"หญิง" เด็กวิทย์หัวใจศิลป์ ดีกรี PAT จีน 276 คะแนน (เผยเทคนิคแบบจัดเต็ม)

           สวัสดีค่ะ กลับมาเจอคอลัมน์ Admission Idol สุดยอดบุคคลที่เป็นไอดอลในเรื่องแอดมิชชั่น วันอังคารแบบนี้เรามีนัดกันเหมือนเดิม วันนี้พี่เมษ์จะพาน้องๆ ไปรู้จัก "พี่หญิง" สาวน่ารักที่ทิ้ง PAT7.4 = 276 ไม่รอลุ้นอักษรฯ แต่เสี่ยงรอในฐานะตัวสำรองด้วยการยื่นรับตรงด้วยคะแนน PAT1 = 75 จนติดบัญชีฯ จุฬาฯ !! เกิดอะไรขึ้นกับพี่คนนี้ ไปดูเลยดีกว่าค่ะ
แนะนำตัว
           สวัสดีค่ะ ชื่อหญิง สุวีรา สิริกัญญาโภคิน ตอนนี้เรียนอยู่ปี 2 คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จบจากโรงรียนหาดใหญ่วิทยาลัย จ.สงขลา แผนการเรียนวิทยาศาสตร์ค่ะ เป็นคนสดใส ขี้เล่น แล้วก็คุยเก่ง แต่เมื่อก่อนขี้อายนะ เพียงแต่เราพยายามปรับตัวค่ะ

เคยร้องไห้เพราะไม่อยากเรียนสายวิทย์?
           จริงๆแล้วต้องย้อนไปตั้งแต่ม.1 โรงเรียนเพิ่งเปิดโครงการ SMA (Science Math Ability) เป็นโครงการคณิต-วิทย์ ซึ่งพ่อแม่ก็สนใจเลยสนับสนุนเราให้ไปสอบดูแล้วก็ติด ซึ่งช่วงเข้าม.4 เราสามารถเรียนที่โรงเรียนเดิมได้ด้วยโควตาจากโครงการนี้โดยไม่ต้องสอบใหม่ เราก็เลยลองเรียนดู
           พอได้เรียนจริงๆ เรารู้สึกว่าสายวิทย์มันไม่ใช่สายของเราเลย เราอยากเรียนสายศิลป์ เพราะเรารู้สึกเหมือนถูกจำกัดในกรอบ แถมเพื่อนในห้องก็เก่งหลายคน เราเองก็ไม่ได้เรียนพิเศษวิชาทางด้านวิทย์-คณิต มาก่อนเลยในช่วง ม.ต้น มันก็เลยอาจจะยากและช้ากว่าเพื่อนคนอื่นๆ ในช่วงแรกเราเคยเครียด เคยรู้สึกไม่ดีถึงขั้นไปร้องไห้กับคุณแม่ แต่พอปรับตัวได้ก็สามารถเรียนไปได้เรื่อยๆ ก็โอเคขึ้น 

เจอคณะที่ใช่แบบไม่ตั้งใจ!!!
           ช่วง ม.5 เรามีค่ายที่ให้เราไปเจอพี่ม.6 มาพูดคุยกับเราเรื่องการเตรียมความพร้อมสำหรับการแอดมิชชั่น เพราะบอกกันตามตรงเราไม่รู้เรื่องแอดมิชชั่นเลย ไม่เข้าใจและก็ยังไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย พออาจารย์มาถามทีละคนว่าเตรียมตัวถึงไหนแล้ว อยากเรียนคณะอะไร เราก็ไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร แต่บังเอิญว่าพี่หญิงเรียนบัญชีฯ อยู่ ก็เลยตอบไปงงๆ ว่าอ่อ บัญชีฯ ค่ะ แต่ตั้งแต่วันนั้น เราก็รู้สึกว่าเนี่ยแหละคือเป้าหมายของเรา แม้มันจะมาแบบงงๆ แต่ก็ทำให้เราเดินไปได้ง่ายขึ้นเพราะมีเป้าหมายอยู่ ทำให้เรารู้ว่าเราต้องเตรียมตัวยังไง

การเตรียมตัวแอดมิชชั่น 
           จริงๆ หญิงเพิ่งมาเตรียมตัวแอดฯ ตอน ม.6 นะคะ ตอน ม.4 - ม.5 เราก็ยังไม่ค่อยอะไรมากมาย หญิงเริ่มเรียนพิเศษตอน ม. 5ช่วงปิดเทอม ก่อนขึ้น ม.6 และเราก็รู้แล้วว่าอยากเข้าคณะไร เราก็ดูว่ามันต้องใช้วิชาไหนบ้าง ซึ่งตอนนั้น เราลองยื่นรับตรง ที่ใช้คะแนน GAT กับ PAT1 เท่านั้น เราก็ลงเรียนแค่ 
-    คอร์สข้อสอบ PAT1 
-    คอร์สติวข้อสอบ GAT 
-    คอร์สวิชาภาษาไทยและก็สังคม อันนี้เผื่อเอาไว้ค่ะ
           ส่วนการอ่านหนังสือ หญิงเริ่มอ่านหนังสือตอน ม.6 คือเรารู้ว่าตัวเราค่อนข้างชิวเกินไปนะ แต่เราก็พยายามเอาข้อสอบเก่าๆ มาทำ ทำให้เยอะๆ ไว้ จะได้ชินกับการทำข้อสอบ ไม่ตื่นข้อสอบอย่างงี้มากกว่าค่ะ

วิธีฟิต PAT7.4 = 276
           หญิงต้องบอกว่าตัวหญิงเอง พูดภาษาจีนตั้งแต่เด็กเพราะที่บ้านพูดภาษาจีนกัน จนหลายคนบอกว่าที่หญิงได้คะแนนเยอะเพราะหญิงพูดภาษาจีนทุกวัน แต่จริงๆ แล้ว อยากบอกว่าหญิงก็พยายามมาเยอะนะ
           หญิงเริ่มเรียนภาษาจีนตั้งแต่ตอนประถม นับรวมมาก็ 9-10 ปีนะคะ ตอนแรกเราไม่ได้ชอบภาษาจีน แต่พ่อแม่อยากให้เรียน เราก็ลองเรียนดูค่ะ แถมเมื่อก่อนเราก็เป็นคนขี้อาย พ่อแม่เลยส่งเสริมให้ร่วมกิจกรรม เราก็เริ่มด้วยกิจกรรมการเล่านิทานภาษาจีนตอนป.6 แล้วได้ที่ 1 ขึ้นมา เลยรู้สึกว่า เอ๊ะเราก็ทำสิ่งนี้ได้ดีนี่นา เลยชอบภาษาจีนมากขึ้น และก็หันมาตั้งใจพัฒนาตัวเอง คอยฝึกฝนตัวเองมาเรื่อยๆ กลายเป็นจุดเริ่มต้น
           พอช่วงม. ต้นเราก็แข่งขัน เข้าร่วมกิจกรรมด้านภาษาจีนมากขึ้น รวมกับที่เราพยายามจัดให้ตัวเองมีสภาพแวดล้อมให้เกี่ยวข้องกับภาษาจีนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ นอกจากที่ที่บ้านพูดภาษาจีนกันแล้ว หญิงก็ฟังแต่เพลงจีน ดูรายการจีน ดูละครจีน ดูทีวีจีนตลอด เรียกว่าแทบไม่ฟังไม่ดูทีวีไทยเลยแหละค่ะ เราเลยได้ภาษามาเต็มๆ
           นอกจากนี้ ตอนช่วงใกล้สอบ เราก็ทำข้อสอบเก่าๆ หลายๆ ปีที่แล้วมาทำ เลยน่าจะเป็นส่วนที่ทำให้เราได้คะแนนเยอะขนาดนี้ 

PAT 7.4 = 276 แต่ไม่เรียนอักษรฯ!!!
อันนี้บอกเลยว่าเป็นการท้าทายความสามารถของตัวเราเองค่ะ ฮ่าๆๆๆ คือ จะมีคนบอกเราเสมอว่า เราเก่งภาษาจีนแต่หญิงอยากลองทำอะไรที่เราไม่ถนัด ไม่ใช่สิ่งที่เราถนัดมาก อยากลองอย่างอื่นบ้าง อยากได้อะไรๆมากขึ้น อีกอย่างที่บ้านทำธุรกิจอยู่แล้ว เราเลยรู้สึกว่า เรียนบัญชีฯ แหละ จะได้กลับมาช่วยงานที่บ้านด้วย 

ตัวสำรอง + PAT1 = 75 แต่ติดรับตรงบัญชีฯ จุฬาฯ!!!
           สำหรับ PAT1 หญิงไม่ได้ชอบคณิตมากเท่าไหร่ แถมบางทียังมีแอบขี้เกียจด้วย จะอ่านเฉพาะพาร์ทที่ชอบ ส่วนเวลาทำข้อสอบเราก็ทำเฉพาะพาร์ทที่เราทำได้หรือพาร์ทที่เราก็อ่านมา ประมาณว่าเลือกทำนั่นแหละค่ะ ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีนะคะ ผลมันเลยออกมาได้ 75 คะแนน แต่โชคดีที่คะแนน GAT= 272.50 เลยช่วยดึงคะแนนเรามามาก
           ต้องบอกเลยว่าใจแป้วมากตอนสมัครสอบ เพราะตอนสมัครก็มีปัญหา เราสมัครเท่าไหร่ๆ ก็ไม่ได้ พยายามติดต่อทางมหาวิทยาลัยก็หาสาเหตุไม่ได้เพราะเรายื่นครบทุกอย่าง จนเรามานั่งไล่อ่านทั้งหมดเราก็ถึงบางอ้อ คือ เรากรอกเกรดแบบทศนิยม 2 ตำแหน่ง แต่ทางมหาวิทยาลัยเค้าต้องการแค่ตำแหน่งเดียว อันนี้ฝากน้องๆ ไว้เลยนะคะ ว่าต้องระวังมากๆ หญิงเสียน้ำตาไปเรียบร้อย อ่าๆๆๆ  
           (ใจกล้าสมัครล้วนๆ เพราะจากคะแนนไม่น่าติดเลย รู้สึกมั้ย?) รู้สึกค่ะ เพราะคะแนน PAT1 เราแค่ 75 เอง แต่ต้องอธิบายว่า การรับตรง ตอนนั้นเปิดรับก่อน กสพท. หลายคนที่ยื่นแล้วติดก็ไม่ใช่คนที่อยากเรียนบัญชีฯ จริงๆ พอติด เค้าก็สละสิทธิ์แถมสละสิทธิ์กันเยอะด้วย เราที่เป็นตัวสำรองเลยได้เข้าไปในที่สุด 
           (บรรยากาศช่วงเป็นตัวสำรองรู้สึกยังไงบ้าง?) ช่วงรอประกาศผล และรอเรียก เราลุ้นมากค่ะ เพราะสอบไว้ไม่กี่ที่ เคยสอบ Smart1 เราก็พลาดไป เพราะเรายื่นแบบ 5 ปี เราก็ไม่ติด ทำให้เราเทความหวังไว้กับที่จุฬาฯ เลย แต่เราก็ทำใจไว้แล้วประมาณนึงเพราะคะแนนไม่ได้ดีมากมาย แต่ติดตัวสำรอง เราก็ต้องรอคนสละสิทธิ์ก็ยังแอบมีหวัง
           แถมตอนนั้นเราก็สอบรับตรงของ ม.สงขลานครินทร์ไปด้วย ก็ติดเภสัชฯ แถมใกล้สัมภาษณ์ เราเลยคุยกับพ่อแม่ว่าควรเอายังไงดี จะไปสอบหรือรอสำรอง ซึ่งพ่อแม่ก็อยากให้เราเรียนเภสัชฯ นะ แต่เราทบทวนตัวเองแล้ว กลัวจะไม่มีความสุขเพราะไม่ได้ถนัดทางวิทยศาสตร์มากเท่าไหร่ เลยตัดสินใจรอประกาศผลของจุฬาฯ แต่ก็เตรียมแผนสำรองไว้นะ ว่าถ้าไม่ได้จริงๆ ก็จะไม่ฝืนตัวเอง จะไปทางอักษรฯ ไม่ก็รัฐศาสตร์ ซึ่งมันเหมาะกับเรามาตั้งแต่ต้น แต่เราแค่อยากลองเสี่ยง ลองท้าทายดู

ประสบการณ์สัมภาษณ์
           อาจารย์น่ารักมากนะคะ ถึงเราจะติดแบบเป็นตัวสำรอง ก็ไม่ได้น่ากลัว ท่านต้องการเชคแค่ว่าเราปกติดี มีชวนคุเรื่องการเลือกคณะแหละค่ะ ว่าเออ ทำไมเราถึงอยากเรียนคณะนี้ มาสอบยังไง เป็นคนที่ไหน ฯลฯ อะไรแบบนี้มากกว่า ตอนคุยก็มีตื่นเต้นนิดหน่อย เพราะเป็นคณะที่เราอยากเข้ามากๆ แต่อาจารย์ท่านก็เข้าใจค่ะ 

เรื่องที่ยากที่สุดในชีวิตมหาวิทยาลัย
           เรื่องการปรับตัวแหละค่ะ เพราะเราเป็นเด็กต่างจังหวัดก็กลัวไม่มีเพื่อนคบ แล้วอีกอย่างคณะบัญชีฯ เป็นที่กล่าวขวัญด้วยเรื่องไฮโซ เราก็กลัวมาก กลัวไม่มีเพื่อนคบ แต่พอมาอยู่จริงๆ ก็มีคนที่คุยกับเราได้ เป็นคนแบบเดียวกับเรา เป็นเพื่อนสำหรับเราได้ในที่สุด 
           อีกอย่างช่วงแรก หญิงพักกับพี่สาว เดินทางลำบากมาก เพราะเราไปไหนไม่เป็นเลย เพื่อนก็ไม่มี ทำให้ชีวิตช่วงแรกๆ ทุกวันเราก็ทำได้แค่ไปเรียน แล้วกลับหอ เป็นแบบนี้จนเรารู้สึกเบื่อไปเลยแหละค่ะ จนผ่านมาสัก 2-3 เดือน เราก็เริ่มมีเพื่อน มีเพื่อนสนิทมากขึ้น และก็เริ่มปรับตัวกับการเดินทางได้ ทุกอย่างก็โอเคค่ะ ขอแค่เราเปิดใจ

ฝากถึงน้องๆ ที่กำลังรอแอดมิชชั่น
           อยากฝากว่า อย่าดูถูกความสามารถของตัวเอง เหมือนหญิงก็ไม่คิดว่าวันนึงจะมาเหยียบจุฬาฯ ได้ แต่นั่นแหละค่ะ บางทีความสามารถของเราก็มีมากกว่าที่เราคิด แต่ถ้าเราพยายาม มันก็ทำได้ เหมือนยิ่งพยายามมากแค่ไหน ผลก็ยิ่งออกมาแบบนั้น ขอให้สู้ๆ และก็มีกำลังใจต่อไปนะคะ เชื่อมั่นตัวเองไว้ค่ะ

           นี่แหละค่ะ ตัวอย่างของคนที่เชื่อมั่น และเลือกจะทำตามสิ่งที่ตัวเองฝันทั้งๆ ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะติดรับตรงจุฬาฯ ได้ ยังติดได้เลย!! พี่หญิงพิสูจน์แล้วว่าแค่เราไม่ดูถูกตัวเราเอง ขอให้เราเชื่อมั่น ตั้งใจ ฝึกฝน และพยายาม ยังไงก็ต้องทำได้แน่ๆ น้องๆ พยายามกันมาตั้งมากแล้ว พี่เมษ์ก็คิดว่าน้องๆ ต้องทำได้เช่นกัน,,, แล้วกลับมาเจอกันใหม่วันอังคารหน้าพร้อมไอดอลคนถัดไปได้ใน Admission Idol ที่นี่ เว็บไซต์ Dek-D.com เท่านั้นนะจ๊ะ บ๊ายบาย
พี่เมษ์
พี่เมษ์ - Columnist คอลัมนิสต์ฝ่ายการศึกษา

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

กากา 1 เม.ย. 58 15:36 น. 4
ผมก็เด็กวิทย์ Patจีน 279(ที่บ้านก็พูดจีน) เรียนภาษาจีน แต่ ต้องบอกเลยว่า กว่าเราจะได้ เห็นด้วยกับหญิงมาก คือ เราต้องทุ่มเทมากๆๆ แต่คนอื่นมักนึกว่าเราไม่ต้องทุ่มเทอะไรเลย อีกอย่าง ผมก็ไม่ได้เรียนอักษรเหมือนกัน มาเรียนรัฐศาสตร์ 555 แต่ก็มีความสุขดีคับ อยากสนับสนุนให้น้องเลือกตามที่ชอบ มากกว่าเลือกตามถนัดครับ แต่ถ้าได้ทั้งชอบทั้งถนัดก็จะดีมากครับ 555
0
กำลังโหลด
♛Queen B Member 31 มี.ค. 58 19:15 น. 2

เราก็เด็กวิทย์ แต่ชอบ ภาษาอังกฤษ ตอนนี้กำลังจะขึ้น ม.6 คิดว่า

จะไปสอบเกี่ยวกับภาษานี่แหละเยี่ยม

1
กำลังโหลด
กำลังโหลด

9 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
♛Queen B Member 31 มี.ค. 58 19:15 น. 2

เราก็เด็กวิทย์ แต่ชอบ ภาษาอังกฤษ ตอนนี้กำลังจะขึ้น ม.6 คิดว่า

จะไปสอบเกี่ยวกับภาษานี่แหละเยี่ยม

1
กำลังโหลด
junnemore Member 1 เม.ย. 58 14:09 น. 3

พี่หญิง ฮืออ เด็ก ญ.ว. ด้วย

หนูก็อยากไปเรียนจุฬาเหมือนกัน (แต่เป็นคณะครุฯ)

อ่านบทความแล้วรู้สึกมีกำลังใจมากๆ :D

0
กำลังโหลด
กากา 1 เม.ย. 58 15:36 น. 4
ผมก็เด็กวิทย์ Patจีน 279(ที่บ้านก็พูดจีน) เรียนภาษาจีน แต่ ต้องบอกเลยว่า กว่าเราจะได้ เห็นด้วยกับหญิงมาก คือ เราต้องทุ่มเทมากๆๆ แต่คนอื่นมักนึกว่าเราไม่ต้องทุ่มเทอะไรเลย อีกอย่าง ผมก็ไม่ได้เรียนอักษรเหมือนกัน มาเรียนรัฐศาสตร์ 555 แต่ก็มีความสุขดีคับ อยากสนับสนุนให้น้องเลือกตามที่ชอบ มากกว่าเลือกตามถนัดครับ แต่ถ้าได้ทั้งชอบทั้งถนัดก็จะดีมากครับ 555
0
กำลังโหลด
PAT 1 เม.ย. 58 16:08 น. 5
ช่วยแนะนำรายการวาไรตี้ของจีน หรือ หนังจีนให้หน่อยค่ะ สนใจภาษาจีนแต่หนูห่าง ภาษาจีนมา3ปี ต้องรือฝื่นอย่างนักคะ
0
กำลังโหลด
Fate Member 1 เม.ย. 58 19:14 น. 6

เด็กวิทย์เหมือนกันค่ะ รู้สึกแบบพี่เลยค่ะ เรียนห้องพิเศษมาตั้งแต่ม.ต้น แต่เราพึ่งมารู้ตัวตอน ม.5อยากเรียนเกี่ยวกับด้านภาษามากกว่า ตอนนี้ก็เหนื่อยมากๆเลยค่ะ พออ่านของพี่แล้วรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมามากๆ อังกฤษ-ญี่ปุ่น ไฟท์ติ้ง!

ร้องไห้เอ่อ..ร้องไห้

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด