แจก 9 เคล็ดลับสุดปัง ช่วยเขียนนิยายให้จบแบบไม่เทในปี 2021!

แจก 9 เคล็ดลับสุดปัง ช่วยเขียนนิยายให้จบแบบไม่เทในปี 2021 

ไม่ใช่พรสวรรค์หรือพลังคำพูดที่ทำให้นักเขียนประสบความสำเร็จ มันอยู่ที่ความตั้งใจ! 

 

บีต้องการเขียนนิยายให้จบในปีนี้
 

แต่ธันวาคมแล้ว เธอยังไม่เขียนสักตัว...จะว่าไป จริงๆ บีก็เขียนอยู่นะ เขียนอีเมล โพสเว็บบอร์ด อัปสเตตัสลงบนเฟสบุ๊ค แต่กับนิยายของเธอล่ะ? ไม่เลย ไม่มีแม้แต่ตัวเดียว
 

ความกระตือรือร้นของบีที่มีต่อนิยายของเธอค่อยๆ เลือนหายไป หรือการเขียนนิยายจะเป็นสิ่งที่ผิด? นักอ่านจะชอบงานเขียนของเธอจริงๆ หรือ? เธอเก่งมากพอที่ทำให้นักอ่านอินในโลกของเธอใช่มั้ย? เธอจะเสียแรงหรือเปล่า? เกิดอะไรขึ้นถ้ามันล้มเหลวล่ะ?
 

บางครั้งบีบอกตัวเองว่าจะเขียนหนังสือต่อไป เลิกคิดมากซะ แค่เขียนมัน! เธอตั้งเป้าว่าจะเขียนนิยายในวันศุกร์ แต่งานเร่งด่วนยิ่งทำให้เธอยุ่ง เช่นเดียวกับการเตรียมสอบของเธอ ไปข้างนอกกับครอบครัว รับประทานอาหารเย็นบนโต๊ะ
 

บีรู้สึกทุกข์ใจและรู้สึกผิดที่จนแล้วจนตลอดทั้งปี 2020 เธอไม่ได้เขียนนิยาย ไม่มีความก้าวหน้าอะไรเลยเกี่ยวกับงานเขียน ทำไมเธอถึงได้ขาดพลังเช่นนี้? หรือเธอไม่ได้เรื่อง?

ถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่เหมือนกับบี วางแผนว่าจะเขียนนิยายให้จบในปี 2020 แต่สุดท้ายทำไม่ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ อาจเพราะรู้สึกตัน รู้สึกว่าการเขียนนิยายเป็นเรื่องยาก งานเยอะ งานด่วน ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม อย่าให้ปี 2021 ของคุณซ้ำรอยเดิม

และมันจะไม่มีวันเป็นเช่นนั้นถ้าหากคุณมีแรงกายแรงใจที่มากพอ รวมทั้งแผนการที่ยอดเยี่ยม ในวันนี้เรามีเคล็ดลับดีๆ เพื่อเปลี่ยนปีนี้ให้กลายเป็นปีที่คุณเขียนนิยายให้จบมาฝาก

 

เริ่มต้นปีใหม่ด้วยเป้าหมายเขียนนิยายให้จบ
เริ่มต้นปีใหม่ด้วยเป้าหมายเขียนนิยายให้จบ

 

#1: เป้าหมายที่ใหญ่เกินตัวอาจทำให้ล้มเหลว

บางคนตื่นเต้นกับเป้าหมายใหญ่ พวกเขากระโดดลงสู่การปฏิบัติพร้อมที่จะพิสูจน์ให้โลกเห็นว่า พวกเขาสามารถวิ่งมาราธอน ลดน้ำหนักได้ 30 กิโลกรัม หรือเขียนหนังสือขายดี มีนิยายติดท็อป! คนเหล่านี้อยู่ในคนส่วนน้อย พวกเขาเป็นคนที่โชคดี

สำหรับพวกเราส่วนใหญ่ เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่สามารถทำให้เราล้มเหลวได้ เพราะมันทำให้เราหวาดกลัวและความกลัวก็ทำให้ทุกอย่างชะงัก คุณอาจพบว่าสิ่งนี้เป็นความวิตกกังวลเหมือนกับการสอบ ยิ่งคุณเชื่อว่าการสอบมีความสำคัญมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นเท่านั้น แล้วคุณก็ค้นพบว่ามันยากเหลือเกินที่จะมีสมาธิ คำตอบของคุณดูเหมือนจะจางหาย อยู่ๆ หัวสมองโล่งเมื่อเห็นข้อสอบ แต่วิธีการจัดการกับความกลัวเพื่อบรรลุสู่เป้าหมายไม่ใช่เรื่องยาก

 

“การเดินทางแม้ไกลนับพันลี้ ก็เริ่มต้นด้วยก้าวแรกเพียงก้าวเดียว”

ใช่ค่ะ เราอยากให้คุณเริ่มต้นจากสิ่งเล็กๆ ก่อน คุณไม่จำเป็นต้องมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ เช่น เขียนนิยาย 10 เล่มใน 1 ปี หรือลงนิยายในเด็กดีปุ๊บ ยอดวิวขึ้นเป็นแสนใน 1 เดือน แบบนี้ฟังดูก้าวกระโดดเกินไป ถามคำถามเล็กๆ กับตัวเองเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์และเริ่มลงมือทำเล็กๆ น้อยๆ เพื่อสร้างนิสัยการเขียนอย่างเป็นธรรมชาติ เพื่อช่วยให้คุณบรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ นี่คือวิธีที่คุณสามารถนำไปใช้กับการเขียนได้

  • ขั้นตอนเล็กๆ ใดที่ช่วยให้ฉันเริ่มเขียนนิยายเรื่องนี้ได้?
  • สิ่งเล็กๆ ที่ฉันสามารถทำได้เพื่อผัดวันประกันพรุ่งให้น้อยลงในวันนี้คืออะไร?
  • จำนวนคำที่น้อยที่สุดที่ฉันสามารถเขียนได้ในวันนี้คือเท่าไร?
  • จำนวนหน้าที่น้อยที่สุดที่ฉันสามารถอัปลงเว็บได้คือเท่าใด?

สิ่งเล็กๆ เหล่านี้แหละที่ช่วยให้คุณประสบความสำเร็จได้ อย่าลืมว่าการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่มาจากการเริ่มต้นเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำในทุกวัน สิ่งสำคัญคืออย่าลืมว่าเป้าหมายไม่จำเป็นต้องยิ่งใหญ่ อาจเป็นอะไรเล็กๆ อย่างเช่นความสุขก็ได้ ถ้านั่นช่วยให้คุณมีความกระตือรือร้นในการเขียนให้จบ

 

“เป้าหมายการเป็นนักเขียนเหรอ เราไม่เคยตั้งเป้าหมาย เราไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องได้ตีพิมพ์ เธอจะต้องได้รับผลตอบรับที่ยอดเยี่ยม ต้องติดท็อปนะ ต้องมียอดวิวเป็นล้านเป็นแสน เราไม่เคยคิดเลย เราคิดแค่ว่า ฉันอยากเขียน ฉันลงนิยาย แล้วพวกคุณก็อ่าน แค่นั้น เรามีความสุขที่ได้เขียน และเรามีความสุขที่ได้อ่านคอมเมนต์ของนักอ่านทุกคน ไม่ว่าคอมเมนต์จะดีไม่ดียังไง เราก็มีความสุขอ่ะ คนที่คอมเมนต์มาไม่ดีเราก็มองข้ามไป ส่วนคนที่คอมเมนต์ดี เราก็เก็บมาเป็นกำลังใจให้ตัวเอง สู้ต่อไปในฐานะนักเขียนคนหนึ่ง” 

 

อ่านบทสัมภาษณ์: ม่านฟ้า

ผมไม่ได้มีเป้าหมายอะไรชัดเจนครับ นอกจากเราสนุก และอยากจะทำมันต่อไปเรื่อยๆ มันเป็นความสุขของเรา พอมาคิดว่ามันเป็นความฝันเหรอ...ก็ไม่ใช่ มันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ทำให้เรามีความสุขมากกว่า”

อ่านบทสัมภาษณ์ : จิ้งจอกทิวา 

 

 

เชื่อมั่นในตัวเองแล้วลงมือทำ
เชื่อมั่นในตัวเองแล้วลงมือทำ

 

#2: กำหนดผลลัพธ์ที่ชัดเจนรายวัน

สเต็ปนี้มักจะเป็นสเต็ปที่ยากที่สุด เราต้องตั้งเป้าหมายว่าสามารถเขียนได้กี่คำ / หน้าต่อวัน ไม่ต้องเยอะมาก ถ้าหากคิดจะทำเยอะๆ โปรดย้อนกลับไปอ่านข้อแรก เมื่อคุณได้เป้าหมายแล้ว จงซื่อสัตย์กับตัวเองและลงมือทำมัน คุณอาจจะใช้วิธีการตั้งเป้าหมายแบบ SMART GOAL ก็ได้ มันสามารถช่วยให้คุณเห็นภาพที่ชัดเจนมากยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญสำหรับสเต็ปนี้คือ คุณต้องมีวินัยมากๆ เพื่อความต่อเนื่องของการเขียน

  • คุณอาจจะลองกำหนดผลลัพธ์รายวันดังนี้
  • เขียนวันละ 500 คำต่อวัน
  • เขียนวันละ 1,000 คำต่อวันให้เสร็จภายใน 20.00 – 22.00 น.
  • เขียนให้ได้อย่างน้อยวันละ 3 หน้า

มันจะช่วยให้คุณรู้สึกดีเมื่อคุณทำสำเร็จ มีนักเขียนหลายคนที่ทำสำเร็จเพราะกำหนดจำนวนคำ จำนวนหน้า หรือช่วงเวลาที่เขียนชัด ไม่ต้องกังวลหากจำนวนคำน้อย แม้เพียงไม่กี่ร้อยคำต่อวันก็ยังเป็นจำนวนที่เหมาะสม ท้ายที่สุด 500 คำต่อวันคือ 15,000 คำในหนึ่งเดือน แค่นั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับนิยายขนาดสั้น หรือหากคุณต้องการหนังสือที่ยาวกว่านั้น คุณสามารถทำหนังสือ 60,000 คำให้เสร็จภายในสี่เดือน หรือคุณสามารถเขียนได้ 182,500 คำในหนึ่งปี ซึ่งเพียงพอสำหรับนิยายขนาดสั้นสามเรื่อง

แม้ตอนนี้จะเป็นเพียงแค่ 500 คำต่อวัน แต่เมื่อคุณเขียนจนคุ้นชินและลงตัว การเขียน 1,000 2,000 หรือ 5,000 คำต่อวันก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป มีนักเขียนหลายพันคนที่ทำสิ่งนี้ทุกวันในขณะที่ทำงานหรือเรียนเต็มเวลา เมื่อคุณสร้างนิสัยการเขียนได้อย่างมั่นใจ คุณจะค้นพบโอกาสมากมายในการเขียนเพิ่มเติมทุกวัน

“เหมือนช่วงแรกที่ผมมีคอมพิวเตอร์ใช่ไหมครับ ผมก็เขียนวันละเล็กวันละน้อย ไม่ต้องไปฝืนครับ คุณอย่าเพิ่งออกตัวแรงเลยว่าจะทำเป็นอาชีพหลัก โดยที่คุณไม่รู้ว่าข้างหน้าเป็นอะไร คุณต้องรักมันจริงๆ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่ารักจริงๆ เนี่ยมันเป็นยังไง ไม่มีใครบอกเราได้ว่าเรารักมันจริงๆ นอกจากตัวเราเอง คุณต้องรู้ตัวเองก่อนว่าเรารักมันจริงๆ ไหม”

 

อ่านบทสัมภาษณ์: ณ พรรณนา 

 

#3: จัดทำตารางการเขียน

หากคุณต้องการให้ปี 2021 เป็นปีแห่งการเขียนที่ดีที่สุด คุณต้องตั้งเป้าหมายการเขียนที่ตรงกับผลลัพธ์ในแต่ละวันของคุณ แค่นับจำนวนคำโดยเฉลี่ยไม่เพียงพอหรอก คุณจำเป็นต้องจัดทำผลลัพธ์นี้ให้เป็นตารางการเขียนและวางแผนสำหรับนิยายที่จะเขียนจบในปี 2021 ซึ่งหมายถึงการตอบคำถามง่ายๆ สองสามข้อ

  • ฉันสามารถอุทิศเวลาให้กับการเขียนทุกวันได้เท่าไร?
  • ฉันสามารถเขียนได้กี่คำในแต่ละครั้งที่เขียน?
  • ร่างที่สองและสามใช้จะเวลานานเท่าใด?
  • ความยาวเฉลี่ยของหนังสือที่ฉันต้องการคือเท่าไร?

คำตอบของคุณจะช่วยให้คุณเห็นภาพชัดเจนมากยิ่งขึ้นว่า คุณสามารถปิดต้นฉบับนิยายได้กี่เรื่องในเวลาหนึ่งปี เราอยากให้คุณตอบอย่างจริงใจมากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ เพราะสิ่งนี้จะช่วยให้คุณตั้งเป้าหมายการเขียนนิยายอย่างสมจริงสำหรับปี 2021 ตัวอย่างเช่น มีนักเขียนคนหนึ่งที่สามารถเขียนหนังสือได้ 6 เล่มใน 1 ปี

  • เธอใช้เวลา 2 ชั่วโมงในการเขียนต่อวัน วันละ 30 นาทีเป็นอย่างน้อย ถ้าหากเป็นช่วงวันหยุดจะเป็น 1 ชั่วโมงครึ่ง
  • เฉลี่ยจำนวนคำที่เขียนในแต่ละครั้งอยู่ประมาณ 1,500 คำ
  • ใช้เวลามากกว่าสองสัปดาห์ในการเขียนให้จบร่างที่สาม
  • หนังสือแต่ละเล่มที่เขียนจะอยู่ที่ประมาณ 25,000 ถึง 35,000 คำ เฉลี่ยจะอยู่ประมาณ 30,000 คำ

สรุปแล้วนักเขียนคนนี้จะใช้เวลา 40 วันในการเขียนนิยายแต่ละเรื่อง สำหรับคุณ จำนวนนิยายที่คุณเลือกเขียนไม่สำคัญ มันอาจเป็นนิยาย 12 เรื่อง 6 เรื่อง หรือแม้แต่ 1 เรื่อง สิ่งสำคัญคือการตั้งเป้าหมายที่ทำได้จริง ด้วยระยะเวลาที่คุณสามารถทุ่มเทให้กับการเขียนได้

นอกจากนี้เรายังอยากให้คุณทำตารางการเขียนในแต่ละครั้ง เพื่อช่วยให้คุณมองเห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น คุณอาจลองใช้ข้อมูลที่เรานำมาให้คุณก็ได้

  • เวลาที่เขียน (เช้า / กลางวัน / เย็น)
  • สถานที่เขียน (ออฟฟิศ / ร้านกาแฟ / รถไฟฟ้า)
  • สิ่งที่คุณเขียน (ชื่อบท)
  • ประเภทที่เขียน (outline / ร่างแรก / ร่างที่สอง)
  • เวลาทีใช้เขียนทั้งหมด
  • จำนวนคำทั้งหมดที่เขียน
  • จำนวนหน้าที่เขียน
  • สิ่งที่ช่วยคุณในการเขียนนิยายครั้งนี้

ทำสิ่งนี้ทุกครั้งเมื่อคุณเริ่มเขียนนิยายบทใหม่ ในตอนแรกอาจดูเหมือนงานยุ่งยาก ไม่จำเป็นต้องทำ แต่เมื่อทำไปสองสามสัปดาห์ คุณจะพบรูปแบบในการนับจำนวนคำ ซึ่งมันจะช่วยให้คุณจัดเวลาตัวเองได้ง่ายขึ้น คุณจะสามารถปิดต้นฉบับได้ในช่วงเวลาที่กำหนด

“ช่วงนี้เป็นนักศึกษาอยู่ค่ะ การแบ่งเวลามาแต่งนิยายเราก็จะแบ่งเวลาทำการบ้านก่อน แล้วค่อยมาแต่งนิยาย หลังจากเลิกเรียนเราจะตั้งเวลาไว้เลยว่าจะแต่งช่วงสองทุ่มถึงประมาณสี่ทุ่มของทุกวัน เพื่อฝึกนิสัยของเราให้แต่งนิยายได้ทุกวัน ถามว่าทำได้จริงไหม… มันจะเป็นช่วงเวลาอยู่แล้วค่ะ ทำไปเรื่อยๆ ก็กลายเป็นนิสัย พอทุ่มสองทุ่มก็จะมาเปิดคอมแต่งนิยาย พอไม่ได้แต่งนานๆ ก็จะรู้สึกอยากแต่ง ถ้าไม่ได้ทำก็รู้สึกเครียด การแต่งนิยายทำให้เราคลายเครียดได้จริงๆ”

 

อ่านบทสัมภาษณ์: เจ้าถั่วดำ 

 

กำหนดเวลาสำหรับเผยแพร่นิยายของคุณ
กำหนดเวลาสำหรับเผยแพร่นิยายของคุณ

 

#4: กำหนดเวลาเผยแพร่นิยายของคุณ

เมื่อคุณมีแผนคร่าวๆ สำหรับปี 2021 แล้ว ให้กำหนดวันเปิดตัวเบื้องต้นสำหรับนิยายแต่ละเล่ม (หรือถ้ามีหนึ่งเรื่องก็ไม่เป็นไร) จากนั้นใส่วันที่เหล่านี้ลงในปฏิทินที่คุณดูทุกวัน

ดังนั้นหากเป้าหมายปี 2021 ของคุณคือการเขียนนิยาย 12 เรื่อง คุณควรเตรียมเริ่มต้นสร้างและเปิดตัวงานเขียนทุกเดือน ในทางกลับกันหากคุณมีเป้าหมายระดับปานกลางคือนิยาย 3 เรื่องต่อปี คุณสามารถกำหนดเวลาเปิดตัวหนังสือได้ในช่วงปลายเดือนเมษายน สิงหาคมและธันวาคม ประเด็นนี้คือการวางนิยายของคุณลงในปฏิทินเพื่อให้คุณสามารถกำหนดเป้าหมายของแต่ละเหตุการณ์ได้ ซึ่งเราจะกล่าวถึงในขั้นตอนต่อไป

แต่ถ้าคุณไม่ได้มีแผนจะตีพิมพ์เป็นเล่มล่ะ? แค่อัปลงเว็บเด็กดีก็เพียงพอแล้ว แต่คุณจะอัปนิยายแบบชิวๆ ไม่ได้ คุณควรกำหนดเวลาอัปอย่างชัดเจนเพื่อสร้างวินัยให้กับตัวเองและทำให้นักอ่านติดเรื่องราวของคุณ เช่นจิ้งจอกทิวาที่เลือกอัปนิยายทุกวันอาทิตย์

 

ผมจะกำหนดไว้เลยว่าผมจะอัปเฉพาะวันอาทิตย์ เพราะฉะนั้นวันอื่นๆ ผมจะมีเวลาเขียน มันไม่ได้กระทบกับการเรียนผมเลยครับ มันจะมีเวลาให้ไปคิดว่าตรงที่เราแต่งไปแล้ว เราจะปรับปรุงไหม เราจะไปต่อยังไงได้บ้าง”

 

อ่านบทสัมภาษณ์: จิ้งจอกทิวา 

ย้ำอีกครั้ง สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้คือ
กำหนดวันที่ให้ตรงกับตารางเวลาและระดับการผลิตงานเขียนของคุณ

 

#5: สร้างขั้นตอนย่อยๆ แล้วลงมือทำ

“กินช้างทั้งตัวให้กินทีละคำ”

เชื่อว่าหลายคนคงเคยได้ยินสำนวนนี้มาก่อน เราคิดว่ามันเป็นเรื่องจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพูดถึงการเขียนนิยาย หากต้องการเขียนนิยายให้จบในปี 2021 คุณควรเตรียมตัวในการเขียนทุกวัน และจดจ่อกับเหตุการณ์สำคัญเล็กๆ น้อยๆ ไปพร้อมกัน คำแนะนำคือสร้างเป้าหมายย่อยๆ เพื่อเป็นแนวทางในความก้าวหน้าสำหรับนิยายแต่ละเรื่อง (หรือเรื่องเดียวก็ได้ ตามใจ) หยิบปฏิทินของคุณขึ้นมาแล้ววางแผนเลยว่าแต่ละช่วงเวลาจะจบลงที่ตรงไหน

  • เตรียมข้อมูล
  • เขียน outline
  • เขียนร่างแรก
  • รีไรต์ครั้งที่ 1
  • รีไรต์ครั้งที่ 2
  • เสร็จสิ้นการรีไรต์

นี่เป็นตัวอย่างคร่าวๆ เท่านั้น คุณสามารถปรับเปลี่ยนตามใจชอบได้เพื่อให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ หากว่าคุณมีแผนจะลงนิยายแค่บนเว็บเท่านั้น เราอยากให้คุณวางแผนให้รอบคอบมากขึ้น คุณควรต้องรู้ว่าอัปนิยายบทที่ 1 วันไหน บทถัดไปวันไหน เขียนจบ 10 บทแล้วอัปเลยมั้ย หรืออะไรยังไง วางแผนให้ดี

ที่แน่ๆ คือเราอยากให้คุณสม่ำเสมอกับมัน ทำไมรู้มั้ย? มันจะช่วยให้นิยายของคุณมีโอกาสติดท็อปในเว็บมากขึ้น ทีนี้คนอ่านงานเขียนของคุณจะได้เพิ่มขึ้นด้วย

 

ส่งต่อกลยุทธ์การติดท็อป!

  • อัปนิยายเมื่อไหร่ อย่าลืมแจ้งวันและเวลาอัปเดตกับนักอ่านเสมอ และต้องอัปให้ตรงเวลา เพราะนักอ่านรอเราอยู่
  • ควรเขียนนิยายไว้ล่วงหน้า จะได้กำหนดวันอัปนิยายได้ ถ้าเป็นนิยายที่เปิดเรื่องใหม่ ต้องไฟแรงหน่อย อัปทุกวันหรือวันเว้นวัน อย่างน้อย 1 ตอน
  • แต่ถ้าอยากติดท็อปเร็ว ปอปอแนะนำให้เขียนไว้เยอะๆ อัปไปเลยวันละ 2 ตอน ต่อเนื่องกันอย่างน้อย 7-10 วัน วิธีนี้ปอปอใช้แล้วเวิร์คที่สุด!
  • สำหรับนิยายขาย กลยุทธ์ของปอปอ คือเขียนล่วงหน้า 10 ตอน จากนั้นอัปนิยายรวดเดียว และเปิดขาย 3 ตอนจาก 7 ตอน เหมือนเป็นกลยุทธ์การขายให้คนอ่านค้าง จะได้ตามอ่านต่อจนจบ ข้อนี้เอาไปปรับใช้กันได้นะ

อ่านบทสัมภาษณ์: แมลงปอสีดำ 

 

บทเรียนคือการไม่ทิ้งโอกาสใดๆ เมื่อรู้ว่าตัดสินใจเขียนนิยายลงเว็บ
ย่อมหมายถึงมีโอกาสติดท็อปด้วย ดังนั้นเราจึงควรคว้าโอกาสนี้ไว้ 

ด้วยการทำตามขั้นตอนของการเขียนนิยายที่วางไว้ คุณสามารถติดตามการกระทำในแต่ละวันของคุณและหลีกเลี่ยงการไม่ทำตามแผน วินัยและความซื่อสัตย์สำคัญมากสำหรับเรื่องนี้

 

 

ไอเดียของคุณมีความหมาย อย่าให้อะไรมาหยุดคุณ
ไอเดียของคุณมีความหมาย อย่าให้อะไรมาหยุดคุณ

 

#6: อย่าให้อะไรมา “หยุด” คุณ

เห็นทีคำกล่าวของ ซิลเวีย แพลธ ที่ว่า “ศัตรูที่เลวร้ายที่สุดของความคิดสร้างสรรค์คือความสงสัยในตนเอง” คงเป็นจริง นักเขียนทุกคนมีความสงสัยในตัวเอง เขาอาจเปิดเผยให้คุณรู้หรือมันอาจเป็นความลับ แต่ความสงสัยนั้นมีตั้งแต่โครงเรื่องไปจนถึงความสามารถในการเขียนของพวกเขา ขอย้ำอีกครั้ง นักเขียนทุกคนมีความสงสัย!!!

กุญแจสำคัญคือคุณต้องรู้ว่า…
อะไรคือความกลัวที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความสงสัยหรือความรู้สึกไม่มั่นคงนั้น?

เมื่อคุณตอบได้ คุณจะรู้วิธีเอาชนะมัน โดยปกติเราเรียกความรู้สึกไม่มั่นคงเหล่านี้ว่า "ศัตรูในตัวเองที่กำลังบั่นทอนคุณค่าในตัวคุณ" ความรู้สึกไม่มั่นคงนั้นไม่ได้มีเพียงแค่ความสงสัย แต่ยังรวมไปถึงความเชื่อบางอย่างด้วย เช่น

  • ฉันจินตนาการไม่เก่ง
  • ฉันเขียนไม่ได้หรอก
  • คนต้องคิดว่างานเขียนของฉันไร้สาระแน่ๆ
  • ฉันเขียนห่วยแตกมาก ยอมแพ้แล้ว
  • ไอเดียของฉันน่าเบื่อมาก
  • ยุ่งเกินกว่าที่จะเขียนนิยาย
  • สำนวนแย่มาก เขียนไม่ได้หรอก
  • ไม่แน่ใจว่าเขียนนิยายได้ไหม
  • เขียนไปก็ไม่มีคนอ่านหรอก
  • อัปช้าแบบนี้ยังมีคนอ่านอีกหรอ

เมื่อคุณสังเกตเห็นความเชื่อเหล่านี้ที่เกิดขึ้น (และความรู้สึกจมดิ่งที่เกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้) คุณต้องมีแผนรับมือกับมัน สำหรับบางคนอาจจะเดินเล่นและปล่อยให้ตัวเองได้พักสักชั่วโมงหรือสองชั่วโมง หรือบางคนอาจหมายถึงการอ่านข้อเสนอแนะเชิงบวกที่คุณได้รับเกี่ยวกับงานเขียนของคุณ การโทรหาใครสักคนที่สามารถช่วยได้ หรืออาจหมายถึงการดูคลิปหรืออ่านบทความสร้างแรงบันดาลใจสำหรับการเขียน ทำอะไรก็ได้ที่ไม่ให้คุณดิ่ง แต่สร้างพลังให้คุณ 

ที่สำคัญเราอยากให้คุณรู้ไว้ว่าโลกภายนอกที่เราคิดว่าน่ากลัว อาจจะไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เราคิด เมื่อลงมือเขียนแล้ว คุณอาจพบว่ามีนักอ่านมากมายที่ตกหลุมรักงานเขียนของคุณ

 

เมื่อก่อนผมก็กลัวครับ แต่พอกลับมาแต่งอีกรอบ ก็รู้เลยว่าเราคิดมากไปเอง สำหรับคนที่ทิ้งนิยายไป ลองหาเวลาว่างสักวันในหนึ่งเดือน ไม่ต้องคิดถึงเรื่องเวลาว่างหรืองานประจำ ลองแต่งนิยายหนึ่งตอน อัปให้นักอ่าน เขาได้อ่านแล้วมีความสุข เราก็จะมีความสุขไปด้วยครับ”

 

อ่านบทสัมภาษณ์: ไอราวัณ 

แม้ในบางขั้นตอนคุณจะมีข้อสงสัยเกี่ยวกับงานเขียนของคุณ เคล็ดลับคืออย่าทิ้งงานเขียนของคุณ หมั่นเอาชนะความกลัวด้วยการเขียนต่อไปเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไปคุณจะมีความมั่นใจมากขึ้น และความสงสัยเหล่านี้จะไม่เพียงเกิดขึ้นไม่บ่อย แต่คุณจะจัดการกับมันได้ดีขึ้น

สำหรับคนที่ลังเลว่างานของเราจะมีคนอ่านไหม ผมแนะนำว่าให้ลองลงดูก่อนครับ สิ่งสำคัญของการเขียนนิยายไม่ได้สำคัญที่ว่าจะมีคนอ่านไหม จะดังหรือเปล่า จุดแรกที่ต้องผ่านเลยคือ คุณต้องลงมือเขียนก่อนครับ มีนักเขียนหลายคนที่เขาแต่งเรื่องสนุกมาก คนรู้จักผมเนี่ย แต่เขาไม่ได้ลงมือเขียน และพล็อตที่เขาแต่งมาสนุกๆ ก็อยู่แค่ในความคิดของเขา ผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่น่าเสียดายมากครับ ลงมือเขียนนั่นคือจุดเริ่มต้นครับ”

 

อ่านบทสัมภาษณ์: MelonpangS 

 

#7: สร้างนิสัยศึกษาด้วยตัวเอง 30 นาทีต่อวัน

สตีเฟ่น คิงกล่าวว่า “ถ้าคุณไม่มีเวลาอ่าน คุณจะไม่มีเวลาเขียน ง่ายๆ ก็แค่นั้น” ความหมายก็คือ ถ้าหากคุณไม่แบ่งเวลามาอ่านผลงานดีๆ ของคนอื่นอย่างตั้งใจริงจัง (ไม่ใช่แค่อ่านผ่านๆ) คุณจะไม่มีวันพัฒนาทักษะการเขียนนิยายได้เลย

แน่นอนว่าใครๆ ก็อยากได้เวลา เราเข้าใจว่าทำไมคุณอาจไม่มีเวลาพักผ่อนกับหนังสือดีๆ สักเล่ม เนื่องจากการอ่านส่งผลดีต่องานเขียนของคุณ เราจึงขอให้คุณจัดสรรเวลาอย่างน้อย 30 นาทีต่อวันสำหรับการอ่านและกิจกรรมการศึกษาด้วยตนเองอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น

  • อ่านหนังสือหรือบทความเกี่ยวกับการเขียน เดี๋ยวนี้มีข้อมูลในอินเตอร์เน็ตดีๆ ที่เต็มไปด้วยคำแนะนำที่สามารถนำไปใช้ได้จริง ซึ่งจะช่วยให้คุณปรับปรุงสำนวนการเขียน การวางโครงเรื่อง การสร้างพล็อต การเขียนตัวละคร เป็นต้น
  • อ่านหนังสือเกี่ยวกับการเป็นผู้ประกอบการ การพัฒนาตนเอง การสร้างธุรกิจและผู้ที่ประสบความสำเร็จ สิ่งเหล่านี้ไม่เพียงสร้างแรงบันดาลใจ แต่ยังสามารถสอนวิธีเปลี่ยนงานเขียนของคุณให้กลายเป็นรายได้เต็มเวลา
  • ใช้เวลา 5 นาทีในแต่ละวันเพื่ออ่านสิ่งที่นอกเหนือจากความสนใจส่วนตัวของคุณ หากคุณเป็นคนที่สนใจเรื่องวิทยาศาตร์ ลองอ่านเรื่องลี้ลับด้วยความเปิดใจ วิธีนี้จะช่วยให้คุณมองโลกผ่านมุมมองที่แตกต่างกัน
  • อ่านหนังสือในแนวของคุณเพื่อทำความเข้าใจว่าผู้แต่งคนอื่นเล่าเรื่องอย่างไร ใช้ตัวละครเพื่อให้มีส่วนร่วมกับโครงเรื่องอย่างไร หรือมีอะไรที่โดดเด่นแตกต่างจากสิ่งที่นิยมทั่วไป
  • อ่านหนังสือที่ไม่ใช่แนวของคุณ บางทีคุณอาจนำไอเดียที่ใช้ได้ผลในแนวนี้ไปใช้ในแนวของคุณ เช่น มีหลายคนที่บอกว่า House of Cards เหมือน Game of Thrones เวอร์ชันสมัยใหม่
  • ท้าทายตัวเองให้อ่านหนังสือคลาสสิก 100 อันดับแรกที่ควรอ่านก่อนตาย

เหมือนอย่างนักเขียนเด็กดีบางคนที่ประสบความสำเร็จ  เขาก็อ่านหนังสือก่อนที่จะหันมาเป็นนักเขียน หรือขนาดเป็นนักเขียนแล้วก็ไม่หยุดอ่านหนังสือ

จริงๆ ผมอ่านแต่แนวเกมออนไลน์ครับ อ่านแนวที่เขียนโดยตรงเลย เรื่องที่อ่านแรกๆ บนเว็บเด็กดีเลยก็ Endless Online ครับ ถ้าเป็นเล่มที่ชอบผมอ่านก็ Pride Online ของพี่มาซาลันครับ ที่ผมชอบอ่านแนวนี้ เพราะผมรู้สึกว่านิยายเกมออนไลน์มันสัมพันธ์กับชีวิตของผมครับ เพราะว่าผมก็เป็นเด็กคนหนึ่งที่ค่อนข้างจะติดเกมในสายตาคนอื่น เวลาที่ได้อ่านนิยายแนวนี้มันเลยรู้สึกดีเหมือนเราได้เข้าไปเล่นเกมด้วยจริงๆ  คือถ้าผมไม่ใช่เด็กติดเกมผมก็คงพัฒนาไปทำอย่างอื่นไม่ได้ มาเป็นนักเขียนก็ไม่ได้ เพราะผมคงไม่มีความรู้เรื่องเกมอะไรเลย”

 

อ่านบทสัมภาษณ์: DarkSAlone 

สิ่งสำคัญคือคุณต้องอย่าหยุดพัฒนาตัวเอง คุณต้องอย่าหยุดอ่าน อย่าหยุดศึกษา อย่าหยุดเรียนรู้ อย่าหยุดเขียน คุณต้องทำมันต่อไปเพื่อฝึกฝนทักษะการเขียนของคุณให้คมยิ่งขึ้น งานเขียนของคุณจะพัฒนามากขึ้น ที่สำคัญคุณจะภาคภูมิใจในตัวเองเมื่อทำสำเร็จ

“ถ้าเราอยากเขียนนิยายเป็นอาชีพ เราก็ต้องทำเวลา อัปเลเวลตัวเองไปเรื่อยๆ ครับ คือเราต้องค่อยๆ เก็บค่อยๆ สร้างสกิล มาเรื่อยๆ แล้วพอถึงจุดหนึ่งอ่ะมันก็จะขึ้นมาเอง แต่ว่าที่นี้อยู่ที่ว่าแพชชั่นของคุณ วิธีการพัฒนาตัวเองคุณน่ะมันเพียงพอหรือเปล่า คือให้วางแผนตัวเองให้ดีก่อนนะครับว่า ต่อไปเราจะต้องทำยังไงบ้าง  สำหรับคนที่อยากเป็นนักเขียนนะ ลองคิดดูดีๆ ว่ามันเป็นฝันของเราจริงหรือเปล่า แล้วถ้ามันป็นความฝันของเรา ถ้าไม่เริ่มเขียนนิยายตอนนี้เนี่ย จะเริ่มตอนไหน ถูกไหม ก็เริ่มได้แล้วครับ ไม่ต้องรอ ไม่ต้องรออะไรมาก เขียนเลย”

 

อ่านบทสัมภาษณ์: Whale Ink

หลังจากที่คุณอ่านหนังสือแล้ว เมื่อใดก็ตามที่คุณมีไอเดียดีๆ เราขอแนะนำให้เก็บไว้ในที่ส่วนกลางซึ่งสามารถเข้าถึงได้ตลอดเวลา อาจจะเป็นแอปที่คุณจดไอเดียเช่น Note หรือบาคนชอบจดในสมุด แต่ถ้าใครชอบเขียนในมือถือ เราขอแนะนำแอปนักเขียนเด็กดีให้คุณเลย ได้ไอเดีย จดเก็บไว้ พิมพ์เนื้อหาและกดเผยแพร่ นักอ่านได้อ่านทันที

 

 

แบ่งเวลามาอ่านหนังสือ ทำกิจกรรมที่ชอบ สร้างแรงบันดาลใจ
แบ่งเวลามาอ่านหนังสือ ทำกิจกรรมที่ชอบ สร้างแรงบันดาลใจ

 

#8: วินัย วินัย และวินัย!

รู้มั้ยว่าเคล็ดลับที่ทำให้นักเขียนประสบความสำเร็จคืออะไร? มันไม่ใช่สำนวนการเขียนที่ยอดเยี่ยม หรือพล็อตเรื่องที่ดึงดูดใจ แต่มันคือ “วินัย” ต่างหาก และคุณจะไม่มีทางประสบความสำเร็จได้เลยถ้าขาดวินัย มันสำคัญมากๆ สำหรับการปิดต้นฉบับให้จบในปี 2021

“เอิร์ธเชื่อว่านักเขียนสามารถเป็นอาชีพหลักได้ แต่จะมีรายได้เยอะแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับวินัยและความอดทนของแต่ละคน นักเขียนต้องมีวินัยกับตัวเองสูงมากๆ วันหนึ่งจะต้องเขียนให้ได้กี่หน้าถึงจะปิดต้นฉบับได้ตามเวลา ถ้าปีหนึ่งออกเรื่องใหม่ได้มากพอ นักเขียนก็จะมีรายได้ที่สามารถเลี้ยงตัวเองได้”

 

อ่านบทสัมภาษณ์: ล.โลกลัลล้า 

เมื่อคุณมีเป้าหมายในการเขียนและกำหนดเวลาในการเขียนอย่างชัดเจน โปรดยึดตามนั้น ทำให้มันกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของคุณ สังเกตดูว่าคุณเขียนนิยายได้ดีที่สุดในตอนกลางคืน หรือถนัดการทำมันเป็นสิ่งแรกในตอนเช้า ถามตัวเองว่า คุณเขียนหนังสือได้ดีที่สุดในร้านกาแฟหรือจ้องมองกำแพงที่ว่างเปล่า? สมองของคุณลื่นไหลเมื่อคุณเขียนท่ามกลางความเงียบหรือเมื่อคุณฟังเพลง? 

ค้นหาตัวเองให้เจอ แล้วสร้างวินัยให้ตัวเอง คุณอาจจะลองเทคนิค Pomodoro เพื่อสร้างวินัยในการเขียนก็ได้ 

การใช้เทคนิค  Pomodoro

  1. เลือกสิ่งที่จะทำ (เขียนนิยายไง!)
  2. ตั้งเวลาไว้ 25 นาที
  3. นั่งเขียนนิยายเป็นเวลา 25 นาทีอย่างไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ
  4. พัก 5 นาที อาจจะไปดื่มน้ำ เดินเล่นเบาๆ
  5. กลับมาเขียนนิยายต่ออีก 25 นาที
  6. หลังจากทุกๆ สี่ช่วง ให้หยุดพัก 15 ถึง 30 นาที

ดังนั้นเพื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกัน หากคุณเผื่อเวลาไว้ 120 นาทีสำหรับการเขียนด้วยเทคนิค Pomorodo ทุกวัน คุณจะต้องเขียนทั้งหมด 100 นาทีโดยมีช่วงพัก 5 นาที 3 ครั้ง
 

 

#9: อย่าให้วันแย่ๆ มาทำร้ายคุณ

“การเป็นนักเขียนที่แท้จริง หมายถึงความสามารถในการทำงาน
แม้ในวันที่เลวร้ายก็ตาม”

นอร์แมร์ เมลเลอร์ นักเขียนที่ได้รับรางวัลพูลิเซอร์กล่าวว่าอย่างนั้น นักเขียนทุกคนมีวันที่แย่ ยอมรับมันซะเถอะ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณควรยอมแพ้ มันหมายความว่าคุณอาจมีวันเขียนที่ดีกว่าในวันพรุ่งนี้

จูเลีย คาเมรอน นักเขียนหนังสือขายดี The Artist’s Way กล่าวว่า สิ่งที่กำหนดว่าคุณเป็นนักเขียนคือผลงานที่ปรากฏบนหน้ากระดาษ มันหมายถึงการเขียนนั่นแหละ! ไม่ว่าคุณจะปวดหัว เมาค้างหรือหัวเสียจากการเจอรถติดก็ตาม แต่คุณก็ต้องเขียน เพราะมันคือการทำงานที่ได้รับมอบหมาย คุณต้องรับผิดชอบต่องานเขียนของคุณและนักอ่านที่รอผลงานของคุณ หากคุณทำไม่ได้ คุณต้องกลับมาพิจารณาแล้วแหละว่า

คุณต้องเป็นนักเขียนแบบไหนถึงไม่ลงมือเขียน?

เราทุกคนมีชีวิตที่ยุ่งวุ่นวาย เรารู้ว่าคุณบางคนอาจเจอวันที่แย่ แล้วไงล่ะ? อย่าปล่อยให้สิ่งนั้นขัดขวางไม่ให้คุณเขียน 30 นาทีทุกวัน ไม่แน่นะ คุณอาจค้นพบว่าการเขียนจะช่วยเยียวยาคุณให้ดีขึ้นกว่าที่เคยเป็น

“พอได้มาเขียนนิยาย ได้คิดอย่างอื่นที่ไม่ใช่เรื่องป่วย ได้คิดว่าอยากแต่งนิยายแนวนี้ ได้คิดเรื่องนี้ อยากให้นิยายไปทางนี้ ตอนต่อไปทำยังไงต่อดี กลายเป็นว่าจะไปคิดเรื่องอื่นแทนที่ไม่ใช่เรื่องอาการป่วยของเราแล้วค่ะ มันก็เลยดีตรงนั้น ไม่หมกมุ่นเรื่องอาการป่วยมากเกินไปค่ะ

 

อ่านบทสัมภาษณ์: ดารา 

 

..................

 

ยังมีเวลาอีกมากในการผลิตเนื้อหาที่ยอดเยี่ยมในปีหน้า สิ่งที่คุณต้องทำคือทำวางแผนให้ชัดเจน ดูว่ามีเป้าหมายย่อยๆ อะไรบ้างที่คุณสามารถทำได้ เหนือสิ่งอื่นใด วินัยและความตั้งใจมุ่งมั่นเป็นสิ่งสำคัญ เราอยากให้คุณรู้ไว้เลยว่า อาชีพนักเขียนเป็นอาชีพที่มีเกียรติ คุณควรภาคภูมิใจที่ได้ทำมัน อย่ามองการเขียนเป็นเรื่องเล่นๆ เพราะไม่เช่นนั้นคุณอาจไร้แรงผลักดันในการเขียนเลยก็ได้ อยากให้มองว่ามันเป็นหนึ่งในความรับผิดชอบของคุณที่ต้องทำมัน ทีนี้เป้าหมายเขียนให้จบในปี 2021 ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป

“แต่นอกเหนือจากเรื่องของเงิน เราพบว่าอาชีพนักเขียนให้อะไรกับเราหลายอย่างเลยค่ะ ได้ระบายความฝัน ความคิด จินตนาการ ได้สร้างตัวตนในแบบที่เราอยากจะเป็นแต่ไม่สามารถเป็นได้ และที่ทำให้เรายิ้มได้ และยังมุ่งมั่นที่จะเขียนนิยายต่อไป ก็เพราะมีนักอ่านที่ติดตามผลงานของเรา ได้แรงบันดาลใจ มีความสุข และมีรอยยิ้มจากงานเขียนของเรา ถือเป็นเกียรติกับนักเขียนอย่างเรามากเลยค่ะ”

 

อ่านบทสัมภาษณ์: NRI_07042538

อย่าลืมว่าคุณเขียนนิยายเพื่ออะไร อย่าให้ความขี้เกียจ ความกลัว ความสงสัย หรือข้ออ้างมาทำลายคุณ สัญญากับตัวเองว่าคุณจะซื่อสัตย์และให้เกียรติตัวเองด้วยการรับผิดชอบความฝันบนเส้นทางนักเขียน คุณจะรับผิดชอบนักอ่านที่รอคอยคุณ คุณจะเขียนนิยายจบให้ได้ในปี 2021  เรารู้ว่าคุณทำได้ ถึงเวลาดึงศักยภาพของตัวเองออกมาได้แล้ว และเมื่อคุณทำสำเร็จ คุณจะรักและภาคภูมิใจในตัวเองมากกว่าที่เคยเป็น

“ถ้ามีใครที่อยากจะเป็นนักเขียนแล้วรู้สึกว่าเส้นทางไม่ได้ง่ายเลย ก็อยากจะบอกว่า ขอให้เขียนต่อไปอย่าเพิ่งหยุด เพราะในโลกนี้ไม่มีความพยายามใดที่สูญเปล่า ขอแค่เรายังไม่ยอมแพ้ สักวันมันจะต้องสำเร็จแน่นอนค่ะ”

 

อ่านบทสัมภาษณ์: ล.โลกลัลล้า 

 

พี่น้ำผึ้ง :)

 

 

พี่น้ำผึ้ง
พี่น้ำผึ้ง - Columnist นักเขียนที่ชอบส่งต่อพลังบวกให้ทุกคน

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

3 ความคิดเห็น

koosakul Member 1 ม.ค. 64 21:06 น. 1

ใช้เวลา 5 นาทีในแต่ละวันเพื่ออ่านสิ่งที่นอกเหนือจากความสนใจส่วนตัวของคุณ แย่หน่อยที่ผมอ่านได้ทุกอย่าง555

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด