"พี่เจมส์" เผยเทคนิคการอ่านให้ติดรอบรับตรง ม.5 ทำตามได้เลย !


          สวัสดีค่ะ ตอนนี้เชื่อว่าน้องๆ ม.6 คงกำลังตั้งใจกับสนามสอบสุดท้ายกับชีวิตแอดมิชชั่นกันอยู่เลย พี่อีฟขอเป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ ส่วนน้องๆ ม.5 ก็บอกเลยว่า ปิดเทอมนี้ต้องเริ่มเตรียมตัวกันได้แล้ว เพราะเหลือเวลาอีกไม่นาน เดี๋ยวรับตรงก็จะมากันแล้วค่ะ
 

          วันนี้ Admission Idol ของเรา พี่อีฟเลยขอพาไปรู้จักกับรุ่นพี่ที่เรียกได้ว่า มีการเตรียมพร้อมเตรียมตัวมานานก่อนลงสนามแข่งขัน เพราะรุ่นพี่ของเราวันนี้ ติดคณะในฝันตั้งแต่รอบรับตรงเลยค่ะ ซึ่งถือเป็นรับตรงที่เปิดเป็นที่แรกๆ เลย รุ่นพี่ของเราจะมีเคล็ดลับอะไร มีความฟิตมาขนาดไหนก่อนสอบ เราไปรู้จักและล้วงเคล็ดลับกับ พี่เจมส์ สุทธิชน รัตนยาติกุล กันเลยค่ะ

 สวัสดีค่ะ แนะนำตัวกับน้องๆ กันหน่อย
          สวัสดีครับ น้องๆ ชาวเด็กดีทุกคน พี่ชื่อ สุทธิชน รัตนยาติกุล เรียก พี่เจมส์ก็ได้ครับ ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ที่คณะทันตแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ปี 3 ครับ ส่วนช่วงมัธยม เจมส์จบชั้นมัธยมปลายจากโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน ภาค English Program (EP) สายวิทย์-คณิต GPAX 3.98 ครับ ^^

 ความฝัน แรงบันดาลใจกับคุณพ่อ
          จริงๆ ก็มีหลายเหตุผลนะครับ แต่เหตุผลหลักๆ คงเป็นเพราะ คุณพ่อของเจมส์ทำงานเป็นทันตแพทย์ครับ ทำให้เราเห็นแล้วก็คุ้นเคยตั้งแต่เด็กๆ เลย ว่าในหนึ่งวัน ทันตแพทย์ต้องทำอะไรบ้าง มีลักษณะงานเป็นยังไง บอกเลยว่ารู้แทบจะทุกส่วนของชีวิตประจำวันของอาชีพนี้เลยครับ ฮ่าๆ แต่นั่นก็คือการรู้ในมุมมองของผู้สังเกตการณ์นะครับ จนมีวันหนึ่งที่เรียกได้ว่าเป็นจุดพลิกผันขอชีวิตผมเลย คือวันนั้นเจมส์ได้ไปนั่งรอคุณพ่อที่คลินิก แล้วเห็นคนลุงคนหนึ่งเข้ามาที่คลินิกด้วยหน้าตาที่ดูกังวล และไม่ค่อยสบายมาก บอกว่าปวดฟันมาหลายวันแล้ว  แต่หลังจากที่คุณพ่อได้รักษาคุณลุงคนนั้นเสร็จ คุณลุงก็ยิ้มแย้ม มีความสุข หายปวดฟัน รอยยิ้มครั้งนั้นทำให้เจมส์เกิดความคิดว่า มันคงจะดีมากเลย ถ้าเราได้สามารถทำอะไรให้คนๆ หนึ่งมีรอยยิ้ม มีความสุขได้ หลังจากเหตุการณ์นี้ก็เลยทำให้เจมส์เริ่มมีความคิดที่อยากเป็นทันตแพทย์ครับ

 แค่ชอบไม่พอ ต้องใช่ด้วย
          ในการค้นหาอาชีพที่เหมาะสมกับตัวเองครั้งแรก เจมส์ก็หาข้อมูลต่างๆ จากอินเตอร์เน็ต ไม่ก็สอบถามจากรุ่นพี่ อย่างตัวเจมส์เอง ข้อมูลที่เอามาใช้ในการตัดสินใจ คือ เจมส์เปรียบเทียบระหว่างข้อดีและข้อเสียของแต่ละอาชีพที่เจมส์สนใจ หลังจากนั้นลองสมมติตัวเองดูว่า ถ้าเราได้ทำงานในอาชีพนั้นจริงๆ เราจะยอมรับและมีความสุขในอาชีพนั้นได้รึเปล่า  หรือถ้ายังไม่แน่ใจ เจมส์แนะนำว่าให้น้องๆ ลองไปสังเกต คนที่ทำงานในอาชีพต่างๆ ที่น้องๆ สนใจ ดูว่าเขาทำอะไรกันบ้างในแต่ละวัน ดูว่าจริงๆ แล้วมันเหมาะกับเรารึเปล่า
 

 ตั้งแต่รู้เป้าหมาย สมัครรับตรงที่ไหนไปบ้าง
          ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าเจมส์เป็นคนที่อยู่ขอนแก่นอยู่แล้ว ดังนั้น สนามสอบแรกที่ตั้งใจไปสอบ ก็คือ โครงการ DTX สอบรับตรงเข้าคณะทันตแพทยศาสตร์ของ มหาวิทยาลัยขอนแก่นครับ โครงการนี้เปิดรับสมัครผู้เข้าสอบจากทั่วประเทศเลยครับ ตอนไปสอบเราค่อนข้างมั่นใจมากว่าเราทำได้ เพราะเตรียมตัวไปดีมาก แต่ผลออกมา คือไม่ติดด โอ้ยย ตอนนั้นเศร้ามากครับ T^T  แต่พอประกาศคะแนน พบว่าคะแนนรวมของผมตอนนั้นน่าจะมากกว่าคะแนน Max ที่สอบติดนะครับ แต่พบว่าขาดคะแนนคณิตศาสตร์ไป 1 ข้อ ทำให้ไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนด ทางโครงการจึงไม่นำคะแนนส่วนอื่นไปคิดเลย T^T แต่จากเหตุการณ์นี้ ก็ทำให้เราเห็นจุดบกพร่องของตัวเองชัดขึ้น จะได้ไปแก้ไข อุดรอยรั่วให้หมด และเสริมจุดแข็งเพิ่มเติมอีกเพื่อเตรียมตัวไปสู้ในสนามต่อไปครับ
          หลังจากนั้นเจมส์ก็สอบอีกหลายสนามเลยครับ สนามที่สองก็คือ สอบตรงเข้าคณะแพทยศาสตร์ ม.ขอนแก่น โครงการ CPIRD (น้องที่อยู่ต่างจังหวัดอาจจะไม่รู้จัก รอบนี้เป็นสนามสอบเฉพาะเด็กภาคอีสานนะครับ) ซึ่งก็สอบติดครับ และอีกสนามก็เป็นการสอบแพทย์ทหารอากาศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งก็สอบได้เช่นกัน แต่ทั้งนี้เจมส์ก็ย้ำตัวเองเลยว่าเราห้ามลืมเป้าหมายของเราเด็ดขาด เลยสละสิทธิ์ไปทั้ง 2 ที่เลยครับ
          สนามสอบสุดท้ายคือ สนามสอบโควตา ม.ขอนแก่น ผมก็เลือกคณะทันตแพทยศาสตร์เลยครับ เพราะเลือกลงได้ 1 คณะ เอาจริงๆ ตอนนั้นรู้สึกเคว้งคว้างมากครับ ฮ่าๆ เพราะที่เรียนก็ยังไม่มี แต่สุดท้ายก็สอบติดครับ เป็นคะแนนสูงสุดของโควตาเลย ถือว่าคุ้มค่ากับที่เหนื่อยอ่านหนังสือมาหนักจริงๆ ครับ


 สนามสอบโควตา ม.ขอนแก่น ตอนนั้นที่เราสอบเข้ามาเป็นยังไงบ้าง
          โควตานี้เป็นสนามสอบเพื่อเข้า ม.ขอนแก่น กับ มหาวิทยาลัยเครือข่าย ของเด็กภาคอีสานครับ ตอนนั้นเจมส์เตรียมตัวเหมือนการเตรียมตัวทั่วๆ ไปครับ มีการจัดตารางการอ่านหนังสือ การนำข้อสอบเก่ามานั่งทำ อาจะทำสรุปเนื้อหาในบางหัวข้อที่ไม่ค่อยเข้าใจหรือจดจำได้ยาก
          ตอนทำข้อสอบ
 เราก็มีเคล็ดลับในแต่ละวิชาที่เราถนัด เช่น คณิตศาสตร์ เวลาทำ จะเลือกทำข้อที่คิดว่าเราทำได้ก่อนเพื่อเก็บคะแนนในส่วนนั้น จะได้ไม่เสียเวลานั่งทำโจทย์ข้อที่ทำแล้วไม่รู้จะตอบถูกรึเปล่า เวลาทำก็ต้องรอบคอบ มีสติ ข้อไหนใช้วิธีลัดได้ก็ใช้ ข้อไหนแทนค่าได้ก็แทนค่าไปเลย ลุยยยยยยยยยยยย แต่ข้อไหนที่ทำไม่ได้ก็อย่าลืมตอบตัวเลือกที่เลขสวยๆ ไปครับ (ล้อเล่นนะครับ 55555) ถ้าเป็นวิชาภาษาอังกฤษ วิธีของเจมส์คือ อ่านโจทย์ บทความเป็นภาพรวม จับประเด็นที่เขาต้องการถามให้ได้ ไม่จำเป็นต้องรู้ศัพท์ทุกตัว ให้พอเดาได้คร่าวๆ ก็พอแล้วครับ ส่วนวิชาอื่นๆ ที่เหลือ ก็ไม่ได้มีเคล็ดลับอะไรเป็นพิเศษครับ เน้นอ่านเยอะ อ่านหนัก แล้วจำให้ได้ก็พอ
 

 เคล็ดลับการอ่านหนังสือของเจมส์
          เจมส์ขอแบ่งเป็นข้อๆ เลยนะครับ น้องๆ จะได้มองเห็นชัดเจน
          1. การอ่านหนังสือของเจมส์ก็จะเริ่มจาก การจัดตารางในการอ่านหนังสือ เพราะมันเป็นการตั้งเป้าหมายให้กับตัวเองในแต่ละวัน  ถ้าเราไม่ทำตารางการอ่านก็จะไม่มีเป้าหมาย ก็จะอ่านบ้างไม่อ่านบ้าง พูดง่ายๆ คือ เราต้องมีวินัยในตัวเอง ทำให้เต็มที่ และอย่าลืมสร้างกำลังใจให้ตัวเองด้วยนะครับ
          2. การทบทวนสิ่งที่ได้เรียนรู้ในแต่ละวัน เจมส์ว่ามันสำคัญมาก ถ้าเราไปเรียนไม่ว่าจากในโรงเรียนหรือที่เรียนพิเศษ แล้วไม่กลับมาทบทวน ยังไงก็ลืม เราต้องหมั่นทบทวน อาจจะทำสรุป ซึ่งแล้วแต่วิธีของแต่ละคนเลยครับ  ส่วนตัวเจมส์ทำเฉพาะในวิชาที่ไม่ค่อยเข้าใจ วิชาไหนที่เราคิดว่าเราโอเคแล้ว เจมส์ก็ไม่ทำครับ
          3. ช่วงเวลาเตรียมสอบ บางทีเราอาจจะไม่มีเวลาพอที่จะสามารถทุ่มเทหนักๆ ได้ในทุกวิชา เราอาจจะเลือกทุ่มเทให้กับวิชาที่มีน้ำหนักคะแนนมาก  บทไหนสำคัญก็อ่านเยอะเป็นพิเศษกว่าบทอื่นๆ แต่ทั้งนี้เราก็ต้องเฉลี่ยอ่านให้ครบทุกวิชานะครับ ไม่ควรทิ้งสักวิชาเลย ยิ่งวิชาที่เป็นจุดอ่อนบอกเลยว่า อย่าหนีนะครับ เราต้องสู้กับมัน อย่าให้มันเป็นจุดด้อยของเราไปตลอดชีวิต ! พอเราเอาชนะมันได้ เราก็ไม่มีอะไรต้องกลัวตอนลงสนามสอบอีกแล้วครับ


 1 เดือนก่อนสอบ คิดว่าจำเป็นต้องทำอะไร หรือตอนนั้นเราทำอะไรอยู่
          1 เดือนก่อนสอบเป็นอะไรที่สำคัญมากเลย เจมส์เข้าใจนะว่าน้องๆ จะต้องกดดันมากแน่ๆ  เพราะตอนนั้นเจมส์ก็ค่อนข้างเครียดมากเหมือนกัน ในช่วงนี้เราควรต้องเริ่มทำข้อสอบเก่าแล้ว โดยเอาข้อสอบเก่าของโครงการที่น้องๆ จะสอบมาลองนั่งทำ ลองดูว่าแนวของข้อสอบโครงการนั้นเป็นแบบไหน เราจะได้รู้ว่าต้องเน้นเรื่องอะไร แล้วเรื่องอะไรไม่เน้น รวมถึงเป็นการทบทวนไปในตัวเลย จะได้วางแผนถูก แล้วไปเสริมในจุดที่เรายังไม่รู้เพิ่มเติม ถ้าทำไม่ได้ก็ดูเฉลยแล้วทำความเข้าใจจากโจทย์ครับ ที่สำคัญคือ ต้องลองทำเองให้สุดกำลังก่อนนะครับ อย่าพึ่งพาคนรอบข้างมากเกินไป เช่น ถามสูตร หรือการถามอะไรเล็กๆ น้อยๆ ก่อนจะคิดเอง พยายามเลี่ยงให้ได้มากที่สุด เพราะตอนสอบ เราเข้าไปสอบคนเดียว ไม่มีคนให้ถามแล้ว เจมส์บอกเลยว่า ยิ่งคิดเอง ยิ่งจำเร็ว สมองยิ่งแล่น และเป็นการเสริมสร้างความมั่นใจให้ตัวเองด้วยครับ !

 1 วันในการอ่านหนังสือของเจมส์
          การแบ่งเวลาของแต่ละคนก็คงต่างกัน แต่ในส่วนตัวเจมส์ เจมส์ก็จะวางตารางการอ่านหนังสือ เป็นวิชาเลยครับ เช่น วันนี้อ่านชีวะฯ ก็จะอ่านแต่ชีวะฯ จนถึงเป้าหมายที่วางไว้เลยครับ พรุ่งนี้ก็จะได้เริ่มอ่านวิชาอื่นๆ ตามตารางที่วางแผนไว้ครับ ในการอ่านแต่ละครั้ง เจมส์ก็จะมีช่วงพักเบรก เช่น กินข้าว อาบน้ำ ฟังเพลง ดูทีวี เล่น facebook สัก 10-15 นาที แล้วค่อยเริ่มอ่านต่อ ไม่งั้นเครียดเกินไปแล้วปวดหัว ก็จะยิ่งไม่มีสมาธิครับ คืออ่านหนัก แต่ก็ต้องมีช่วงเวลาให้ตัวเองพักผ่อนด้วย
 

 GPAX สูงมาก มีเคล็ดลับการเรียนในห้องยังไงบ้าง
          มาเข้าเรียนเสมอ ตั้งใจเรียน ทำงานส่งให้ครบตามที่อาจารย์กำหนดไว้ครับ เจมส์เชื่อว่าน้องๆ หลายคนจะชอบบ่นว่า การบ้านเยอะ ไม่มีเวลาอ่านหนังสือ แต่จริงๆ แล้วการทำการบ้านก็ถือเป็นการทบทวนไปในตัวนะครับ  แต่ถ้ามันมากไปเกินไปจริงๆ เราก็ต้องจัดการเวลาของเราให้ได้ แบ่งให้เหมาะสม คนอื่นทำได้ เราก็ต้องทำได้ :D

 ชีวิตมัธยม VS ชีวิตมหาวิทยาลัย
          ชีวิตมัธยมก็เหมือนเด็กคนอื่นๆ ครับ มีเรียนบ้าง เล่นบ้าง แต่ก็ยังไม่ออกลู่นอกทางเท่าไหร่ เพราะเราได้ตั้งเป้าหมายไว้แล้วครับ แต่ก็มีเล่นๆ บ้าง ถือเป็นสีสันของชีวิตและเป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดีอย่างหนึ่งครับ ช่วงก่อนจบก็จะเครียดๆ แค่ตอนที่เรายังสอบไม่ได้ในคณะที่ตัวเองต้องการ เพราะตอนนั้นมีทั้งความคาดหวังจากคนรอบข้าง แล้วก็ความคาดหวังจากตัวเองครับ ยิ่งเพื่อนในห้องมีที่เรียนแล้ว ยิ่งกดดันเข้าไปใหญ่เลย กลัวไม่มีที่เรียน
          ส่วน
ชีวิตมหาวิทยาลัย ก็จะแตกต่างจากมัธยมมากครับ เพราะ การเรียนขึ้นกับตัวเราเอง เราต้องมีความรับผิดชอบในตัวเองครับ ในบางครั้งการที่จะผ่านปัญหาที่เกิดขึ้นไปได้นั้นก็ต้องอาศัยกำลังใจที่ดีกับคนรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ เพื่อน แต่สุดท้ายทุกอย่างก็อยู่ที่ตัวเราเอง
 

 สุดท้ายแล้ว อยากให้ฝากอะไรถึงน้องๆ กันหน่อย
          ในการสอบแต่ละครั้ง ก็ต้องมีทั้งคนผิดหวังและสมหวังอยู่เสมอ สำหรับคนที่สมหวัง พี่ก็ขอแสดงความยินดีด้วยครับ ส่วนคนที่ผิดหวัง พี่อยากจะบอกว่าการสอบเข้านั้นมัน มันไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง มันไม่ใช่จุดปลายทางของน้อง แต่เป็นจุดเริ่มต้นต่างหาก การที่พลาดในครั้งนี้ก็ไม่ได้แปลว่า เราจะไม่มีโอกาสอีก โอกาสมันมีให้เราเสมอ เพียงแต่น้องต้องใช้โอกาสนั้นให้คุ้มค่า ใช้ทุกๆ โอกาสเหล่านั้นให้เต็มที่ ผลสุดท้ายจะเป็นยังไงก็ช่างมัน แต่อย่างน้อย เราก็จะไม่เสียดายหรอก เพราะเราทำได้ “เต็มที่” ที่สุดของเราแล้วครับ :D
 

          เป็นยังไงกันบ้างคะกับเรื่องราวของพี่เจมส์ บอกเลยว่าถ้าพี่อีฟเป็นน้องๆ ม.5 จะรีบลุกไปหยิบหนังสือมาอ่านเดี๋ยวนี้เลย ! อย่างที่พี่เจมส์บอกนะคะ ว่าโอกาสมีให้เราเสมอ เพียงแต่น้องต้องใช้โอกาสนั้นให้คุ้มค่า ใช้ทุกๆ โอกาสเหล่านั้นให้เต็มที่ ผลสุดท้ายจะเป็นยังไงเราก็จะไม่เสียดายค่ะ
 
พี่อีฟ

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

9 ความคิดเห็น

กำลังโหลด
กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด

ความคิดเห็นนี้ถูกลบเนื่องจาก

ถูกลบโดยทีมงาน เนื่องจากงดตั้งกระทู้วิจัย โครงงาน หรือใช้พื้นที่เว็บบอร์ดเพื่อการส่งการบ้าน เนื่องจากเป็นการรบกวนผู้ใช้บอร์ดท่านอื่นๆ ขออภัยในความไม่สะดวก

กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
กำลังโหลด
Member 28 พ.ค. 60 12:46 น. 9

เคยคุยกับพี่เขาแล้วประทับใจประโยคหนึ่งของพี่เขามากเลย

มีคนถามแกเยอะมากว่าเริ่มอ่านหนังสือตอนไหน ม.6 แล้วพึ่งจะอ่านมันทันไหม

สุดท้ายพี่เขาเลยบอกว่า

"จะเริ่มอ่านตอนไหนมันไม่สำคัญหรอกครับ มันสำคัญว่าพอเราเริ่มอ่านแล้วเราจริงจัง ทุ่มเทกับมันมากแค่ไหน"

เออมันก็จริงของพี่แก บางคนอ่านหนังสือมาตั้งแต่ม.4 แต่ไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้จริงจังก็ไม่ได้อะไร บางคนพึ่งจะมาเริ่มอ่านไม่นานแต่ทุ่มเทกับมัน สุดท้ายก็ทำคะแนนได้อย่างที่หวัง อาจจะเหนื่อยมากหน่อย แต่ผลลัพธ์ที่ได้มันก็คุ้ม

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด