แง่คิดดีๆ จาก Itaewon Class ตีแผ่สังคมเกาหลีใต้ในมุมของคนที่ถูกทอดทิ้งจากสังคม

แง่คิดดีๆ จาก Itaewon Class ตีแผ่สังคมเกาหลีใต้
ในมุมของคนที่ถูกทอดทิ้งจากสังคม 

สวัสดีค่ะน้องๆ ชาวเด็กดีทุกคน เชื่อว่าใครที่เป็นแฟนซีรีส์เกาหลีตัวยงน่าจะคุ้นชินกับพล็อตแนวแก้แค้นกันมาแล้วพอสมควร ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ซีรีส์เกาหลีหลายๆ เรื่องจะขับเคลื่อนเรื่องราวผ่านตัวละครด้วยการแก้แค้น เพราะการจะทำให้คนคนหนึ่งที่ชีวิตพังไม่เป็นท่ากลับมาลุกขึ้นสู้ได้อีกครั้ง นอกจากกำลังใจจากคนรอบข้างแล้ว การแก้แค้นก็ถือเป็นหนึ่งในแรงผลักดันที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด ที่ทำให้คนอยากมีชีวิตอยู่ต่อไป และกลายเป็นเป้าหมายสูงสุดในชีวิตที่ต้องทำให้ได้ เหมือนที่เราเคยได้ยินกันบ่อยๆ ว่า แก้แค้นสิบปีก็ยังไม่สาย นั่นเอง

ทว่าซีรีส์เรื่อง Itaewon Class ที่ดัดแปลงมาจากเว็บตูนในชื่อเดียวกันก็เป็นหนึ่งในซีรีส์ที่มีพล็อตเรื่องแนวแก้แค้นเหมือนกันค่ะ แต่ที่ทำให้ผู้คนสนใจซีรีส์เรื่องนี้กันมากจนมองข้ามความแค้นของตัวละครไปก็คือ การดำเนินเรื่องที่ตัวละครใช้ธุรกิจมาแข่งขันกัน จนทำให้หลายๆ คนที่ติดตามได้ไอเดียและแรงบันดาลใจในการทำธุรกิจไปด้วย อีกทั้งเรื่องราวในซีรีส์ยังตีแผ่สังคมเกาหลีใต้ในแง่มุมที่คนในสังคมเองต่างก็รับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้นแต่ก็เลือกที่จะมองข้ามไป และซีรีส์เรื่องนี้ยังได้เปิดมุมมองให้ทุกคนได้เห็นคุณค่าในตัวเอง แม้ว่าคุณจะถูกตีค่าว่าเป็นลูซเซอร์ในสังคมก็ตาม   แต่หากคุณไม่ยอมแพ้และยืนหยัดต่อสู้จนถึงที่สุด คุณก็เป็นคนหนึ่งที่น่ายกย่องได้เหมือนกันนะ มาตามดูแง่คิดดีๆ ที่เราสามารถเรียนรู้ได้จาก Itaewon Class กันเลย

Itaewon Class ศูนย์รวมความอยุติธรรมของ คนเรียนไม่จบ อดีตนักโทษ คนข้ามเพศ และคนผิวสี 

เรื่องราวใน Itaewon Class ถ้าจะเล่าให้ถึงแก่นก็ต้องเล่าถึงฉากหลังของย่านอิแทวอน ในเขตยงซาน ของโซล กันก่อนเลยค่ะ จากประสบการณ์ตรงพี่เคยได้ไปพักอยู่ในย่านอิแทวอนซึ่งเป็นศูนย์รวมความหลากหลายทางเชื้อชาติมาก่อน ตอนนั้นทางเดินในแต่ละวันพลุกพล่านไปด้วยชาวต่างชาติ กลุ่มคนผิวสี และคนข้ามเพศ จำนวนมาก พอได้มาดูซีรีส์เรื่องนี้พี่ก็รู้สึกเห็นด้วยมากๆ ที่เลือกย่านอิแทวอนเป็นสถานที่ในการดำเนินเรื่อง และเปิดตัวละครทั้งหมดของเรื่อง

ในสมัยก่อนนั้นพื้นที่ในย่านอิแทวอนเคยถูกใช้เป็นฐานทัพทหารของชาวญี่ปุ่นมาก่อน แต่หลังจากที่ญี่ปุ่นแพ้สงครามพื้นที่ตรงนี้ก็ถูกส่งต่อเป็นที่ตั้งฐานทัพของชาวอเมริกันต่อ ผู้คนและวัฒนธรรมในย่านนี้จึงค่อนข้างหลากหลาย แม้ว่าในปัจจุบันฐานทัพเหล่านี้จะย้ายออกไปนานแล้ว แต่ย่านอิแทวอนก็กลายเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก ทั้งเรื่องอาหารนานาชาติ และสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่คึกคักไปด้วยกลุ่มคนผิวสี ชาวต่างชาติ และคนข้ามเพศ 

เรื่องราวของ Itaewon Class ที่นำเสนอในซีรีส์วางพล็อตหลักไว้ที่การแก้แค้นของ พัคแซรอย ชายหนุ่มที่มีความฝันอยากเป็นตำรวจ แต่ความฝันนั้นก็ต้องจบลงเมื่อเขาไปช่วยเหลือเพื่อนร่วมชั้นที่ถูกกลั่นแกล้งจาก จางกึนวอน ลูกของผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง จนทำให้เขาต้องออกจากโรงเรียนกลางคัน และทำให้พ่อต้องถูกไล่ออกจากงานด้วย พัคแซรอยจึงตั้งใจจะเปิดร้านอาหารตามความฝันของพ่อ แต่ความฝันก็ต้องจบลงอีกครั้ง เมื่อพ่อของเขาถูกรถชนตายด้วยฝีมือของจางกึนวอน แซรอยตระหนักว่าเส้นทางความฝันของเขาถูกทำลายด้วยคนคนเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งต้องเรียนไม่จบ ติดคุก โดนซ้อม และยังต้องออกมาทำงานเป็นกรรมกรรับจ้าง เส้นทางชีวิตของอดีตนักโทษจึงเต็มไปด้วยความแค้น และเพื่อทำความฝันของพ่อให้สำเร็จ แซรอยจึงตั้งใจทำธุรกิจอาหารในย่านอิแทวอน เช่นเดียวกับธุรกิจครอบครัวของคนที่ทำลายชีวิตเขา การแก้แค้นครั้งนี้จึงเป็นการต่อสู้ทางธุรกิจที่พัคแซรอยต้องกัดฟันสู้และอดทนให้ถึงที่สุด

หลังจากที่ดู Itaewon Class จนจบ นอกจากจะได้ไอเดียและแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิตแล้ว ในแง่ธุรกิจก็มีกลยุทธ์ต่างๆ แฝงเอาไว้อย่างแนบเนียน เช่น การช่วยเหลือผู้อื่นเพื่อให้ธุรกิจรอดไปด้วยกัน การให้ความสำคัญและความเชื่อมั่นต่อลูกทีม ก็เป็นปัจจัยหนึ่งที่ซีรีส์ต้องการสื่อให้เห็นถึงการทำงานเป็นทีม และไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่นในยามที่ทุกคนกำลังเผชิญหน้ากับความยากลำบาก นอกจากนี้ ตัวละครในเรื่องที่มีทั้งคนเรียนไม่จบ อดีตนักโทษ คนข้ามเพศ และคนผิวสี ทุกคนต่างมีบทบาทที่ให้แง่คิดกับคนดูได้อย่างดีเยี่ยม เรามาดูกันว่า ท่ามกลางความกดดันของสังคมเกาหลีใต้ ตัวตนที่สังคมมองว่าพวกเขาคือความผิดพลาด จะสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้นได้อย่างไร มาตามดูกันเลยค่ะ 

การแก้แค้นไม่ใช่แบบอย่างของคุณ การไม่ยอมแพ้ต่างหากที่ทำให้ชีวิตของคุณไปต่อ 

จะเห็นว่าเป้าหมายหลักของพัคแซรอย คือ การแก้แค้นและล้มธุรกิจของคนที่ทำลายความฝันของเขาให้ได้ ชายหนุ่มใช้ความแค้นเป็นแรงผลักดันให้ตัวเองมีชีวิตอยู่ต่อไป แม้จะต้องก้าวผ่านความยากลำบาก ทั้งความฝันการเป็นตำรวจที่ไม่มีวันเป็นจริงอีกแล้ว ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า และต้องติดคุกข้อหาทำร้ายร่างกาย ชีวิตของแซรอยไม่อาจกลับไปเป็นเหมือนครั้งยังเด็กได้อีก เขาถูกตราหน้าว่าเป็นเด็กเรียนไม่จบ แถมยังเป็นอดีตนักโทษอีก ทว่าสิ่งที่แซรอยทำให้เรารู้สึกประทับใจก็คือ เขาไม่เคยหมดหวัง และทุกครั้งที่ได้ตัดสินใจทำสิ่งใดไปแล้ว เขาจะทำมันออกมาให้ดีที่สุด และไม่เคยนึกเสียดายในภายหลัง ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนซื้อตึกเพื่อเปิดร้านทันบัม หรือตัดสินใจลงทุนขายแฟรนไชส์ร้านทันบัมก็ตาม แม้ว่าในชีวิตที่ผ่านมาเขาจะต้องเจอกับความล้มเหลวมากกว่าความสำเร็จ เขาก็ไม่เคยยอมแพ้ และหวังว่าความฝันของเขาที่อยากจะเปิดร้านอาหารให้พ่อจะเป็นจริงขึ้นมาในสักวันหนึ่ง 

Itaewon Class ไม่ได้เป็นซีรีส์ที่เน้นเรื่องราวของการแก้แค้น จากที่ดูจนจบซีรีส์ได้แฝงแง่คิดของคนที่ล้มแล้วลุกขึ้นมาใหม่ได้ด้วยการไม่ยอมแพ้ตลอดทั้งเรื่อง แม้ว่าพัคแซรอยจะเติบโตขึ้นมาจากความแค้น แต่สิ่งที่ผลักดันเขาจริงๆ ก็คือตัวตนที่อดทน และไม่ยอมแพ้ต่อความล้มเหลวต่างหากที่สอนคนดูได้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเขาจะเป็นคนที่เรียนไม่จบ หรือเคยติดคุกมาก่อน จนทำให้สังคมมองว่าเขาคือคนไร้ค่า และเป็นความผิดพลาดของสังคม จนไม่ได้รับโอกาสที่ดีในการทำงาน แต่พัคแซรอยก็ไก้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราสามารถสร้างคุณค่าในตัวเองได้ ขอแค่เราไม่ยอมแพ้ต่อปัญหาและอุปสรรคที่เข้ามา ชีวิตของเราก็สามารถมีความสุขได้เหมือนดังคนอื่นๆ  

ไม่ว่าใครต่างก็ต้องการโอกาสครั้งที่สองในชีวิต คุณก็เช่นกัน 

แม้พัคแซรอยจะไม่สามารถเป็นตำรวจได้ แต่เขาก็ยังคงใช้ชีวิตตามคำสอนของพ่อที่ปลูกฝังไว้ตั้งแต่ยังเด็ก เมื่อชายหนุ่มตัดสินใจเปิดร้านอาหารทันบัมในย่านอิแทวอนที่มีค่าเช่ากว่าสองร้อยล้านวอน เขาไม่ได้สนใจว่าลูกทีมของเขาคือใคร เขาสนใจที่ความสามารถในการทำงานมากกว่า ดังนั้น ลูกทีมในร้านอาหารของแซรอย จึงมีความแตกต่างกันค่อนข้างมาก ทุกคนต่างถูกทอดทิ้งจากสังคม ทั้งเน็ตไอดอลที่เรียนไม่จบ ลูกชายนอกกฎหมายของผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง อดีตเพื่อนนักโทษ คนข้ามเพศ และคนผิวสี พวกเขาล้วนมีสถานะทางสังคม รูปลักษณ์ และการเป็นคนข้ามเพศ ที่สังคมยังไม่ยอมรับ และเติบโตขึ้นมาท่ามกลางความกดดันของสังคม

สำหรับคนที่เป็นอดีตนักโทษในเกาหลีใต้ รวมทั้งในหลายๆ ประเทศ ต้องเผชิญกับการเลือกปฏิบัติจำนวนมาก และเป็นเรื่องยากที่จะหางานหลังออกจากคุก รวมถึงคนอีกกลุ่มหนึ่งในสังคมเกาหลีใต้ที่เป็น LGBTQ คนข้ามเพศเหล่านี้กลายเป็นชนกลุ่มน้อยที่ถูกเลือกปฏิบัติ และยังรวมคนต่างชาติที่เติบโตในเกาหลีด้วย พวกเขาคือพลเมืองอีกชนชั้นหนึ่งที่ได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เท่าเทียม 

ในซีรีส์ Itaewon Class ไม่เพียงแค่พัคแซรอยเท่านั้นที่ให้โอกาสบุคคลเหล่านี้ได้เติบโตและแสดงความสามารถอย่างเต็มที่ แซรอยเองก็ให้โอกาสตัวเองได้มีชีวิตที่ดียิ่งขึ้นด้วยการปล่อยวางความแค้นที่มีอยู่เช่นกัน ตัวละครเหล่านี้เมื่อพวกเขาได้รับโอกาสครั้งที่สองในชีวิต ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ ทุกเรื่องราวต่างสะท้อนให้เห็นว่า เราสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ ขอแค่เราไม่ยอมแพ้ต่อชะตาชีวิต

ไม่มีทางลัดไปสู่ความฝัน คุณต้องสร้างประสบการณ์ด้วยตัวเอง

จากเส้นทางการต่อสู้ชีวิตของพัคแซรอย จะเห็นว่าเขาเผชิญกับความยากลำบากมาแล้วมากมาย ไม่มีทางลัดไปสู่ความฝันของเขาได้อย่างรวดเร็วแน่นอน ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่เรียนไม่จบ หรือเป็นอดีตนักโทษมาก่อนก็ตาม คุณทุกคนสามารถใช้เวลาเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้เท่าเทียมกัน แม้ว่าต้นทุนชีวิตของแต่ละคนจะไม่เท่ากัน แต่พัคแซรอยได้พิสูจน์แล้วว่า อดีตเป็นบทเรียนที่มีค่า ความล้มเหลวคือขั้นตอนการเรียนรู้อย่างหนึ่งที่เราจะไม่กลับไปทำผิดซ้ำอีก และคุณประสบความสำเร็จได้แค่ลงมือทำด้วยความมุ่งมั่น และตั้งใจ แม้ว่าจะต้องล้มเหลวในภายหลังก็ยังดีกว่ามานั่งเสียใจที่ไม่เคยได้ลงมือทำ 

เช่นเดียวกับ พัคแซรอยที่อยากเปิดร้านอาหารเพราะความฝันของพ่อ และเพื่อการแก้แค้น สิ่งที่เขาทำหลังออกจากคุก แสดงให้เราเห็นว่าเขาตั้งใจที่จะทำตามความฝันให้สำเร็จจริงๆ แม้ว่าเขาจะมีอดีตที่น่าเศร้าไปสักหน่อย แต่ชายหนุ่มก็มองไปถึงอนาคตที่เขาฝัน และพยายามสร้างมันด้วยสองมือของเขาเอง 

ทั้งนี้ยังมีเรื่องราวของแม่ครัวข้ามเพศ ที่อยากเก็บเงินไปแปลงเพศจนต้องใช้ชีวิตประหยัดอดออมมากๆ ด้วยสังคมเกาหลีใต้ที่ยังไม่เป็นรับกลุ่มคนเหล่านี้ ทำให้เธอโตมาด้วยการขาดความมั่นใจ ยิ่งเมื่อปล่อยข่าวเรื่องเพศสภาพ ในขณะแข่งขันทำอาหารในรายการทีวี เธอยิ่งตระหนกและอยากหลบหนีออกไปให้ไกลจากสายตาของคนในสังคมที่มองมาราวกับเธอเป็นตัวประหลาด และพัคแซรอย ทำให้เธอตระหนักได้ว่า เธอควรจะหนีออกจากการแข่งขัน หรือเลือกที่จะรักในความเป็นตัวเอง ด้วยระยะเวลาที่เธอได้ทำงานกับแซรอยทำให้เธอมีความมุ่งมั่น และกล้าตัดสินใจทำเพื่อตัวเอง และความฝันมากยิ่งขึ้น 
 

ไม่อาจพูดได้เต็มปากว่าซีรีส์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวของการแก้แค้น เพราะแต่ละตัวละครต่างมีเส้นทางชีวิตของตัวเอง ทุกคนต่างมีความฝันที่อยากทำให้สำเร็จ เพียงแต่ระหว่างทางพวกเขาต้องเจออุปสรรคที่มากกว่าคนอื่นๆ เพียงเพราะความผิดพลาดในอดีต และกรอบของสังคมที่ตีค่าคนไว้หลายชนชั้น การจะทำตามสิ่งที่ตัวเองต้องการให้สำเร็จได้นั้น จึงต้องอาศัยแรงผลักดันจากตัวเองสูงมากๆ นอกจากจะไม่ยอมแพ้ต่อปัญหาต่างๆ แล้ว ต้องรักและเห็นคุณค่าในตัวของเราเองด้วย เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่เราปล่อยให้ตัวตนหายไปตามกรอบของสังคม เมื่อนั้นเราก็กลายเป็นคนอื่น พร้อมกับความฝันที่ถูกพรากไปตลอดกาล 

พี่แนนนี่เพน
 

ขอบคุณรูปภาพจาก
https://www.imdb.com/title/tt11239552/mediaindex?ref_=tt_pv_mi_sm
Deep Sound แสดงความรู้สึก
พี่แนนนี่เพน
พี่แนนนี่เพน - Columnist สาวเหนือที่มีความสุขกับการเขียนนิยาย และเชื่อว่านิยายให้อะไรดีๆ กับสังคมเสมอ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

0 ความคิดเห็น