สวัสดีค่ะชาว Dek-D เราเชื่อว่า 'ทุนรัฐบาลเกาหลีใต้' (GKS) น่าจะเป้าหมายหลักของน้องๆ ทีมเกาหลีหลายคน เพราะเป็นไม่กี่ทุนที่จัดเต็มแบบ full package เลือกมหาวิทยาลัยได้หลากหลาย และ "ไม่ต้องทำงานใช้ทุน" ด้วยเหตุนี้เลยทำให้ GKS มีอัตราการแข่งขันที่สูงมากค่ะ
และหลังจากวันก่อนเราชวนไปเปิดโพรไฟล์ & วิธีเตรียมตัวของ 3 นักเรียนทุนรัฐบาลเกาหลีใต้ ป.โท ปี 2021 กันแล้ว วันนี้จะพาไปคุยกับ 6 นักเรียนไทยที่ได้ทุนนี้ระดับ ป.ตรี กันบ้าง บอกเลยว่ามาหลายแนวมากกก มีทั้งคนที่ไม่ได้ยื่นคะแนนภาษาและไม่เคยทำกิจกรรมที่เกี่ยวกับเกาหลีด้วย แต่ก็มีวิธีการนำเสนอตัวเองที่น่าสนใจจนชนะใจกรรมการได้ ในนี้จะมีเล่าจัดเต็มตั้งแต่การเตรียมตัว, ปัจจัยที่ใช้เลือกหลักสูตร/มหาวิทยาลัย, ทริคเขียน Statement of Purpose (SoP), บรรยากาศตอนสัมภาษณ์ รวมถึงชวนแชร์วิธีฝึกภาษากับสิ่งที่ประทับใจจนอยากสมัครทุนนี้ให้ได้ ว่าแล้วก็ตามมาเก็บข้อมูลไว้เตรียมตัวให้พร้อมที่สุดแล้วลุยกันเลยค่ะ~~
[Gyeongbokgung palace free photo by lifeforstock, freepik.com]Unsplash
**สามารถศึกษาระเบียบการทุนรัฐบาลเกาหลีใต้ ป.ตรี ของปี 2021 ไว้เป็นแนวทางเตรียมตัวสมัครปีต่อไปได้ที่นี่ https://www.dek-d.com/studyabroad/56155/
ทุน GKS ครอบคลุมอะไรบ้าง?
- ค่าตั๋วเครื่องบิน (ไป-กลับ มอบให้แค่ตอนบินไปเรียนครั้งแรก และบินกลับหลังเรียนจบ)
- ค่าใช้จ่ายรายเดือน เดือนละ 900,000 วอน หรือประมาณเดือนละ 23,843 บาท
- ค่าใช้จ่ายสำหรับเรียนปริญญาตรีจนจบหลักสูตร
- ค่าตั้งรกราก 200,000 วอน (ประมาณ 5,314 บาท)
- คอร์สเรียนภาษาเกาหลี 1 ปี
- ค่าประกันสุขภาพ เดือนละ 60,000 วอน (ประมาณ 1,590 บาท)
- ถ้าสอบ TOPIK ได้ระดับ 5 หรือ 6 จะได้รับค่าใช้จ่ายเพิ่มอีกเดือนละ 100,000 วอน (ประมาณ 2,650 บาท)
- ค่าใช้จ่ายเมื่อสำเร็จการศึกษา 100,000 วอน (มอบให้สำหรับนักเรียนทุนที่บินกลับหลังเรียนจบ ส่วนคนที่อยู่เกาหลีต่อหลังเรียนจบจะไม่ได้รับ)
ข้อมูลสำคัญที่ควรรู้
- ใช้การยื่นเอกสารล้วนๆ ไม่มีสอบข้อเขียน เมื่อผ่านรอบเอกสารอาจได้สอบสัมภาษณ์จากสถานทูตหรือมหาวิทยาลัยที่ยื่นไว้
- แม้ว่าจะพิจารณาจากเกรด + เรียงความ (SOP) + แผนการศึกษา (Study Plan) เป็นหลัก แต่ถ้าหากน้องๆ มีผลสอบภาษาเกาหลี (TOPIK) หรือคะแนนภาษาอังกฤษแนบไปด้วยก็จะเพิ่มโอกาสมากขึ้น
__________
1
แนะนำตัวสักนิด
โพรไฟล์การศึกษา, เหตุผลที่สมัครทุนนี้
ไอซ์: สวัสดีค่ะ ชื่อ ‘ไอซ์ - ชัญญา แสงวิสุทธิ์ใส’ จบม.ปลายสายศิลป์-คำนวณ EIS จาก รร.สามเสนวิทยาลัย
- เกรดเฉลี่ยมัธยม 3.47 / เกรดเฉลี่ยมหาลัย (ตั้งแต่ปี 1- ปี 2 เทอม1) 3.81
- ยื่นคะแนนภาษา TOEIC 855 และ TOPIK กึบ 2
"จริงๆ หนูเรียนมหาลัยในไทยจนขึ้นปี 2 แล้ว แต่ตัดสินใจซิ่วออกมาเพราะรู้สึกยังไม่ใช่ตัวเอง และอยากเรียนต่อต่างประเทศด้วย ก็เลยลองหาทุนสมัครดูค่ะ ซึ่งทุนรัฐบาลเกาหลีก็เป็นทุนแรกที่นึกถึงเลย คิดว่าจุดเริ่มต้นน่าจะเหมือนหลายๆ คน นั่นคือชอบ K-POP กับซีรีส์เกาหลี แล้วเริ่มเรียนภาษาเพราะอยากฟังรู้เรื่องแบบไม่ต้องอ่านซับ พอยิ่งเรียนยิ่งสนุกและชอบอะไรเกี่ยวกับเกาหลีมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้คิดอยากไปเรียนที่นั่นจริงจัง จะได้พาตัวเองไปอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ได้ใช้ภาษาตลอดเวลาด้วย"
"ที่สำคัญเรามองว่าเกาหลีใส่ใจการศึกษามากกก การเดินทางก็สะดวกสบาย เทคโนโลยีทันสมัย เป็นอีกประเทศที่ฝันอยากไปอยู่ตลอดค่ะ"
พิม: สวัสดีค่าา ชื่อ ‘พิม - พิมพ์รวี ยรรยงเวโรจน์’ เรียนจบม.ปลายแผนศิลป์-คำนวณ English Program จาก รร.สตรีวิทยา ค่ะ ^^
- เกรดเฉลี่ย 3.58
- ยื่นคะแนนภาษา IELTS 6 กับ TOPIK 3
"เหตุผลเดียวกับไอซ์เลยค่ะ 5555 ทุกอย่างเริ่มต้นจากการชอบศิลปินเกาหลีวง EXO มาตั้งแต่ ม.1 เลยลองไปเสิร์ชหาข้อมูลเกี่ยวกับเกาหลี ทั้งวัฒนธรรม อาหารการกิน ประวัติศาสตร์ ภาษา ฯลฯ รู้สึกชอบอะไรหลายๆ อย่าง ยิ่งตอนปิดเทอม ม.1 บินไปต่างประเทศครั้งแรกก็คือที่เกาหลีอีก หลังจากกลับก็ตัดสินใจเริ่มเรียนภาษาเกาหลีด้วยตัวเองมาเรื่อยๆ แล้วหาที่เรียนพิเศษตอน ม.6 เพื่อไปสอบ TOPIK ระหว่างนั้นได้ไปเรียนภาษาเกาหลีอีก 1 เดือน แล้วมองหาทุนไปเรียนต่อต่างประเทศโดยเน้นไปที่เกาหลีค่ะ"
ไนท์: สวัสดีค่ะ ชื่อ 'ไนท์ - พรรณทิวา เชื้อบัณฑิต' เรียนจบสายศิลป์-ฝรั่งเศสจาก รร.วัฒโนทัยพายัพ จ.เชียงใหม่ค่ะ
- เกรดเฉลี่ย 3.74
- ยื่นคะแนนภาษา TOEIC กับคะแนนภาษาฝรั่งเศส DELF ระดับ A2
"เราโดนตกเพราะซีรีส์เจ้าหญิงวุ่นวายกับเจ้าชายเย็นชา กับวง Super Junior ค่ะ >< ประทับใจจนคิดว่าภาษาเค้าน่าเรียนดีนะ~ แต่ก็ได้แต่ฝันไปก่อนเพราะพอไม่ได้อยู่ในเมืองแล้วหาเรียนเกาหลียากมากกกก จนมีเน็ตก็ได้เริ่มเสิร์ชดูเล่นๆ มีที่ยึดเหนี่ยวจิตใจเป็นศิลปินกับรายการวาไรตี้ ซึ่งจริงๆ เราเรียนป.ตรีเอกฝรั่งเศสไปจนปี 3 แล้วด้วยค่ะ แต่รู้สึกมันไม่ใช่สิ่งที่เรารักจริงๆ (เจอโควิดพอดีด้วยแหละ) พอมาเจอทุนรัฐบาลเกาหลีที่ให้เต็มจำนวน ก็ลองสมัครดูแม้เวลาจะกระชั้นไปนิดนึงงง 5555"
ขิม: สวัสดีค่ะ ชื่อ ‘ขิม - ณัฐมนต์ ครูส่ง’ เรียนจบศิลป์-คำนวณเน้นภาษาอังกฤษ (Intensive Program) ที่ รร.หอวังค่ะ
- เกรดเฉลี่ย 3.07
- ยื่นคะแนนภาษา TOPIK 5
"เริ่มชอบเกาหลีเพราะติดใจซีรีส์กับรายการวาไรตี้ของเค้าค่ะ คอนเทนต์สนุกแล้วยังมีซับไตเติลให้เราซึมซับภาษากับวัฒนธรรมแบบอ้อมๆ ได้อีก ทีนี้หลังจบมัธยมเลยมี gap year เพื่อค้นหาตัวเองก่อน ตัดสินใจขอที่บ้านไปเรียนสถาบันภาษาของ ม.ยอนเซ (Yonsei Korean Language Institute: YSKLI) โดยเริ่มเลเวล 2 แล้วเรียนยาวๆ จนจบเลเวล 6 เลย คิดว่าไหนๆ เริ่มมาขนาดนี้แล้วก็เลือกเรียนต่อมหาลัยนี้เลยดีกว่า ก็เลยลองสมัครไปค่ะ"
มิ้น: สวัสดีค่ะ ชื่อ 'มิ้น - มนัสชนก วรสิทธิ์ขจร' เรียนจบม.ปลายสายวิทย์-คณิต โรงเรียนอุดรพิทยานุกูลค่ะ ยื่นรูปแบบ University Track เลือกสาขา College of Engineering Dept. of Computer & Information Security ที่ Daejeon University (DJU)
- เกรดเฉลี่ย 3.43
- ไม่ได้ยื่นคะแนนภาษา
"ส่วนหนูเองสนใจด้าน IT และเริ่มเรียนสาขา Faculty of Science Information Technology ที่ ม.ขอนแก่นไปแล้วเทอมนึง พอตอนหลังถึงรู้ว่าประเทศเกาหลีมีหลักสูตรวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยี แล้วเป็นสถาบันที่ขึ้นชื่อเรื่องงานวิจัย เทคโนโลยีทันสมัย และสร้างบุคลากรเก่งๆ ในวงการออกมาเยอะ ซึ่งถ้ามองในภาพใหญ่อุตสาหกรรมด้านวิทยาศาสตร์และวิศวกรรมของเกาหลีคือปังมากค่ะ เค้าพัฒนาไปไกลจนเราอยากไปเรียนป.ตรีด้านนี้ที่เกาหลี เลยตัดสินใจขอทุนรัฐบาลที่ให้แบบเต็มจำนวน"
สาลี่: สวัสดีค่ะ ชื่อ ‘สาลี่ - บุณยานุช เกตุบุญลือ’ เรียนจบม.ปลายสายวิทย์-คณิตที่โรงเรียนสตรีเศรษฐบุตรบําเพ็ญค่ะ ยื่นรูปแบบ University Track สาขา Food Science and Nutrition ที่ Pusan National University
- เกรดเฉลี่ย 3.73
- ยื่นคะแนนภาษา IELTS Band 6.5 กับ TOPIK 6
"ต้องเล่าก่อนว่าหนูเรียนมหาลัยด้านเทคโนโลยีอาหารมาก่อน แต่ตัดสินใจสมัครทุนในสาขา Food Science and Nutrition เพราะสนใจเรื่องอาหาร สุขภาพ และวิถีชีวิต มากกว่าด้านอุตสาหกรรม อีกอย่างหนูมองว่าเกาหลีเป็นประเทศที่มีแนวปฏิบัติเข้มงวดเกี่ยวกับความปลอดภัยอาหาร ผลิตภัณฑ์ของประเทศเขาก็แพร่หลายไปทั่วโลกด้วย จึงคิดว่าการไปเรียนต่อสายนี้ที่เกาหลีคือโอกาสที่ดีค่ะ"
__________
2
ทีม Embassy Track
จัดอันดับยังไงบ้าง? เพราะอะไร?
ไอซ์:
- Kyung Hee University - Department of Applied English Interpretation and Translation (*เลือกอันดับนี้)
- Yonsei University - Korean language & Culture Education
- Pusan National University - Department of English Language and Literature
ส่วนตัวหนูชอบเรียนภาษาอยู่แล้ว และสนใจล่าม/การแปลด้วย ก็เลยตัดสินใจเลือกคณะนี้เพื่อให้ได้เรียนทั้งภาษาอังกฤษและเกาหลีพร้อมๆ กัน ดังนั้นหนูต้องเขียนอธิบายใน SoP และเล่าให้กรรมการฟังเยอะมากว่าทำไมถึงอยากมาเรียนภาษาอังกฤษที่เกาหลี มียกตัวอย่างไปเยอะมากว่าตอนนี้มีสื่อบันเทิงเกาหลีโด่งดังไปทั่วโลก อย่างวง BTS หรือหนัง Parasite ที่คว้ารางวัลออสการ์ และซีรีส์ที่ฮิตในหลายประเทศ ซึ่งยังต้องการนักแปลจากต้นฉบับไปสู่ภาษาสากล เพื่อให้ผู้ชมได้รับสารถูกต้องและความหมายผิดเพี้ยนจากภาษาแม่ให้น้อยที่สุด (ลงดีเทลล์เยอะมากแต่คร่าวๆ ประมาณนี้ค่ะ)
ส่วนที่เลือก ม.คยองฮี ไว้อันดับ 1 เลยเพราะเป็นม.เดียวที่มีคณะนี้ แล้ว rank ยังติด Top10 มีดาราดังๆ เป็นศิษย์เก่าที่นี่เยอะมากรวมถึง ‘มุนแจอิน’ ประธานาธิบดีคนปัจจุบันของเกาหลีก็จบที่นี่ด้วย
พิม: ของหนูเลือกมหาลัยในปูซาน 2 แห่งคือ Pusan National University กับ Busan University Of Foreign Studies และมหาวิทยาลัยในโซลอีก 1 แห่ง คือ Konkuk University
หลักๆ เลือกจากวิชาที่เปิดสอนและบังคับเรียน ดูว่าน่าจะตอบโจทย์เรามั้ย โดยคณะที่เราเลือกทั้ง 3 แห่งคือด้านประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมหมดเลย เพราะอย่างที่บอกว่าตั้งแต่ชอบเกาหลี เราก็ไปค้นข้อมูลประเทศมาเยอะมาก รู้สึกทั้งสนุกและน่าตื่นเต้น แล้วเรายังสนใจวัฒนธรรมยุคก่อนๆ ในเกาหลีและของต่างประเทศด้วยค่ะ
ไนท์:
- สาขา Korean Language & Literature คณะ คณะ Liberal Arts ที่ Yonsei University (*เลือกอันดับนี้)
- สาขา Journalism and Visual Communication คณะ Communication ที่ Keimyung University
- สาขา Korean Language & Literature คณะ College of Humanities and Liberal Arts ที่ Daegu University
ส่วนตัวสนใจด้านภาษาศาสตร์ (Linguistic) อยากเรียนทั้งด้านวรรณกรรมกับสายแปล แต่อันดับสองแอบไปทาง Mass Comm. เพราะรู้สึกโปรดักชันของเกาหลีน่าสนใจดี ส่วนมหา’ลัยเรานั่งอ่านรีวิวกับดูคลิปในยูทูบแล้วรู้สึก ม.ยอนเซดูสิ่งแวดล้อมดีและมีความเป็น international มากๆ ค่ะ
ขิม:
- คณะ Business Administration ที่ Yonsei University (*ได้อันดับนี้)
- คณะ Liberal Arts & Social Science Business Administration ที่ Hanyang University
- คณะ College of Business Administration ที่ Hannam University Humanities & Social Science
ตอนแรกลังเลมากว่าจะไปสายโฆษณาแบบแนวนิเทศฯ หรือธุรกิจดี แต่ช่วงที่ก่อนที่จะเรียนจบสถาบันภาษาแล้วต้องทารีเสิร์ช 1 เรื่อง เลยเลือกทำเรื่อง “โฆษณาแฝงในสื่อเกาหลีและการยอมรับของผู้บริโภค” มันเหมือนอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 ฝั่งนี้พอดี พอได้ชั่งน้ำหนักก็รู้สึกตัวเองจะเหมาะกับทาง Marketing มากกว่า เลยเลือกไปทั้ง 3 อันดับเลยค่ะ
ส่วนที่เลือก ม.ยอนเซเพราะจากที่ได้เรียนภาษามา เราเห็นว่าเค้าจัดสภาพแวดล้อมสำหรับนักศึกษาดีมาก เน้นทั้งเรื่องเรียน+ชีวิตมหาวิทยาลัย มีครบทั้งสิ่งอำนวยความสะดวก ชมรม กิจกรรม แล้วยังมีงานแข่งขันกีฬาครั้งใหญ่ระหว่าง ม.ยอนเซ กับ ม.โคเรีย (연고전) แล้วยังมีเทศกาล Akaraka (아카라카) ที่จะมีนักร้องไอดอลต่างๆ มากันเยอะมาก น่าเสียดายปีนี้อดเพราะโควิด (ช่วงปี 1 มหาลัยจะมีแบ่งเป็นบ้านๆ ในหอของ International Campus ให้ฟีลเหมือนใน Harry Potter ด้วยนะคะ มีรุ่นพี่ดูแลและจัดกิจกรรมให้)
__________
3
ว่าด้วย SoP & Portfolio
(เทคนิคและผลงานที่หยิบมาเล่า)
Note: อ้างอิงจากระเบียบการทุนรัฐบาลเกาหลีใต้ป.ตรีปี 2021 ผู้สมัครจำเป็นต้องส่ง Personal Statement (SoP) และ Study Plan แต่ Portfolio (เกียรติบัตรรางวัล) เป็น optional ส่งหรือไม่ก็ได้ค่ะ
1. Statement of Purpose (SOP) = เรียงความ/บทความที่ทำให้มหาวิทยาลัยรู้จักเรามากขึ้น (อ่านเพิ่มที่นี่)
2. Study Plan = แผนการศึกษา เน้นแสดงให้เห็นว่าเราวางแผนชีวิตในอนาคตไว้เป็นระบบแล้ว ทำให้กรรมการมั่นใจได้ว่าถ้าเราได้ทุนเข้าไปเรียน เราจะมีศักยภาพมากพอที่จะเรียนจบอย่างมีคุณภาพ (อ่านเพิ่มที่นี่)
ไอซ์:
- เขียนเรียงความ SoP ให้เป็นตัวเองจะดีที่สุด เน้นเล่าข้อดี/ความสามารถ/ผลงานของเราลงไปเยอะๆ ให้เค้ารู้สึกว่าเรา deserve ที่จะได้ทุนนี้ ถึงจะไม่มีใบประกาศฯ หรือไม่ใช่กิจกรรมวิชาการก็ใส่ลง SoP ได้ เพราะมันแสดงให้เห็นว่าเรามีทักษะการเข้าสังคม ทำงานกับผู้อื่นได้ และสนใจอย่างอื่นนอกจากการเรียนด้วย
- ควรเขียนว่าถ้าเราได้ทุนแล้วจะทำประโยชน์อะไรให้ประเทศชาติได้บ้างทั้งที่เกาหลีและไทย อาจต้องใส่ความเล่นใหญ่หน่อยเพราะเค้าเอาเงินมาลงทุนกับเรา เขียนอนาคตให้ชัดเจน ดูมีเป้าหมายในชีวิต เขียนแรงจูงใจและความตั้งใจว่าทำไมอยากเรียนเกาหลี ทำไมต้องที่นี่ไม่่ใช่ประเทศอื่น
- เราไม่ได้ทำ Portfolio เลย ตอนแรกกะจะยื่นรอบสัมภาษณ์ แต่เป็นออนไลน์ก็เลยไม่ได้ใช้ค่ะ มีส่งไปแค่ใบที่ได้จากการไปทำงานอาสามัคร (volunteer), ใบ Certificate เข้าร่วมคอร์สเรียนภาษาที่ต่างประเทศ กับรางวัลเข้าร่วมการแข่งขันตอบปัญหาวิชาการเข้ารอบระดับประเทศ
พิม:
- เราเองก็พยายามเขียนโดยใส่ความเป็นตัวเองเข้าไปเยอะๆ ให้กรรมการรู้จักเรา และอยากรู้จักมากขึ้น แต่ที่สำคัญคืออธิบายเหตุผลที่อยากยื่นทุนนี้และเลือกคณะกับมหา’ลัยนี้ โดยเชื่อมโยงกับความสนใจของเราเอง หลักๆ คือเขียนจากใจมากกว่าค่ะ 55555 ประมาณว่าเขียนให้เห็นความตั้งใจเราชัดๆ
ไนท์:
- เรามีเล่าไปว่าเคยแข่งภาษาฝรั่งเศสและงานศิลปหัตถกรรม 2 ครั้ง ครั้งนึงประกวดโครงงานภาษาฝรั่งเศส (ได้ที่ 2) และพูดจากภาพเป็นภาษาฝรั่งเศส (ได้ที่ 1 ประเทศ, แข่งเป็นคู่) ถึงจะไม่มีผลงานเกี่ยวกับเกาหลีเลย แต่หนูยกแพสชันมาเป็นจุดแข็ง เพราะเราชอบเรียนภาษามาตั้งแต่เด็กๆ ที่บ้านก็สนับสนุนโดยให้เรียนพิเศษภาษาอังกฤษตั้งแต่ ป.1-2 ครูก็พาไปแข่งจนยิ่งรักทางนี้ ยิ่งพอชอบ K-POP ก็ส่งเสริมกันไปหมดเลยค่ะ แสดงให้เห็นว่าเราปรับตัวกับการเรียนภาษาได้ดี คิดว่าที่ได้ทุนอาจจะเพราะทัชใจเขามั้ง
- การเขียนเรียงความ SoP อันดับแรกคือเลือกคณะก่อน + เขียนว่าทำไมถึงเลือก เหตุผลที่สนใจด้านนี้ แสดงให้เขาเห็นความตั้งใจว่าเราอยากเข้าจริงๆ pay attention หาข้อมูลเยอะๆ เพราะแต่ละม.มีเอกลักษณ์ที่ต่างกันค่ะ ส่วน Study Plan จะช่วยให้กรรมการรู้จุดมุ่งหมายของเรา เขียนแพลนในอนาคตว่าถ้าได้ทุน ช่วงที่เรียนภาษาเราจะทำอะไร เช่น ทำกิจกรรมหรือศึกษาเพิ่มทางไหน หลังจบ ม.นั้นจะทำอะไรต่อ แพลนอนาคตไว้หมดเลย
- เวลาเขียนเราจะคิดเป็นภาษาไทยในหัว แต่เขียนออกมาเป็นภาษาอังกฤษเลย เพราะถ้าร่างเป็นภาษาไทยก่อนอาจจะคิดคำที่สื่อออกมาได้ไม่ตรง และแกรมมาร์สองภาษานี้ก็ไม่เหมือนกันด้วย // อยากให้ใช้เวลากับเรียงความเยอะๆ ไม่ใช่แค่วันสองวัน เราเองใช้เวลาไปเกือบ 2 วีค อ่านใหม่หลายๆ รอบ
ขิม:
- อธิบายว่าการเรียนในมหาลัยและคณะนี้จะตอบโจทย์หรือช่วยให้เราไปถึงเป้าหมาย (ทั้งระยะสั้นและระยะยาว) ได้ยังไงบ้าง เน้นเขียนให้เป็นตัวเอง โชว์ให้เห็นว่าอะไรคือจุดเด่นของเรา ซึ่งจริงๆ ไม่ไ่ด้จำกัดแค่ด้านวิชาการอย่างเดียว แต่สามารถเน้นเรื่องมุมมอง ความคิด และแพสชันของเรา เพื่อให้กรรมการเห็นเป้าหมายเราได้ชัดเจนมากขึ้น
- เราเขียน SoP โดยค่อยๆ เลือกแต่ละ Episode มา แล้วเน้นเล่าเรื่องจากช่วงเวลาต่างๆ เหล่านั้นค่ะ เช่น ช่วงที่ไปแลกเปลี่ยนที่เยอรมนี ต้องปรับตัวหรือ mindset อะไรให้เข้ากับโฮสต์แฟมิลี่ได้ดีขึ้น กิจกรรมต่างๆ ในและนอกห้องเรียน หรือแม้แต่การค้นคว้าด้วยตัวเองสำหรับยุคนี้ที่ทำได้ง่ายมาก ไม่ว่าจะสนใจอะไรก็สามารถหามาลองเรียนเองได้เลย แม้จะไม่ได้ตรงสายอยู่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะส่วนตัวคิดว่าตรงนั้นคือตัวช่วยสร้างจุดต่างให้เรา
**ฝากถึงน้องๆ ที่อยากรู้วิธีการเรียนการสอน เนื้อหาต่างๆ ในมหาลัยว่าจริงๆ เป็นยังไง สามารถเข้าไปดูที่ K-MOOC ได้นะคะ
มิ้น:
- เนื่องจากมิ้นยื่นทุนนี้โดยใช้แค่เรียงความ ไม่ได้ยื่นคะแนนภาษาอะไรเลย เลยคิดว่าต้องทำการบ้านหนักหน่อย ทริคส่วนตัวคือเริ่มจากการคิดก่อนว่าจะทำยังไงให้กรรมการอ่านแล้วลืมเรื่องที่เราไม่มีคะแนนภาษาไปเลย และจำชื่อของเราได้ จนเค้าสนใจเลือกเรา นั่นคือการเปิดเรื่องอย่างน่าสนใจแล้วจบอย่างประทับใจ ให้เรียงความถ่ายทอดความเป็นตัวเรา และไม่ซับซ้อนจนคนอ่านเข้าไม่ถึง
- แล้วด้วยความที่มิ้นเรียน ป.ตรีมาแล้ว ก็เลยเน้นเล่าเรื่อง gap year ว่าทำไมไม่สมัครนี้ตั้งแต่จบ ม.ปลาย ที่สำคัญคืออธิบายว่าทำไมสนใจเกาหลี มีความรู้เกี่ยวกับสาขาที่เรียนยังไงบ้าง ทำให้กรรมการทราบว่าถ้าเราได้ทุนนี้ จะทำประโยชน์ให้ไทยและเกาหลีใต้ในแง่มุมไหนบ้าง ส่วนผลงานเราส่งเป็นโปรเจกต์การเขียนโปรแกรม Python ที่ทำตอนเรียนเทอม 1 ที่ไทยก่อนซิ่วออกมาค่ะ
สาลี่:
- สิ่งที่สำคัญคือการลองสวมบทบาทตัวเองเป็นกรรมการ เพื่อมองให้ออกว่าว่าเขาอยากรู้อะไรจากคำถามนั้นๆ เช่น ถ้าให้เขียนถึงกิจกรรมช่วงมัธยมปลาย คือต้องเขียนประสบการณ์ที่ได้เติบโตหรือเอาชนะอุปสรรคและผลที่ประสบความสําเร็จหรือสิ่งที่ได้เรียนรู้ค่ะ อาจเป็นงานโปรเจกต์ กิจกรรมอาสาสมัคร ฯลฯ และอีกอย่างคือเขียนความคิดตัวเองพร้อมเหตุผลที่ทำให้เราคิดหรือทำเช่นนั้น (*กิจกรรมและรางวัลต่าง ๆ จะเป็นวัตถุดิบที่ดีเลิศใน Personal Statement ค่ะ เราเองมีใส่รางวัลรองชนะเลิศการแปลภาษาเกาหลี, ทำงานเป็นกรรมการนักเรียน และเข้าอบรมต่างๆ )
- แนะนำให้ลองศึกษาสิ่งที่ควรระวังและทริคการเขียนให้น่าอ่านและลื่นไหลจากช่อง YouTube ทั้งหลาย อาจหาสัก 3-4 ช่องที่อธิบายแล้วเราเข้าใจ เพราะส่วนตัวได้เห็นข้อแก้ไขจากที่เคยสมัคร KGSP2019 (Embassy Track) แล้วได้แนวทางการเขียนเยอะมากๆ จากวิธีนี้
- ส่วนตัวคิดว่าสาเหตุที่ติดขัดตอนเขียน Personal Statement และ Study Plan ก็คือ 1. รู้ข้อมูลเกี่ยวกับสาขานั้นยังไม่เพียงพอ 2. ยังไม่ใช่สาขาที่เราอยากเรียนจริงๆ แนะนำให้ใช้เวลาศึกษาหาข้อมูลเกี่ยวกับสาขาที่จะยื่นให้ละเอียดเลย อาจลองพูดคุยกับพี่ๆ มหาลัยเกี่ยวกับหลักสูตรและอนาคตของสาขานั้นๆ ก็ได้ เพราะโครงหลักสูตรมีส่วนใกล้เคียงอยู่ค่ะ (เราจะต้องอยู่กับสาขานี้ไป 4 ปีเต็มๆ เพราะทุนมีข้อกําหนดว่าไม่สามารถย้ายสาขาได้ค่ะ)
__________
4
รีวิวบรรยากาศสัมภาษณ์
ภาษาที่ใช้, การเตรียมตัว
ไอซ์:
- สัมภาษณ์ผ่าน Zoom เป็นภาษาอังกฤษ แต่กรรมการให้แนะนำตัวภาษาเกาหลี
- เราเตรียมตัวตั้งแต่เห็นรายชื่อว่าผ่านรอบแรกค่ะ หาคำถามจากในเน็ตมาเยอะมากๆ ดูคลิปรุ่นพี่ที่ได้ทุนแล้วมารีวิว คิดคำถามเอาไว้ พอถึงวันสัมภาษณ์คือตื่นเต้นหนักมากกก รีบตื่นเช้ามาแต่งตัว แต่งหน้า เซ็ตกล้อง เซ็ตไฟ อยากให้ออกมาดูดีที่สุด 5555
พิม:
- เราได้สัมภาษณ์เป็นภาษาเกาหลีทั้งหมดเลยค่ะ
- ก่อนถึงเวลาเราทั้งเกร็งและกลัวสุดไรสุด พยายามตั้งสติลิสต์คำถามและคำตอบคร่าวๆ ไว้ล่วงหน้าทั้งภาษาอังกฤษและเกาหลี พอถึงเวลาจริงๆ บรรยากาศไม่ได้ตึงเครียดอย่างที่คิด
ไนท์:
- สัมภาษณ์ผ่าน Zoom มีสัมภาษณ์ 2 รอบเป็น Embassy Track กับมหาวิทยาลัย (มหาลัยมีโอกาสที่จะสัม/ไม่สัมค่ะ) พูดภาษาเกาหลีนิดเดียว น่าจะ 2% มั้ง 55555 ผสมๆ กันไปค่ะ
- เค้าจะมีแจ้งและนัดหมายล่วงหน้าให้เราเตรียมตัว เราเจอคำถามเกี่ยวกับความตั้งใจและสิ่งที่เราเขียนใน SoP ตอนนั้นเราเตรียมตัวเต็มที่มากกก เพราะดร็อปมหาลัยมาเพื่อสิ่งนี้เลยยย เก็งคำถามไว้ก็ไม่ตรง ลนอีกต่างหาก แต่บรรยากาศผ่อนคลายนะคะ กรรมการไม่ทำให้เรารู้สึกกดดันเลย
ขิม:
- สัมภาษณ์ 1 ครั้งผ่าน Zoom ส่วนใหญ่เป็นภาษาอังกฤษ มีแนะนำตัวและคำถามภาษาเกาหลีนิดหน่อย คิดว่าน่าจะเพราะเขียนเอกสารส่งไปเป็นภาษาเกาหลี + ยื่นแค่คะแนนเกาหลีอย่างเดียว เลยโดนเป็นภาษาอังกฤษ
- ก่อนถึงวันสัมภาษณ์ เราคิดว่าช่วงเปิดน่าจะช่วยสร้าง first impression ที่ดีกับกรรมการได้ เลยเน้นคำที่จะพูดตอนเปิดแนะนำตัวค่ะ คิดอยู่นานมากกว่าจะพูดไงให้ดูแตกต่างดี สุดท้ายเลยเปิดด้วยการพูดเป้าหมายในชีวิตของตัวเองออกไปก่อนเลย
มิ้น:
- ของหนูเป็น University Track เจอสัมภาษณ์ 1 รอบกับมหาวิทยาลัยเป็นภาษาอังกฤษปนเกาหลีนิดๆ
- มหา'ลัยที่เลือกไว้เค้าจะส่งอีเมลมานัดหมายวันเวลาสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ก่อนหน้านั้นมิ้นไปสอบรายละเอียดบ่อยมากกทุกสัปดาห์เลย (เค้าก็เหมือนกัน) แนะนำว่าถ้าสงสัยอะไรโทรได้เลยนะคะ
- เราเตรียมตัวเกี่ยวกับหลักสูตรว่าเรามีพื้นความรู้ด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยียังไงบ้าง นอกจากนั้นก็เป็นคำถามทั่วไปเกี่ยวกับตัวเรา ไม่ยากเลย ดังนั้นไม่ต้องกังวลค่ะ ให้ตั้งสติ ค่อยๆ พูดช้าๆ ชัดๆ
สาลี่: (ไม่ได้มีการนัดสัมภาษณ์)
__________
5
รีวิวเรียนปรับภาษา/ปี1เทอม1
ไอซ์: ตอนนี้หนูเรียนปรับภาษาอยู่ที่ Daegu University ที่จังหวัดแดกูค่ะ การเรียนการสอนที่นี่จะใช้หนังสือของม.โซล (서울대 한국어) เรียนวันละ 4 ชั่วโมง เรียนครบทุกทักษะเลยทั้งการฟัง พูด อ่าน เขียน เป็นคลาสเล็กๆ ประมาน 10-15 คน ทำให้ครูดูแลทั่วถึง หนูว่าเค้าตั้งใจสอนมากและใส่ใจนักเรียนทุกคน มีปัญหาอะไรก็ปรึกษาครูได้หมดเลยไม่ใช่แค่เรื่องเรียน และระหว่างที่เรียนภาษา ทางมหาลัยก็จะมีกิจกรรมให้นักเรียนต่างชาติเหมือนกับนักเรียนเกาหลีทั่วไปค่ะ เช่น เป็นบัดดี้กับเพื่อนเกาหลี, เรียนรู้วัฒนธรรมเกาหลี, คลาสเรียนเทควันโด และการเข้าร่วมชมรมในมหาลัย
เรื่องการปรับตัว สำหรับหนูอาจไม่ยากเพราะคุ้นเคยกับวัฒนธรรมและอาหารเกาหลีอยู่แล้ว แต่อาจต้องปรับการใช้ชีวิตนิดนึง เพราะต้องทำงานบ้านทำอาหารเองงี้ รู้สึกโตขึ้นและได้อัปสกิลการใช้ชีวิตเยอะเลยค่ะ 55555
พิม: หนูก็กำลังเรียนปรับภาษาที่ Konyang University Nonsan Campus จังหวัดนนซานค่ะ เขาจะมีให้สอบวัดระดับก่อนเพื่อแบ่งห้อง มีตั้งแต่ห้อง 1-6 โดยห้อง 1 และ 2 จะเป็นห้องเรียนระดับต้น ห้อง 3, 4 ,5 จะเป็นระดับกลาง และห้อง 6 ระดับสูง) แต่ทุกห้องจะมีการสอนเพื่อเตรียมสอบ TOPIK แทรกในเนื้อหาอยู่แล้ว และคลาสแยกสำหรับ TOPIK ให้เรียนเพิ่มด้วยค่ะ
ส่วนเราเองถูกจัดไปอยู่ห้อง 6 ส่วนใหญ่เน้นเรียนพูดและเตรียมพร้อมเข้าเรียนในมหาลัยจริงๆ เช่น เรียนวิธีการเขียนรายงาน, พรีเซนต์งาน, ทำ PowerPoint นำเสนอ และโต้วาที นอกจากนี้ก็คือเรียนตามในหนังสือของมหาลัยที่เขาเรียงเป็นระดับให้ และแบ่งเป็นฟัง-พูด-อ่าน-เขียน กับไวยากรณ์ค่ะ
ไนท์: ตอนนี้กำลังเรียนสถาบันภาษาของ ม.ปูซาน (Busan University of Foreign Studies) เรียนแบบออฟไลน์เลยแต่มาตรการเข้มข้น ใส่หน้ากากตลอด จัดเป็นโต๊ะคู่แต่ให้นั่งคนเดียว เวลาเข้าตึกเราจะต้องกรอกข้อมูล และมีเครื่องตรวจอุณหภูมิ และได้สติกเกอร์มาติด (เราว่าระบบเกาหลีดีอยู่แล้ว เวลาจะเข้าร้านค้าก็แค่กดโทรไปเบอร์ที่เค้าไว้เพื่อเช็กอิน แล้วเบอร์มือถือจะลิงก์กับข้อมูลของเราหมดเลย บางอันมีสแกน QR Code มันง่ายไปหมด)
เราจะได้เรียนวันละ 4 ชั่วโมงค่ะ แบ่งเป็นเรียนภาษา 2 ชั่วโมง + ติวสอบ TOPIK 2 ชั่วโมง (ต้องได้กึบ 3 ขึ้นไปถึงจะผ่านเข้ามหา’ลัยได้ แต่ถ้าใครผ่านกึบ 5 ก็จะถูกส่งไปทันที)
- คลาสภาษาเกาหลี แบ่งเป็นระดับ A, B, C, D, E เรียนหนังสือจาก ม.โซล เราเริ่มจาก B ตอนนี้อยู่ C แล้ว กำลังเรียนเล่ม 3 ค่ะ // คนจะบ่นกันว่า A ไป B ยากเหมือนคนละโลกเพราะเนื้อหาก้าวกระโดดมาก ส่วน C จะเริ่มมีเรื่องวัฒนธรรมและการใช้ชีวิตในเกาหลีเข้ามาจากฟัง-พูด-อ่าน-เขียนค่ะ
- คลาสติว TOPIK แบ่งวันจันทร์-ศุกร์ เรียนครบ 4 ทักษะใน 1 สัปดาห์
นอกจากสนุกกับการได้รู้อะไรใหม่ๆ ก็ยังได้เจอเพื่อนต่างชาติด้วย ครูที่สอนถามว่าประเทศยูเป็นยังไง เราก็ได้แลกเปลี่ยนกัน ทำให้รู้สึก เฮ้ย มีงี้ด้วย! ถ้าไม่เข้าใจตรงไหนก็บอกเค้าได้เลย ครูใจดีและเข้าใจเด็กมากๆ ส่วนเพื่อนในห้องแต่ละคนก็ไนซ์และเป็นคนสนุกๆ ทุกคนแย่งกันพูดหมด
ขิม:
เนื่องจากก่อนขอทุน เราเรียนจบสถาบันภาษาจาก ม.ยอนเซมาแล้ว งั้นขอรีวิวคลาสของที่นี่นิดนึงเผื่อเป็นแนวทางให้น้องๆ ที่สนใจนะคะ ปกติแล้วใน 1 ปีจะได้เรียน 4 เทอม เลเวลละ 2 เดือนครึ่ง แล้วหยุด 2 สัปดาห์ แบบนี้ไปเรื่อยๆ ถ้าหนักสุดก็คือช่วง transition ระหว่างกึบ 3 ไป 4 นี่แหละ อีกอย่างโปรแกรมที่เรียน (The University Korean Program) ค่อนข้างเน้นเชิง Academic ที่ใช้งานกันในระดับมหาลัย ทำให้เข้มข้นมากๆ มีสอนทั้ง Presentation กับ Debate แต่อาจารย์ตั้งใจสอนมากเพื่อให้เราได้จริงๆ โดยไม่กดดันเลยค่ะ
พอเราเรียนภาษาจบเลเวล 6 แล้ว พอสมัครเรียน ม.ยอนเซต่อเค้าก็ตัดให้เราเป็น TOPIK 6 เลยค่ะ (เงื่อนไขทุนนี้คือถ้าได้ TOPIK 5 ขึ้นไป = ไม่ต้องเรียนคอร์สภาษาแล้ว) ดังนั้นตอนนี้เรากำลังเรียนปี 1 ที่ ม.ยอนเซ รายวิชาเป็นแบบ GenED คณะเราจะมี require ให้เก็บวิชาสถิติ เศรษฐศาสตร์ ฯลฯ วิชาคณะจะค่อนข้างโหดอยู่ (ขนาดรุ่นพี่คนเกาหลียังบอกว่ากว่าจะรอดมาได้ก็แทบตาย) แล้วยิ่งตอนเรียนต้องพยายามรักษามาตรฐานให้เทียบเท่า เพราะเรียนหลักสูตรภาษาเกาหลี ก็คือเรียนกับคนเกาหลี 100% อาจจะมีนักเรียนต่างชาตินิดหน่อย แต่อย่างที่รู้กันว่าเรียนออนไลน์ไม่ได้เอื้อกับการหาเพื่อน ทุกคนไม่ยอมเปิดกล้องจนจบเทอมยังแทบไม่เคยเห็นหน้ากันเลยค่ะ 5555
สรุปข้อดีของ Yonsei U. ที่ทำให้เห็นว่าที่นี่เปิดกว้างมาก
- สนใจวิชาไหนก็ลงได้เลย น้อยมากที่จะจำกัดว่าต้องอยู่คณะนั้นนี้ถึงเรียนได้ อย่างเทอมแรกเราก็ไปลง Food Science กับรัฐศาสตร์มา เค้านับหน่วยกิตให้ปกติเลยค่ะ
- สามารถลงเป็นแบบ เมเจอร์เดียว / ดับเบิลเมเจอร์ / ไมโครเมเจอร์ ก็ได้ แต่ละแบบจะมีกำหนดหน่วยกิตที่บังคับลงเรียนต่างกันค่ะ
- ตอนปี 3 ย้ายคณะได้ แล้วจะมีเลือกเรียนแบบตรีควบโทได้ด้วย
มิ้น: ตอนนี้เรียนภาษาอยู่ที่ Sun Moon University campus in Asan เนื่องจากมิ้นมีพื้นเกาหลีมาบ้าง เลยมาเริ่มเรียนในระดับ 초급2 และตอนนี้ได้ถึงระดับ 기초토픽 เพื่อเตรียมสอบ TOPIK ให้ได้ระดับ 3 ค่ะ ส่วนรูปแบบคือเรียนออนไลน์ 100%
สาลี่: เราได้รับการยกเว้นการเรียนภาษาและเริ่มปี 1 เลย เท่ากับตอนนี้เรียนปี 1 ที่ ม.ปูซานมาแล้วเทอมนึง เป็นออนไลน์ 90% และมี 10% ไปเรียนที่มหาลัยค่ะ ส่วนเทอม 2 ล่าสุดมีทั้งแบบออนไลน์ ผสม และไปมหาลัย พูดถึงการเรียน เทอมแรกมีวิชาภาคพื้นฐาน 3 ตัว คือ สรีรวิทยา เคมี และชีวะที่สอนเป็นอังกฤษ คณะเราได้ยินว่ามีวิชาภาคที่สอนเป็น eng ทุกเทอมเลย ช่วงเปิดเทอมใหม่ ๆ คนในรุ่นพยายามรู้จักกันโดยนัดกินข้าวเย็นไม่เกิน 4 คน (มาตรการควบคุมของโควิด-19) เราเลยได้เพื่อนคุยค่ะ 5555 ไม่รู้ว่าคณะอื่นเป็นแบบนี้หรือป่าว อาจเพราะเราเป็นคณะเล็ก
นอกจากการเรียนแล้ว กิจกรรมนอกมหาลัยก็เป็นสิ่งที่ท้าทายและน่าตื่นเต้น เราหากิจกรรมต่าง ๆ จากอินเทอร์เน็ต เช่น Linkareer(링커리어) เราไปกิจกรรมจิตอาสาชนบท และก็ร่วมกิจกรรม "One Day Culture Program" ในปูซาน ซึ่งจัดให้นักศึกษาต่างชาติค่ะ ตอบคําถามเกี่ยวกับวัฒนธรรมเกาหลี ไปพิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์ปูซาน (부산영화체험박물관) และ Songdo Beach คือจัดเต็มในหนึ่งวันเลย
กิจกรรมระยะยาวก็มีค่ะ เช่น กิจกรรม Supporters(서포터즈) เป็นกิจกรรมที่กลุ่มนักศึกษาช่วยโปรโมตและสนับสนุนอีเวนต์ต่าง ๆ เป็นระยะเวลา 5 เดือนค่ะ ตอนนี้เราทํา "UN Week Supporters" อยู่ UN Week เป็นงานที่จัดเพื่อรำลึกการเสียสละของทหารสหประชาชาติ (UN) จาก 16 ประเทศ ในสงครามเกาหลี (1950-1953) ซึ่งประเทศไทยคือหนึ่งใน 16 ประเทศนั้นค่ะ //สำหรับคลิปด้านล่างนี้คือตัวอย่างของทีมเราทำ ฝากชมกันเยอะ ๆ นะคะ กําลังปั่นยอดวิวเลยค่า 5555
__________
6
ทิ้งท้าย!
แชร์วิธีฝึกภาษาของแต่ละคน
ไอซ์: พวกรายการบันเทิงกับซีรีส์ช่วยให้พัฒนาสกิลการฟังได้เยอะเลย อยากแนะนำรายการชื่อ Abnormal summit (비정상회담) เป็นรายการที่คนต่างชาติจากประเทศต่างๆ มาดีเบตกันเป็นภาษาเกาหลี คำศัพท์จะมาแนวทางการและ Academic มาก คิดว่าเป็นประโยชน์สำหรับใช้ไปสอบ TOPIK 2 หรือเรียนมหา’ลัยค่ะ หาได้ในยูทูบและ Netflix (แต่ยูทูบมีตอนเยอะกว่า)
อีกช่องที่อยากแนะนำคือ Korean culture series & quick korean เป็นช่องยูทูบภาษาเกาหลีของม.โคเรีย (Korea University) เข้าไปดู playlist จะมีคอร์สภาษาเกาหลี 바른 한국어 ตั้งแต่เลเวล1-4 เลย มีเอกสารให้โหลดฟรีด้วย // เดี๋ยวนี้คอร์สเรียนภาษาของม.ต่างๆ คือมีเยอะเลยที่เรียนจบแล้วได้ใบประกาศฯ มายื่นขอทุนได้
พิม: นอกจากเรียนที่สถาบันภาษาเกาหลีช่วง ม.6 เรายังมีเรียนด้วยตัวเองผ่าน YouTube และโซเชียลมีเดียทุกช่องทาง แนะนำว่าถ้าใครติดโทรศัพท์มากกกกเหมือนเรา แนะนำให้กดติดตามเพจสอนภาษาเกาหลีไว้และเปลี่ยนภาษาในโทรศัพท์ หยิบขึ้นมาตอนไหนจะได้เจอศัพท์ใหม่ๆ ตลอดเวลา ถ้าไม่รู้คำไหนก็เสิร์ชทันที พอเห็นบ่อยเข้าก็จำได้โดยอัตโนมัติเลยค่ะ
ไนท์: หนูชอบดูสื่อแล้วมานั่งแปลเกาหลีบ้างอังกฤษบ้าง กดดูประโยคซ้ำแล้วหาว่ามีคำอื่นอีกมั้ย ค่อยๆ เก็บคลังศัพท์ไปค่ะ รู้สึกการเรียนภาษาไม่มีกฎเกณฑ์ตายตัว บางคนเก่งจากการฟัง การเขียน แล้วค่อยๆ พัฒนาทีละเสต็ป ส่วนภาษาเกาหลีเคยไปเรียนวิชาโทที่มหา’ลัย ได้พื้นฐานกับเรื่องวัฒนธรรมมานิดหน่อย
ขิม: ส่วนตัวเราชอบดูรายการวาไรตี้กับ YouTube (มีซับไตเติลภาษาเกาหลี) เป็นหลัก โดยเลือกให้ตรงสไตล์ มีทั้งแนวทำอาหาร บิวตี้ เที่ยว ฯลฯ เพื่อเพิ่มคลังศัพท์ได้หลายๆ หมวดค่ะ พักหลังนี้เราก็อยากบังคับให้ตัวเองฝึกสกิลการฟังด้วย เพราะในชีวิตจริงมีหลายสำเนียงและวิธีพูดที่หลากหลาย เลยเลือกฟังวิทยุเกาหลีในแอปฯ นอกจากนี้คืออ่านหนังสืิอตามหัวข้อที่ชอบ เช่น เรื่องสั้น การพัฒนาตัวเอง ฯลฯ เลือกที่จะอ่านแล้วไม่เบื่อ จะได้เรียนรู้การเขียนและ expression ที่หลากหลายด้วยค่ะ
มิ้น: ลองหาเพื่อนเป็นคนเกาหลีไว้ฝึกคุยและโทรหาบ่อยๆ จะช่วยให้เราได้ฝึกครบทั้งฟัง-พูด-อ่าน-เขียน และซึมซับสำเนียงไปด้วย เวลาเราจะสื่อสารก็จะลำดับความคิดในหัวเป็นภาษาเกาหลีเลย จะได้เข้าใจเป็นภาษานั้น ไม่ต้องมาแปลกลับไปมาระหว่างสองภาษาค่ะ
สาลี่: เราก็ฝึกภาษาโดยการอ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือกิจกรรมอะไรก็ตามที่ช่วยเพิ่มเวลาสัมผัสภาษานั้นให้มากค่ะ

ช่องทางติดต่อพี่ๆ ในบทความนี้ค่ะ ^^
พี่ไอซ์ มี Twitter @icezydiary เกี่ยวกับการเรียนและชีวิตที่เกาหลี ลงข้อมูลทุนไว้ด้วย หรือจะติดตามชีวิตเกาหลีแบบเรียลๆ ได้ที่ IG @icezzy_cs
พี่ไนท์ IG @atnightoclock
พี่ขิม IG @Kimn0818
พี่มิ้น IG @barbiefairytopiaaaa
พี่สาลี่ sallykim055@gmail.com
5 ความคิดเห็น
อ่านแล้วอยากลองสมัครทุนเลย
ผมเคยสอบทุนรัฐบาลได้ครับ แต่ไม่ใช่ของเกาหลีนะ เสียดายไม่ได้ไป.
สรุปคุณมิ้นยื่นuniversity track หรอ embassy หรอคะ เห็นตอนสัมภาษณ์บอก embassy หรือเราเข้าใจอะไรผิด
ขออภัยในความผิดพลาดค่ะ คุณมิ้นท์ยื่นเป็น University Track ไม่ใช่ Embassy Track นะคะ ทางเราแก้ไขข้อมูลเรียบร้อยค่า
ขอสอบถามได้มั้ยคะว่า ในช่วงเรียนปรับพื้นฐานภาษา 1 ปี ค่าใช้จ่ายในการกินอยู่ที่นั่นเขาจะยังออกให้มั้ยคะหรือว่าเราต้องออกเองในปีนั้นที่เราเรียนปรับพื้นฐานอยู่
ถ้าสอบgedจะสมัครทุนได้มั้ยคะคือนี่กะจะเรียนม.5ให้จบ(ตอนนี้อยู่ม.5เทอม2ค่ะ)แล้วม.6จะสอบเทียบเพราะไม่อยากอยู่ในระบบการศึกษาไทยแล้ว เคยคิดนานแล้วว่าอยากไปเรียนต่อที่เกาหลีแต่เคยหาข้อมูลคร่าวๆเค้าบอกว่าgedไม่สามารถสมัครทุนได้นี่จริงมั้ยคะㅠㅠหรือว่าแล้วแต่ทุนที่เราจะสมัครด้วย