9 สิ่ง ที่เฟรชชี่ “ต้องเจอ”

               ผ่านช่วงเวลาแห่งการสู้ศึกและลุ้นผลสอบแอดมินชั่นของน้องๆ ม.6 กันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้น้องๆ ชาว Dek-D.com หลายคนก็กำลังเตรียมตัวเป็น “เฟรชชี่” ในรั้วมหาวิทยาลัยกันใช่ไหมจ๊ะ อ๊ะๆ พี่ปัดรู้นะว่าตื่นเต้นจนนอนไม่หลับกับการเปลี่ยนจากชีวิตนักเรียนมัธยมมาเป็นนิสิต นักศึกษา แต่ไม่ต้องกังวลกันจนเหตุจ๊ะ เพราะวันนี้พี่ปัดมี "9 สิ่ง ที่ชีวิตเฟรชชี่จะต้องเจอเมื่อเข้ารั้วมหาวิทยาลัย" มาฝาก เพื่อให้ทุกคนเตรียมตัวเตรียมใจให้รับพร้อมรับมือกับประสบการณ์ครั้งสำคัญของชีวิตจ้ะ อยากรู้แล้วละซิ ตามมาดูกันเลย

                เรียนน้อยลง :: จากที่สมัยมัธยมเคยเรียนวันละ 6-7 วิชา บางวันมาราธอนเรียนถึงคาบ 8 ก็มี แต่พอเข้ามหาวิทยาลัยแล้ววิชาเรียนจะลดลงเหลือเพียงวันละ 2 – 3 วิชาเท่านั้น แต่เฟรชชี่ อย่าพึ่งดีใจไปจ้ะ เพราะถึงจะเรียนน้อยลง แต่กิจกรรม รายงาน และความรับผิดชอบต่างๆ มีมากขึ้นหลายเท่าตัวแน่นอน 

               ทำกิจกรรมมากขึ้น :: ในรั้วมหาวิทยาลัยนั้นจะมีกิจกรรมเยอะแยะมากมายให้เฟรชชี่ได้เลือกตามความชอบหรือความถนัดกันเลยจ้ะ เช่น กิจกรรมชมรมสนุกๆ ออกค่ายอาสาแบบขาลุยๆ แสดงละครเวทีของคณะ เป็นเชียร์ลีดเดอร์สุดเริ่ด หรือจะรวมพลังสามัคคีซ้อมเป็นกองเชียร์ในกีฬาระหว่างคณะ หรือระหว่างมหาวิทยาลัย เป็นต้น ซึ่งกิจกรรมต่างๆ เหล่านี้ เฟรชชี่ก็จะได้พบปะเพื่อนใหม่ๆ ที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกันทั้งในและต่างคณะด้วยจ้ะ 

               เรียนรู้สังคมที่ใหญ่ขึ้น :: เพราะนอกจากจะได้รู้จักเพื่อนที่เรียนอยู่สาขา หรือคณะเดียวกันแล้ว เฟรชชี่ยังได้มีโอกาสพบปะเรียนรู้นิสัยเพื่อนๆ ต่างคณะ เพราะบางวิชาต้องเรียนอยู่ในคลาสเดียวกัน ทำรายงานกลุ่มเดียวกัน เรียนรู้การปรับตัวเพื่อทำงานร่วมกันผู้อื่น และหลายๆครั้งที่อาจมีนัดเฮฮาปาร์ตี้กันหลังเลิกเรียน หรือนัดรวมก๊วนไปเที่ยวต่างจังหวัดอีกด้วย

                ดูแลตัวเองมากขึ้น :: ช่วงเวลามหาวิทยาลัย ถือว่าเป็นช่วงวันรุ่นเต็มตัว หลายๆ คนก็หันมาดูแลตัวเองกันมากขึ้น ทั้งเสื้อผ้า หน้าผม รวมไปถึงแฟชั่นการแต่งตัว เรียกได้ว่าจัดเต็มค่ะ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะเห็นหนุ่มที่เคยดูเนิร์ดกลายเป็นหนุ่มเท่สไตล์เกาหลี สาวเฉิ่มก็กลายเป็นเปรี้ยว แต่อย่าแต่งจนเยอะเกินวัยเฟรชชี่นะ แค่ปัดแก้ม กรีดอายบางๆ ก็สวยสมวันแล้วจ้ะ

               ต้องมีความรับผิดชอบ :: ถึงแม้วิชาเรียนจะไม่เยอะเหมือนตอนเรียนมัธยม แต่รับรองจ้ะว่ารายงาน และโครงการต่างๆ ไม่น้อยตามวิชาเรียนเลย ถ้าน้องๆเฟรชชี่หลงระเริง เพลิดเพลินกับกิจกรรม และอิสระเสรีอยู่ละก็ ลำบากช่วงก่อนสอบแน่นอน เพราะบางวิชา อาจารย์เข้าสอนเพื่อสั่งงานเท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นหน้าที่ของน้องๆ ต้องบริหารจัดการเวลา ส่งงานและอ่านหนังสือให้ทันก่อนสอบด้วยตัวเองล้วนๆ เอง อาจารย์จะไม่มาตามจ้ำจี้ จ้ำไชงานเราเหมือนสมัยมัธยมอีกแล้ว เพราะท่านถือว่าเราเริ่มเป็นผู้ใหญ่ ต้องดูแลรับผิดชอบตัวเองให้ได้ 

               อยู่หอครั้งแรกในชีวิต :: เฟรชชี่ที่สอบติดมหาวิทยาลัยต่างจังหวัดได้ ล้วนจำเป็นต้องไปอยู่หอกันทั้งนั้น จากที่เคยมีคุณแม่คอยดูแลเอาใจใส่ หุงหาอาหารให้กิน ดูแลเรื่องเสื้อผ้าให้ ตอนนี้เป็นหน้าที่ของน้องๆ แล้วที่ต้องดูแลรับผิดชอบเองทุกอย่าง แถมยังต้องจัดสรรเงินรายเดือน เพื่อให้พอดีกับการใช้จ่ายตลอดทั้งเดือนอีกด้วย จากประสบการณ์นี้จะเป้นการเรียนรู้การช่วยเหลือตัวเอง เพื่อโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบในอนาคต

                พี่รหัส – น้องรหัส :: ระบบรุ่นพี่ - รุ่นน้องที่เฟรชชี่จะได้สัมผัสถึงความรัก ความผูกพันของพี่น้องร่วมสถาบันจริงๆ เมื่อรุ่นพี่ต้องคอยดูแลช่วยเหลือรุ่นน้องเฟรชชี่ในเรื่องต่างๆ เช่น ยกมรดกหนังสือที่เคยเรียนให้ ช่วยติววิชาต่างๆ แนะนำการเรียน และคอยให้คำปรึกษาในเรื่องการทำรายงาน เป็นต้น

               พิธีรับน้อง :: เป็นกิจกรรมที่เหล่าเฟรชชี่ทุกคนต้องพบเจอ ซึ่งพี่ปัดขอบอกว่ามันเป็นประสบการณ์ครั้งเดียวในชีวิตที่นึกถึงเมื่อไหร่ก็ต้องยิ้มออกมาทุกครั้งว่าฉันทำลงไปได้ เช่น ลุกออกไปเต้นกลางโรงอาหาร ตะโกนบอกรักรุ่นพี่ ถูกจับแต่งตัวแปลกๆ โดนป้ายดินสอพองและสีต่างๆ เต็มหน้า แล้วให้บูมเอกเสียงดังสนั่น แค่นึกก็สนุกแล้วจ้ะ ฯลฯ 

               การบ้านน้อยลง :: อ๊ะๆ ดีใจกันใช่ไหม แต่พี่ปัดขอบอกว่าอย่าพึ่งดีใจไปเพราะถึงการบ้านจะน้อยลง แต่มีรายงานเยอะขึ้นจ้ะ แถมยังเป็นเรื่องที่ต้องศึกษาค้นหาข้อมูลที่ละเอียดและลึกขึ้นกว่าสมัยมัธยมหลายเท่าตัว

               ได้รู้ 9 สิ่งที่จะต้องเจอกันไปแล้ว ว่าที่เฟรชชี่ทั้งหลายก็อย่าลืมเตรียมพร้อมทั้งกายและใจ รับมือกันให้ได้นะคะ พี่ปัดก็ขอให้น้องๆ ชาว Dek-D.com ที่เป็นเฟรชชี่ทุกคนจนมีความสุข สนุกสนานกับการได้เรียนในสิ่งที่ตัวเองหวังไว้ และอย่าลืมตั้งใจเรียนเพื่อคว้าปริญญาบัตรมาให้คุณพ่อ คุณแม่ท่านได้ภาคภูมิใจกันด้วยนะจ๊ะ