Dek-D.com ใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสบการณ์ของ
ผู้ใช้ให้ดียิ่งขึ้น เรียนรู้เพิ่มเติมที่นี่
ยอมรับ

แพทยศาสตรบัณฑิตของม.พะเยาจบมาได้เป็นหมอไหม

ตั้งกระทู้ใหม่
ตั้งกระทู้ใหม่
คือสงสัยอะคะว่าถ้าจบคณะแพทย์-หลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิตของม.พะเยา จบมาจะได้เป็นหมอไหม หรือได้เป็นสาธารณสุข หรือได้วุฒิวิทยาศาสตร์บัณฑิต สงสัยมากกกกก

แสดงความคิดเห็น

>

10 ความคิดเห็น

.... 20 พ.ย. 59 เวลา 02:50 น. 1

จบมาทำงานตามที่ได้ปริญญาครับ ถ้าทำงานเทท่าสาธารณสุข จะเรียนตั้ง6 ปีทำไม

0
กัลย์ 20 พ.ย. 59 เวลา 09:21 น. 2

เรียนจบจากคณะแพทย์ศาสตร์ หลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิตของ ม.พะเยา
ชื่อหลักสูตรก็บอกอยู่แล้ว และสอบ ศรว.ผ่าน 3 ขั้นตอน ได้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม
ได้เป็นหมอแน่นอน ต้องทำงานเป็นแพทย์ใช้ทุนในโรงพยาบาลรัฐเหมือนกันกับมหาวิทยาลัยอื่นๆ

ในโรงพยาบาล ตำแหน่งที่ใหญ่สุด คือแพทย์
มี พยาบาล เภสัชกร เทคนิคการแพทย์ นักกายภาพบำบัด นักโภชนาการ
รังสีเทคนิค ฯลฯ เป็นลูกน้อง

เยี่ยมเยี่ยมเยี่ยม

1
บังเอิญผ่านมา 20 พ.ย. 59 เวลา 21:01 น. 3

ผมเห็นคุณ. กัลย์ ให้ความรู้เพื่อเตรียมตัวสอบและให้กำลังใจในหลายๆกระทู้. ผมรู้สึกชื่นชมตรงนี้นะครับ. แต่ติดตรงทัศนคติบางอย่างที่ยังเลวร้าย(มากที่สุด) บางอย่างนะครับ ผมจึงอยากให้แก้ไขนิดนึง. นั่นคือแพทย์ใน. รพ. ไม่เชิงใหญ่ที่สุดนะครับและที่สำคัญมากๆคือ. วิชาชีพอื่นๆไม่ใช่ลูกน้องของหมอนะครับ. แต่เป็นทีม เป็นเพื่อนร่วมงานที่สำคัญครับ อย่าเอาความคิดแบบนี้มาใส่เด็กๆเลยครับมันไม่ดี. และยังไม่ให้เกียรติเพื่อนร่วมวิชาชีพด้วยครับ. ขอบคุณมาก

3
กัลย์ 21 พ.ย. 59 เวลา 00:24 น. 3-1

พูดแบบภาคทฤษฎี ก็เป็นอีกแบบ
พูดแบบภาคปฏิบัติ ก็เป็นอีกแบบ
วิชาชีพอื่นๆ ที่ไม่ใช่หมอ เมื่อไปทำงานในโรงพยาบาล ก็จะรู้เอง เข้าใจเอง

ถ้าเป็นหมอ ก็จะไม่รู้ความคิดเห็นของวิชาชีพอื่นๆ ที่พูดถึงหมอ

ทัศนคติ อาจจะมาจากประสบการณ์ที่ทำงานจริงมาหลายสิบปี ได้รู้ ได้เห็น ได้รู้จักคนหลายวิชาชีพ เลยเอาเรื่องจริงมาบอก มองแบบคนนอกวงการ

ระบบราชการไทย เป็นระบบหัวโขน ถ้าไม่มีหัวโขน ก็เท่ากันหมด เมื่อเราจะสวมหัวโขนแล้ว ก็ควรอยู่ในกลุ่มวิชาชีพที่สูงที่สุดในหน่วยงาน แล้วจะไม่เสียใจในภายหลัง

เยี่ยมเยี่ยมเยี่ยม

0
คนผ่านมา 21 พ.ย. 59 เวลา 09:50 น. 3-2

ทัศนสติ เหรอครับ ทัศนสติคือ การมองการเห็นแล้วมาทบทวนกลั่นกรองอย่างมีสติ แต่ผมว่าคุณมี อคติกับวิชาชีพอื่นมี่ในหน่วยงานโรงพยาบาลมากกว่าทีว่าสัมผัสมาไปมากี่ที่ครับกี่เปอร์เซนครับที่เป็นแบบนั้นประสบการณ์มากน้อยแค่ไหนครับ เหมือนคนมีปมด้อยสักอย่างครับ อย่าลืมสิครับ ทุกคนมีความเป็นคนเท่ากัน โขนเป็นของสูงสมัยโบวาณไว้แสดงให้คนดู พระราม หนุมาน นางสีดา ทศกันฐ์ ไม่มีตัวไหนสูงกว่ากันหรอกครับ หยุดพูดให่วิชาชีพอืนในสายสุขภาพดูด้อยลงกว่าหมอเถอะครับ เด็กสมัยนี้เขาฉลาดนะครับเพราะคุณยิ่งพูดมากเท่าไรเขาจะมองคูณไม่ดีเท่านั้น เรื่องบางเรื่องไม่พูดจะดีกว่านะครับถ้าข้อมูลไม่จริงหรือข้อมูลเก่าๆ

0
สงสัย 21 พ.ย. 59 เวลา 18:36 น. 3-3

ตำแหน่งใหญ่สุดคือแพทย์ที่ว่าคือรวมทันตแพทย์ด้วยไหมเอ่ย เหมือนทันตแพทย์จะแยกตัวโดดออกมาเลยนะไม่ขึ้นตรงกับใคร ทำงานเสร็จเป็นเคสๆไปไม่ยุ่งเกี่ยวกะฝ่ายอื่น ฉันx-rayเอง ฉันลงมือผ่าตัดเอง ฉันจ่ายยาเอง ถึงมีก็น้อยมากที่จะreferไปถึงแพทย์เฉพาะทาง ดีไปอีกแบบ..

0
kru_kk 20 พ.ย. 59 เวลา 21:13 น. 4

เห็นด้วยกับคุณบังเอิญผ่านมา ค้าบผม
แพทย์ถือว่าเป็นทีมสหวิชาชีพ(เช่นแพทย์ ทันตแพทย์ เทคนิคการแพทย์ รังสีเทคนิค กายภาพ พยาบาล เภสัช นักวิชาการสาธารณสถข และอื่นๆ)อย่างหนึ่งในสายสุขภาพครับผม ทุกคนทุกตำแหน่งมีหน้าที่รับผิดชอบในหน่วยงาน มีทั้งเป็นผู้บริหารและผู้ปฏิบัติ แพทย์บางท่านเป็นผู้บริหารและผู้ปฏิบัติ บางท่านเป็นเพียงผู้ปฏิบัติ ขึ้นอยู่กับประสบการณ์การทำงาน แต่ทุกคนทำงานเพื่อพัฒนาสุขภาพประชาชน ไม่มีคำว่าหัวหน้าหรือลูกน้องค้าบ มีแต่คำว่าผู้ร่วมงาน

0
medicine man 21 พ.ย. 59 เวลา 02:39 น. 5

จากประสบการณ์ ตอน ปี สุดท้าย ที่ไปฝึกใน โรงพยาบาล รู้เลยว่าตัวไม่สามารถช่วยผู้ป่วยได้เต็มที่ เช่นกรณีคนใข้ในห้องฉุกเฉินไม่สามารถลุยเข้าไปช่วย จึงมีแรงตั้งใจเต็มที่ที่จะเริ่มเรียนแพทย์ใหม่ให้ได้ จริงอยู่ทุกอาชีพมีความสำคัญมาก ทีมแพทย์ไม่สามารถ ขาด สหวิชาชีพ สายสุขภาพ และอาชีพอื่นได้ ความรู้สึกตอนนี้ ใช่เลย สำหรับน้องที่อยากช่วยผู้ป่วยตามใจ ปราถนา ประเทศเราแปลกไม่อยากให้เด็กกวดวิชามาก แต่สารพัดสอบส่วนใหญ่ สอบก่อนเด็กจบ ม ปลาย

0
medicine man 21 พ.ย. 59 เวลา 03:02 น. 6

ไม่ใช่ว่าทำไมไม่เรียน แพทย์ แต่แรก เพราะว่า สอบแพทย์ทุกสนามสอบไม่ติดเลย หลังจากเรียนจบจึงสอบใหม่ ความรู้สึกตอนนี้มีค่ามากกับความสำเร็จที่ได้ทุ่มทุกอย่าง สำหรับน้องที่มีความฝันขอให้ลุยให้เต็มที่ มันเป็นความสุขทางใจมากมาย

0
1234 21 พ.ย. 59 เวลา 13:36 น. 7

เป็นแพทย์ ไม่ใช่หัวหน้าคนค่ะ สายอาชีพอื่นในโรงพยาบาลก็ไม่ใช่ลูกน้อง ทุกสายอาชีพทำงานในตำแหน่งหน้าที่ที่ตนเรียนมา แพทย์จะไปสั่ง (เหมือนสั่งลูกน้อง) ให้ทำอย่างโน้นอย่างนี้ไม่ได้ค่ะ (ลองไปสั่งพยาบาลอาวุโสในโรงพยาบาลรัฐใหญ่ๆดูซิ มีสิทธิโดนว่ากลับมา หมอก็หมอเหอะ) เพียงแต่ว่าจบหน้าที่หมอแล้ว ก็ส่งต่องานไปให้พยาบาล เภสัช และอื่นๆต่อไป ถ้าหมอเกิดทำอะไรผิดพลาด สายอาชีพอื่นๆ ก็สามารถทักท้วงได้เหมือนกัน หมอทำตัวไม่ดี ก็มีสิทธิโดนว่าจากสายอาชีพอื่นเหมือนกัน
ยิ่งหมอจบใหม่ อย่าไปวางตัวเป็นหัวหน้าพยาบาลเชียว เพราะต้องพึ่งพยาบาลอยู่มาก แม้แต่การรักษา
แพทย์ และสายอาชีพอื่นๆ ถ้าทำงานกันอย่างเพื่อน จะทำให้การรักษาคนไข้ เป็นไปอย่างราบรื่นที่สุด
ปรึกษากัน ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันเป็นดีที่สุด

0
บังเอิญผ่านมา 21 พ.ย. 59 เวลา 23:03 น. 8

ก่อนอื่นก็ต้องขอโทษทางเจ้าของกระทู้ด้วยนะครับที่พาออกไปเรื่องอื่น แต่ก็ตามที่คุณ กัลย์ ได้แจ้งไว้ครับตามนั้นเลย
และขออธิบายเพิ่มเติมแล้วกันนะครับ การให้ความเคารพซึ่งกันและกัน ให้เกียรติกัน ทั้งในวิชาชีพเดียวกันและวิชาชีพอื่นๆ(หรือแม้แต่ แม่บ้าน คนขายของใน รพ ก็ตาม) เป็นหนึ่งในจรรณยาบรรณแห่งวิชาชีพที่พึ่งปฏิบัตินะครับ
คนที่เป็นแพทย์บางคนอาจจะได้แสดงตัวอย่างที่ไม่ดีออกมาให้เห็นบ้างแต่ก็ยังทำงานต่อไปได้นั้น ก็น่าจะมีให้เห็นอยู่เล็กน้อย ซึ่งเขาก็จะยังเป็นหมอต่อไปได้แต่ก็ยังไม่ใช่หมอที่ดี การเป็นแพทย์ที่ดีนั้นมันจึงต้องมีทั้งจรรณยาบรรณและคุณธรรม ซึงก็ต่างจากความรู้ที่ฝึกสอนและทดสอบกันได้ แต่การจะเป็นแพทย์ที่ดีนั้นมันฝึกสอนกันลำบากและยากต่อการวัดผลครับ ผมจึงอยากให้คนรุ่นใหม่ๆนั้นได้เตรียมตัวเตรียมใจกันมาก่อนที่จะเรียนไม่ใช่เพราะเหตุผลเรื่องเงิน เรื่องยศ ตำแหน่งงาน หรือเหตุผลที่ไม่ดีอื่นๆ ครับ
ส่วนเรื่องตำแหน่งหรือหัวโขนนั้น มันเป็นสิ่งที่ไม่ควรไปยึดติดนะครับ

0
กัลย์ 22 พ.ย. 59 เวลา 13:48 น. 9

ในเรื่องตอบไปแล้วตามกระทู้ที่ถาม ส่วนจะเชื่อหรือไม่ ไม่บังคับ เป็นความเห็นส่วนตัว

ขออนุญาตนอกเรื่องครั้งสุดท้าย ขอเชิญผู้รู้ช่วยตอบกรุณาตอบด้วย พอดีเป็นคนนอก ไม่ค่อยรู้เรื่องในโรงพยาบาล

มองอย่างคนนอก ที่เคยได้ฟังมา ไม่รู้จริงหรือไม่
-วิชาชีพอื่นๆ ในโรงพยาบาล จะเตือนกันว่า อย่าไปมีเรื่องกับหมอ เดี๋ยวจะไม่ได้ผุดได้เกิด หมอถูกเสมอ จริงหรือไม่
-หมอสั่งยาผิด เภสัชกรไปทักท้วง และแนะนำสิ่งที่ถูกต้อง หมอบอกไม่ต้องมาสอน ถ้าเอ็งเก่ง ก็สอบติดหมอให้ได้ก่อน จริงหรือไม่ (ปัญหาตัวบุคคล) ความจริงถ้าเภสัชกรมีประสบการณ์ ควรพูดว่า หมอได้สั่งยา.เอ่ยชื่อยา.....แก้..สรรพคุณยา..ใช่หรือไม่
-เคยร่วมกินเหล้าสังสรรค์กับหมอ พยาบาลโทรศัพท์ตาม มีเคสผ่าตัดด่วน ถามหมอว่า เมาแล้วผ่าตัดได้หรือ มือไม่สั่นหรือ หมอบอกสบายมาก (ต่างจังหวัด) อยากรู้ว่าปฏิบัติงานได้จริงหรือ
-รู้จักกับพยาบาล เคยได้ยินพยาบาลหลายคนแอบนินทาหมอให้ฟังหลายเรื่องเสมอๆ ถ้าไม่กลัวหมอ เท่าเทียมกัน ก็บอกหมอไปตรงๆไม่ดีกว่าหรือ จะแอบนินทาหมอทำไม
-ที่บอกว่า วิชาชีพอื่นๆไม่ใช่ลูกน้องของหมอ แต่เป็นทีมงาน เป็นเพื่อนร่วมงานที่สำคัญ เป็นการพูดแบบภาคทฤษฎี เพื่อใช้งาน เพราะตัวหมอคนเดียวไม่อาจทำให้งานสำเร็จได้ แต่ภาคปฏิบัติก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
-ระบบบริหารโรงพยาบาลใหญ่ใน กทม.เป็นระบบแล้ว กับ ระบบบริหารโรงพยาบาลต่างจังหวัดทั่วประเทศ ปรับเปลี่ยนไปตามนโยบายผู้บริหาร หรือขึ้นอยู่กับผู้บริหาร ระบบจะเหมือนกันหรือไม่ คำตอบ คงจะตอบว่า เหมือนกัน คุณภาพมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ (ระบบ HA)

เยี่ยมเยี่ยมเยี่ยม

3
rakk 22 พ.ย. 59 เวลา 21:59 น. 9-1

อันที่จริงผมก็ไม่อยากให้ความเห็น แต่บางอย่างผมมองโลกเป็นสองมูม คือมองโลกที่เราอยากให้เป็น
กับมองโลกในความเป็นจริง ซึ่งบางครั้งมันไม่เหมือนกัน สำหรับคุณกัลย์มองโลกในความเป็นจริง(ซึ่งจะคล้ายกับผม)
อย่างผมบอกว่าได้คะแนนเท่านี้สอบแพทย๋ไม่ติด เพราะผมอิงสถิติคะแนนแพทย์ที่ผ่านมา แต่มีบางคนบอกว่าคะแนนไม่ถึงก็ติดได้เขาใช้อะไรมาพิสูจน์
อย่างคุณกัลย์พุดผมเชื่อในโลกความจริงเป็นเช่นนั้นแต่บางคนยอมรับสภาพไม่ได้
การที่อ้างหัวโขนว่าไม่ควรยึดติด แสดงว่ายังไม่เข้าใจความหมาย ความหมายของหัวโขนคือเราต้องหน้าที่ตามหัวโขนที่ได้รับ เป็นหัวหน้าก็คือหัวหน้า หัวหน้าต้องสั่งการได้ เป็นลูกน้องต้องทำตามที่หัวหน้าสั่ง เป็นเพื่อนร่วมงานเดียวกันก็ต้องช่วยกันทำ การทำงานเป็นทีมคือต้องรู้้หน้าที่ว่าเราเป็นใคร คนไทยทำงานเป็นทีมไม่เป็นเพราะไม่เข้าใจ ผมเคยฝึกงานต่างประเทศ ฝรั่งเวลางานเป็น หัวหน้าคือห้วหน้าลูกน้องคือลูกน้อง เพื่อนร่วมงานคือเพื่อนร่วมงาน นอกงานไม่มีเอาหัวโขนออก เป็นเพื่อนกันเป็นพี่น้องกัน
คนไทยรู้ว่าทำงานเป็นทีมแค่เปลือกนอก ฝรั่งถึงได้ดูถูกคนไทย มีหลายข้อที่ฝร้่งดูถูกคนไทย นี้เป็นแค่ข้อหนึ่ง ส่วนเมื่อนอกเวลางานก็ไม่มีหัวโขนก็เป็นคนเท่ากัน ห้วโขนนั้นมันจึงไม่จีรังยังยึน ถ้าใช้อำนาจในทางที่ผืดมัมอาจส่งผลมากระทบได้
ถามว่าฝรั่งมีหัวหน้าลูกน้องไม๊ มีทั้งนั้นแหละ โค๊ดนักกีฬาฟุตบอลต้องสั่งนักกีฬาได้ ให้ทำตามแผนถ้าไม่ทำก็เปลี่ยนตัว เป็นกองกลาง บอกว่าเกมนี้ห้ามรุกไปแดนหน้า ดันไม่รู้คำสั้งและหน้าที่ แพ้แล้วโทษใคร อย่างไรโค๊ดต้องรับผิดชอบเพราะดันเลือกมันมาเล่น
การทำงานเป็นทีมความหมายมันก็คือทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับผิดชอบนั่นแหละ ซึ่งหน้าทีรับผิดชอบก็มีทั้งหัวหน้าลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน เป็นลูกน้องไม่ทำตามหัวหน้าบอก เป็นห้วหน้าไม่กล้าสั้งงานลูกน้อง เป็นเพื่อนร่วมงานไม่ช่วยกันทำ ทำงานสองยึนดูสองแถมบอกทำอย่างโน่นทำอย่างนี้ ผมเป็นหัวหน้าเซ็งเป็ด ผมถามว่าทำไมทำงานหลายคน เขาตอบว่าเราทำงานเป็นทีมต้องช่วยกัน ผมถามกลับว่าทำงานเป็นทีมเรอะ ทำงานสองยึนดูสองแถมบอกทำอย่างโน่นทำอย่างนี้ ทำแค่สองจะเสร็จกว่าไม๊
ปล ส่วนเรื่อง รพ ไปคิดกันเอาเอง แต่ผมคิดคล้ายคูณกัล
ปล สำหรับคนไทยที่ทำงานเป็นทีมที่ดีที่สุด ผมบอกได้คนเดียวคือทหาร สั่งแล้วต้องทำ ลูกน้องพร้อมทำ เพื่อนทหารตช่วยกัน และทหารทำงานเป็นทีมไม่แพ้ชาติใดในโลก ไม่งั้นจบแห่ไปนานแล้ว

0
บังเอิญผ่านมา 22 พ.ย. 59 เวลา 23:57 น. 9-2

ผมก็ไม่อยากจะต่อเหมือนกันครับ แค่อยากจะบอกแก่ผู้ที่จะมาเรียนแพทย์ทุกคนเข้าใจถึงความสำคัญของจรรณยาบรรณที่พึงกระทำเท่านั้นเอง การที่ผมและความเห็นอื่นๆอยากให้แพทย์มีจรรณยาบรรณและคุณธรรมนั้น ผมว่ามันก็ถูกอยู่แล้ว เพราะการที่เห็นคนอื่นกระทำสิ่งใดๆนั้น แต่ละคนก็ต้องคิดให้ได้ว่ามันดีหรืไม่ดีควรจะทำตามไหม หรือถูกต้องตามหลักจริยธรรมหรือเปล่า ซึ่งสำหรับผู้ที่สอบแพทย์นั้นก็คงได้ผ่าน สอบความถนัดแพทย์ในส่วนของจริยธรรมกันมาแล้วคงไม่ยากที่จะคิดได้ เพียงแต่ผมไม่อยากแค่ให้ตอบกันได้เพื่อเอาคะแนนเท่านั้น แต่ควรต้องทำตามให้ได้ด้วยจะดีมาก
การทำงานร่วมกันในสหสาขาวิชาชีพนั้นมันไม่ได้กำหนดว่าใครจะอยู่ใต้บังคับบัญชาใครเพราะแต่ละคนก็มาจากคนละส่วนงาน(ผมไม่แน่ใจว่าสมมติแบบนี้จะได้ไหมนะครับ คงประมาณว่าทหารบก ทหารอากาศและตำรวจ ร่วมมือกันปราบคนไม่ดีหละมั้งครับ) มันจึงไม่ใช่เป็นผู้จัดการฝ่ายกับคนในฝ่ายนั้นเหมือนพนักงานออฟฟิศหนะครับ นั่นคือต้องคิดตั้งแต่ต้นว่า เราคือเพื่อนร่วมงานกันจึงมีการแบ่งงานกันทำตามแต่ความชำนาญกันของแต่ละคนครับ ซึ่งการทำงานในบริษัทนั้นก็คงตามอย่างที่คุณเข้าใจ แต่ควรจะไปแนะนำที่กระทู้อื่นจึงจะเหมาะสมกว่านะครับ
สรุปแพทย์ควรมีจรรณยาบรรณ(มันก็ต้องมีอยู่แล้วผมไม่บอกทุกคนก็คงรู้กันอยู่แล้ว) ซึ่งจรรณยาบรรณก็กำหนดให้ว่า
หมวด ๕
การปฏิบัติต่อผู้ร่วมวิชาชีพ

ข้อ ๓๐ ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมพึงยกย่องให้เกียรติเคารพในศักดิ์ศรีซึ่งกันและกัน

ข้อ ๓๑ ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมต้องไม่ทับถมให้ร้ายหรือกลั่นแกล้งกัน
หมวด ๖
การปฏิบัติต่อผู้ร่วมงาน


ข้อ ๓๓ ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมพึงยกย่องให้เกียรติและเคารพในศักดิ์ศรีของผู้ร่วมงาน

ข้อ ๓๔ ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมต้องไม่ทับถมให้ร้ายหรือกลั่นแกล้งผู้ร่วมงาน

ข้อ ๓๕ ผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมพึงส่งเสริมและสนับสนุนการประกอบวิชาชีพของผู้ร่วมงาน
จริงๆมันก็ไม่ยากนะครับ เพียงแค่เรา เอาใจเขา มาใส่ใจเรา แค่นั้นเองครับ

0
กัลย์ 24 พ.ย. 59 เวลา 10:42 น. 9-3

ที่บอกมา เป็นภาคทฤษฎีทั้งนั้น ถ้าเป็นแพทย์จริงๆแล้ว ไม่ได้อ่านจรรยาบรรณหรอก
วิชาชีพอื่นๆ สายวิทย์สุขภาพ ถ้าได้ไปทำงานในโรงพยาบาลรัฐต่างจังหวัดจริงๆ
ก็จะรู้ด้วยตนเอง ต้องพยายามปรับตัวให้เข้ากับระบบงานให้ได้
ถ้าปรับไม่ได้ ก็ต้องพยายามสอบแพทย์ กสพท.ให้ติด เพื่อเปลี่ยนสายให้ดีขึ้นกว่าเดิม

เยี่ยมเยี่ยมเยี่ยม

0
กรณ์ 11 มี.ค. 63 เวลา 14:08 น. 10

ตกลง หมอ คือใคร แพทย์คือใคร ไปให้หมอฉีดยา แต่พยาบาลมีฉีด หมอมาตรวจไข้ ทำแผล ชาวบ้านก็เรียกหมอ ตกลง จะเป็นหมอหรือแพทย์ งง


0