ถูกเป่าในช่วงสำคัญของเรื่องคือ มีจุดประสงค์ในการเป่าชัดเจน ซึ่งมีทั้งหมดเก้าครั้ง คือ พบสามพราหณ์, สังหารนางผีเสื้อสมุทร, คิดถึงนางสุวรรณมาลีและสินสมุทร, สะกดทัพเจ้าละมาน, สยบกองทัพทั้งเก้า, กล่อมนางละเวง, ปลุกทหาร, กล่อมทัพลังกา และ รำพึงรักนางละเวง โดยในแต่ละครั้งที่เป่าเพลงที่ใช้ก็จะแตกต่างกันออกไปตามความรู้สึก และความต้องการของพระอภัยมณี

     โอ้โห เพลงปี่ของพระอภัยมณีนี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ดูเหมือนจะไม่ใช่อาวุธร้ายแต่ก็สามารถทำให้ตายได้เลยทีเดียว ทั้งยังใช้เพื่อจุดประสงค์อื่นๆ ได้อีก โดยที่ไม่ต้องออกแรงอะไรเยอะเลย แบบนี้ก็ดีนะคะไม่เปลืองแรงดี แถมยังได้เพลิดเพลินอีกด้วย 
 

5. ท้าวอิลราช หรือ นางอิลา จากเรื่อง อิลราชคำฉันท์ : มีสองเพศในร่างเดียว
 


ท้าวอิลราชในตอนกลายร่างเป็น นางอิลา
 

     มาถึงพระเอกคนสุดท้าย ท้าวอิลราช ที่มีสองเพศในร่างเดียว (อันนี้เป็นพลังวิเศษแบบแปลกๆ) สาเหตุมาจากคำสาปของพระอิศวร เนื่องจากท้าวอิลราชพร้อมกับเหล่าข้าราชบริพาร บังเอิญได้ล่วงล้ำเข้าไปในเขตเขาไกรลาสอันเป็นที่ประทับของพระอิศวรและพระอุมา ซึ่งในขณะนั้นพระอิศวรกำลังหยอกล้อกับพระอุมาอยู่ โดยจำแลงกายเป็นสตรีและเนรมิตให้ทุกสิ่งที่อยู่ ณ บริเวณเขาไกรลาสเป็นสตรีทั้งหมด ท้าวอิลราชและเหล่าข้าราชบริพารที่อยู่บริเวณจึงกลายเป็นสตรีไปด้วย เมื่อท้าวอิลราชกลายเป็นสตรี ก็ตกใจจึงไปขอโทษพระอิศวรเพื่อขอให้ถอนคำสาปให้กลับมาเป็นชายดังเดิม แต่พระอิศวรไม่ให้อภัย พระอุมาเทวีจึงช่วยลดทอนโทษให้ โดยท้าวอิลราชต้องกลายร่างเป็นสตรีที่งดงามหนึ่งเดือนในชื่อ นางอิลา แล้วกลับมาเป็นบุรุษในเดือนต่อมา สลับกันไปมาอย่างนี้ และในขณะที่เป็นสตรีนั้นจะจำเรื่องราวตอนเป็นบุรุษไม่ได้ ตอนที่กลับคืนมาเป็นบุรุษก็จะจำตอนเป็นสตรีไม่ได้เช่นกัน ตั้งแต่นั้นมาท้าวอิลราชก็สลับร่างกลายเป็นบุรุษและสตรีไปมาคนละเดือน

     ถึงพลังวิเศษนี้จะเป็นเพราะคำสาปของพระอิศวร แต่พี่ว่ามันก็เจ๋งดีนะคะ เป็นได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชายในร่างเดียวแบบเก๋ๆ คงตื่นเต้นไม่น้อยที่ได้สลับเพศไปมา พี่เคยอ่านนิยายแฟนตาซีอยู่เรื่องหนึ่งเมื่อนานแล้ว (จำชื่อเรื่องไม่ได้จริงๆ -...-) พล็อตเรื่องก็ประมาณว่า ถ้าพระเอกเปียกฝนจะทำให้ร่างกายเปลี่ยนไปเป็นผู้หญิง โดยที่พระเอกก็ไม่รู้สาเหตุว่าเป็นเพราะอะไร แล้วก็ไม่รู้วิธีแก้ไข พระเอกก็เลยกลัวฝนมากๆ แต่ก็เปียกฝนบ่อยมากๆ เช่นกัน ฮ่าๆ บอกเลยพล็อตแบบนี้ไม่เคยเก่าจริงๆ 
 

     ครบทั้ง 5 คนแล้วนะคะ สำหรับพระเอกในวรรณคดีที่มีพลังวิเศษเหมือนนิยายแฟนตาซี น้องๆ มีความคิดเห็นยังไงกันบ้างเอ่ย วรรณคดีไทยของเรานี่ก็มีความเป็นแฟนตาซีไม่แพ้ใครเลยนะคะ พี่ว่าพลังวิเศษพวกนี้ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเสน่ห์ของวรรณคดีไทยเลยค่ะ นับถือผู้แต่งสมัยก่อนมาๆ ที่เล่าเรื่องราวออกมาได้สนุกสนาน และสร้างสรรค์ขนาดนี้ พี่หวังว่าบทความนี้คงจะเป็นประโยชน์กับน้องๆ ได้ไม่มากก็น้อย ใครที่กำลังเขียนนิยายแฟนตาซีอยู่ แล้วคิดไม่ออกว่าจะให้ตัวละครมีพลังอะไรดี ลองนำเอาพลังวิเศษในวรรณดคีไทยของเราไปใช้ดูก็ได้นะคะ อาจจะได้ไอเดียเพิ่มก็ได้ และสำหรับวันนี้พี่ก็ขอจบบทความไว้เท่านี้ ครั้งหน้าพี่จะนำสาระเรื่องอะไรมาฝากอีก ต้องติดตามน้าาา ^^
 

พี่น้ำ ^^
 

ขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก
หนังสือชายในวรรณคดีไทย, มาลัย(จุฑารัตน์) 2559
http://www.st.ac.th/bhatips/tip49/sangthong.html
https://www.silpa-mag.com/art/article_26752
https://sites.google.com/site/pongsatontoo/kir-thxng
https://www.bloggang.com/m/viewdiary.php?id=tudsthai&month=10-2009&date=10&group=2&gblog=1

 

พี่น้ำ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด