วันไก่ทอดสากล หรือ National Fried Chicken Day ตรงกับวันที่ 6 กรกฎาคมของทุกปี ไม่เคยมีบันทึกมาก่อนว่าวันนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร แต่เชื่อว่าน่าจะเกิดขึ้นที่สหรัฐอเมริกา โดยในวันนี้ ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดประเภทไก่ทอดมักจะคืนกำไรให้แก่ลูกค้าด้วยการให้ส่วนลดบ้าง หรือแจกไก่ทอดฟรี แต่น้องๆ รู้ไหมคะว่าบางครั้งร้านฟาสต์ฟู้ดก็ไม่ได้ขายเฉพาะอาหารเท่านั้น ยังมีสินค้าแปลกๆ ที่พวกเขาผลิตขึ้นเพื่อดึงดูดความสนใจจากลูกค้าด้วย จะประหลาดและเหลือเชื่อขนาดไหน ไปดูกันเลย!

       เพื่อเป็นการยืนยันว่าไก่ของ KFC อร่อยจนต้องเลียนิ้ว ตามสโลแกนที่ว่า “It’s finger lickin’ good” ทาง KFC สาขาฮ่องกงจึงออกผลิตภัณฑ์ใหม่เมื่อตอนเดือนพฤษภาคมปี 2016 เพื่อเอาใจสาวๆ ด้วยน้ำยาทาเล็บกินได้ ที่มีรสชาติเหมือนไก่ค่ะ น้ำยาทาเล็บที่ว่ามีทั้งหมด 2 สี ได้แก่ สีส้มภายใต้ชื่อรส Hot & Spicy และสีเบจในชื่อรส Original ค่ะ ซึ่งตัวน้ำยาทาเล็บทำมาจากวัตถุดิบที่กินได้ทั้งหมด โดยมีสารให้ความเหนียวจากผักเป็นส่วนผสมเพื่อให้น้ำยาสามารถเกาะอยู่บนเล็บได้ประมาณ 1 - 2 วัน และเนื่องจากวัตถุดิบทั้งหมดสามารถหมดอายุได้ ทำให้ต้องเก็บน้ำยาทาเล็บไว้ในตู้เย็นเท่านั้น และเก็บอยู่ได้สูงสุดเพียง 5 วัน แถมเมื่อเปิดใช้แล้วก็ควรใช้ให้หมดอีกต่างหาก มีผู้ออกมารีวิวในส่วนของรสชาติว่าดีอยู่เหมือนกัน แต่ไม่มีรสของไก่เลยแม้แต่น้อย 

       KFC ยังคงมีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่องอย่างเมื่อเดือนสิงหาคมปี 2016 เพื่อเป็นการโฆษณาไก่ทอดกรอบพิเศษตัวใหม่ ทางร้านจึงทำครีมกันแดดกลิ่นไก่ทอดออกมาแจกจำนวน 3,000 ขวด และจำกัดแค่ 1 ขวดต่อ 1 ครอบครัวในสหรัฐอเมริกา โดยเจ้าครีมกันแดดที่ว่านี่มีค่า SPF อยู่ที่ 30 พร้อมกับกลิ่นที่แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร นอกจากนี้ยังมีใบหน้าของผู้พันแซนเดอร์สแปะอยู่กลางขวดเป็นสัญลักษณ์อีกด้วย เชื่อไหมคะว่ามันได้รับความสนใจจากแฟนๆ KFC อย่างมาก เพราะมีผู้ลงชื่อรับครีมกันแดดจนสินค้าหมดเกลี้ยงในเวลาอันรวดเร็ว แต่ผลตอบรับจากผู้ใช้กลับไม่ดีอย่างที่คิด แถมยังมีคนออกมารีวิวว่ามันมีความมันกว่าครีมกันแดดปกติ จนรู้สึกเหมือนเอาไก่ทอดค้างคืนมาถูผิวเลยล่ะค่ะ

       ในยุคที่สมาร์ทโฟนแทบจะกลายเป็นปัจจัยที่ 5 ของมนุษย์ เป็นปกติที่เราจะเล่นโทรศัพท์และกินอาหารกลางวันไปด้วยใช่ไหมคะ แต่น้องๆ เคยประสบปัญหาเลื่อนหน้าจอไปมาแล้วน้ำมันจากไก่ทอดมาเลอะบนหน้าจอโทรศัพท์บ้างไหม ถ้าคำตอบคือ ใช่ KFC สาขาของประเทศเยอรมนีมีทางออกให้ค่ะ เมื่อพฤษภาคม 2015 ทางบริษัท KFC ได้เปลี่ยนจากกระดาษรองถาดมาเป็นบลูทูธคีย์บอร์ดที่ใช้ชื่อว่า Tray Typer เพียงแค่เชื่อมต่อโทรศัพท์เข้ากับคีย์บอร์ด เราก็ไม่จำเป็นต้องสัมผัสกับหน้าจอโทรศัพท์อีกแล้ว คราวนี้ไม่ว่ามือจะเลอะแค่ไหนก็สามารถใช้โทรศัพท์ได้สบายหายห่วงค่ะ

       เมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2015 หลังจากที่ KFC ของเยอรมนีออก Tray Typer ไป ทาง KFC ของแคนาดาเองก็ไม่ยอมน้อยหน้า ออกสินค้าใหม่ที่เรียกว่า Memories Bucket ซึ่งจัดทำขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองครบ 60 ปีที่ KFC มาเปิดให้บริการในแคนาดา โดยสินค้าที่ว่านี้ก็คือ ถังใส่ไก่ทอดที่ตรงฐานเป็นเครื่องปรินต์รูปโพราลอยด์ เพียงเชื่อมต่อโทรศัพท์กับปรินต์เตอร์ด้วยระบบบลูทูธก็สามารถเลือกรูปออกมาปรินต์ได้อย่างง่ายดาย ถือว่าเป็นไอเดียเจ๋งๆ ของ KFC ที่ต้องการให้ลูกค้าได้บันทึกความทรงจำดีๆ ระหว่างกันค่ะ

       ข้ามมาที่ฝั่งเอเชียกันบ้างค่ะ ทาง KFC ของประเทศญี่ปุ่นและร้านขายของ Village Vanguard ได้ร่วมมือกันคิดไอเดียแปลกๆ ทำสบู่สำหรับแช่ตัวหรือบาธบอมบ์กลิ่นไก่ทอดขึ้นมาค่ะ เรียกว่าทั้งน่ารักและตลกไปพร้อมๆ กัน เมื่อเจ้าก้อนบาธบอมบ์นี้ถูกออกแบบเป็นรูปน่องไก่ทอดสีเนื้อ เมื่อหย่อนลงไปในน้ำจะแตกเป็นฟองและมีกลิ่นคล้ายไก่ทอดของทางร้าน ถ้าสาวๆ คนไหนลงไปแช่คงมีกลิ่นไก่ทอดติดตัวไปทั้งวันไม่แพ้ครีมกันแดดกลิ่นไก่ทอดแน่ๆ เลยค่ะ แต่ที่น่าเสียดายคือ บาธบอมบ์ไก่ทอดไม่ได้วางขายทั่วไปนะคะ เพราะจะมีผู้โชคดีชาวญี่ปุ่นที่เล่นเกมกับทวิตเตอร์ของ KFC ญี่ปุ่นเพียง 100 คนเท่านั้นที่จะได้เป็นเจ้าของค่ะ

 

       เราเห็นผลิตภัณฑ์ที่ทำให้กลิ่นไก่ทอดติดตัวกันไปแล้ว ใครยังไม่สะใจอยากให้บ้านหอมกลิ่นไก่ทอดไปด้วย พี่ก็ขอเสนอเทียนกลิ่นไก่ทอดจาก KFC ประเทศนิวซีแลนด์ เทียนที่ว่านี้ถูกผลิตขึ้นมาแค่ 25 ชิ้นเท่านั้น และมีเพียงผู้โชคดี 1 คนที่จะได้เทียนนี้ไปครอบครอง โดยจะต้องเข้าร่วมสนุก เสนอไอเดียใหม่ๆ ว่า KFC ควรทำผลิตภัณฑ์อะไรใหม่ลงในอินสตาแกรม ก่อนที่ทางบริษัทจะจับฉลาก และรอรับเทียนไปจุดให้กลิ่นไก่ทอดฟุ้งทั่วห้องไปเลย

       ถ้าบ้านมีแต่กลิ่นไก่ทอดอย่างเดียวก็คงไม่ชัดเจนพอ เพราะทาง KFC ของนิวซีแลนด์ยังออกผลิตภัณฑ์แปลกๆ มาให้คนรักไก่ทอดได้กรี๊ดกันอย่างต่อเนื่อง อย่างเมื่อปลายปีที่แล้วทาง KFC ได้แจกที่ห้อยตกแต่งต้นคริสต์มาสเซ็ตพิเศษจากทางร้าน โดยใน 1 เซ็ตจะประกอบไปด้วย ถังไก่ทอด ปีกไก่ น่องไก่ เฟรนช์ฟรายส์ และใบหน้าของผู้พันแซนเดอร์ส ซึ่งหากใครอยากได้เซ็ตที่ห้อยต้นคริสต์มาสนี้ก็ต้องเล่นเกมกับทางอินสตาแกรมของบริษัทอีกเช่นเคย เพียงแค่ตอบคำถามว่า คุณตกแต่งต้นคริสต์มาสกับใคร ก็รอลุ้นเป็น 1 ใน 5 ผู้ที่จะได้รับของขวัญคริสต์มาสชิ้นพิเศษจาก KFC เลยค่ะ

       ถึงวันวาเลนไทน์แล้วใครยังซื้อดอกไม้ให้แฟนอยู่บ้างคะ พี่บอกเลยว่าเชยมาก เพราะตอนนี้ทาง KFC ของนิวซีแลนด์ (อีกแล้ว) ได้ออกแบบช่อไก่ทอด ที่นำไก่ป๊อป ไก่ไม่มีกระดูก และน่องไก่ทอดมามัดรวมกันเป็นช่อดอกไม้แจกฟรีเนื่องในวันวาเลนไทน์ สำหรับผู้โชคดีที่เล่นเกมกับทางร้านผ่านเฟซบุ๊ก จำนวนทั้งหมด 20 คน ส่วนใครที่อยากได้ช่อไก่ทอดแบบนี้ไปให้คนรักบ้างก็ลองไปซื้อไก่ของทางร้านมาทำเองง่ายๆ ก็ได้ค่ะ 

       อีกหนึ่งร้านฟาสต์ฟู้ดอย่าง Burger King เองก็มีผลิตภัณฑ์ไม่ธรรมดาออกมาเหมือนกันค่ะ หากใครเคยกิน Burger King จะต้องรู้เบอร์เกอร์จานเด็ดของทางร้านอย่างวอปเปอร์ (Whopper) แน่นอน ส่วนใครที่ชอบกลิ่นเนื้อย่างหอมๆ ของวอปเปอร์จนอยากจะได้กลิ่นตลอดเวลาทางร้านเองก็ช่วยแก้ปัญหาให้ได้ โดยการออกน้ำหอมกลิ่น ‘Flame-Grilled’ ออกมาให้ได้ใช้กัน ซึ่งน้ำหอมตัวนี้วางจำหน่ายตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2015 แล้วค่ะ สนนราคาอยู่ที่ 5,000 เยน หรือประมาณ 1,500 บาท และที่สำคัญคือ Flame-Grilled มีขายเพียงแค่ 1,000 ขวดทั่วโลกเท่านั้น

       ปิดท้ายกันด้วยยาสีฟันรสวอปเปอร์จาก Burger King ที่จะทำให้กลิ่นปากกลายเป็นกลิ่นวอปเปอร์ เมื่อต้นปีที่แล้วทางร้านปล่อยโฆษณาตลกๆ เพื่อเรียกเสียงหัวเราะจากลูกค้า โดยตัวโฆษณาพูดถึงผู้ชายที่รักกลิ่นวอปเปอร์มากจนไม่อยากแปรงฟัน แต่แล้วแฟนของเขากลับรับไม่ได้ สุดท้ายเขาเลยได้รับคำแนะนำให้ใช้ยาสีฟันตัวนี้เพื่อที่ฟันจะได้สะอาด ปากมีกลิ่นวอปเปอร์ และยังได้แฟนกลับคืนมาอีกด้วย ซึ่งทาง Burger King ก็ออกมาเฉลยทีหลังว่า มันเป็นเพียงมุกตลกสำหรับวัน April Fools’ Day เท่านั้น แต่ก็ไม่แน่นะคะ ทางร้านยังทำน้ำหอมกลิ่นวอปเปอร์มาแล้ว ในอนาคตอาจจะมียาสีฟันกลิ่นวอปเปอร์ออกมาจริงๆ ก็ได้

       แม้ว่าผลิตภัณฑ์ทั้งหมดนี้จะฟังดูแปลกๆ และไม่น่าขายได้เลยก็เถอะ แต่พี่คิดว่าบางทีทางร้านก็อาจจะอยากทำกิจกรรมสนุกๆ ลองอะไรใหม่ๆ เพื่อให้ลูกค้าไม่เบื่อกับสินค้าแบบเดิมๆ ถึงจะขายได้บ้าง ขายไม่ได้บ้าง แถมบางอย่างก็ได้ผลตอบรับไม่ดีกลับมา แต่ก็ถือว่าทางร้านเรียกความสนใจจากลูกค้าได้ดีพอสมควรเลยล่ะค่ะ แล้วน้องๆ ล่ะคะ ชอบสินค้าแปลกๆ ชิ้นไหนก็อย่าลืมคอมเมนต์เล่าสู่กันฟังบ้างนะคะ