เคล็ดลับเตรียมสอบของ “มายด์” รู้จัก PAT บาลี ตอน ม.6 อ่านเอง+เรียนฟรี จนได้ 270 คะแนน


           สวัสดีค่ะ วันนี้พี่แป้งจะพาไปรู้จักรุ่นพี่คนหนึ่งที่เป็นเด็กต่างจังหวัด แต่ก็พยายามในเรื่องเตรียมสอบจนติดอักษรฯ จุฬาฯ รอบรับตรง ที่สำคัญคือพี่เขาเพิ่งรู้จัก PAT บาลีตอน ม.6 แต่ก็ทุ่มเต็มที่จนใช้เป็นคะแนนยื่นเข้าจุฬาฯ ไปพบกับ พี่มายด์ ธัญชนก องค์ปรีชา กันเลยค่ะ

Q: แนะนำตัวให้น้องๆ รู้จักกันหน่อยค่ะ
           สวัสดีค่า ชื่อจริง ธัญชนก องค์ปรีชา ชื่อเล่นว่า มายด์ ค่ะ ตอนนี้เรียนอยู่ชั้นปีที่ 2 คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตอนม.ปลาย เรียนที่โรงเรียนกรรณสูตศึกษาลัย จังหวัดสุพรรณบุรี (เป็นเด็กต่างจังหวัด) สายศิลป์-คำนวณ ตอนจบม.6 เกรดเฉลี่ยน่าจะประมาณ 3.87 ค่ะ
 

Q: ตอนสอบเข้า น้องมายด์สอบเข้าด้วยวิธีไหนคะ?
           พี่เป็น #Dek59 ค่ะ เข้าอักษรฯ ด้วยวิธีแรกคือ รับตรงแบบปกติ ตอนนั้นรับ 250 คน ใช้แค่คะแนน 9 วิชาสามัญ ไทย สังคม อังกฤษ อย่างละ 25% รวม 75% และ PAT ภาษาที่ 3 (PAT 7) อีก 25% โดยจะใช้ PAT อะไรก็ได้ ซึ่งพี่เลือกสอบ PAT บาลี มีอีกวิธีคือยื่นแอดมิชชัน โดยใช้ เกรด(GPAX) O-NET GAT และ PAT 1 ค่ะ แต่พี่เลือกยื่นตั้งแต่รอบแรกแทน ไม่อยากรอแอดมิชชัน

           คะแนนที่ได้ GAT น่าจะประมาณ 235 (กว่าๆ) PAT 7.6 270 และวิชาสามัญ (ถ้าจำไม่ผิด) ภาษาไทย 84 ภาษาอังกฤษประมาณ 70 สังคมฯ 56 คะแนน, O-NET ภาษาไทย 90 สังคมฯ 68 ภาษาอังกฤษ 81 คณิต 55 วิทย์ 45 จะเห็นได้ว่าส่วนที่ไม่ได้ใช้ยื่นอย่าง GAT กับ O-NET ก็จะเน่าๆ หน่อยเพราะเอาเวลาไปทุ่มอ่านเฉพาะวิชาที่จะใช้สอบรับตรงเท่านั้น 55555


Q: อะไรที่ทำให้น้องมายด์เลือกเรียนคณะอักษรศาสตร์คะ?
           อืมม เรื่องมันยาวมากก ตอนแรกไม่ได้คิดเลยนะว่าจะเลือกเรียนอักษร (รู้สึกมันสูงเกินไปเกินจะเอื้อมถึง) แต่ก็อยากจะเรียนที่จุฬาฯ ตั้งแต่เด็กๆ แล้ว บวกกับชอบวิชาสังคมเป็นทุนเดิมและมีพี่สาวที่สนิทกันจบจากคณะรัฐศาสตร์ เลยมุ่งที่จะเรียนด้านสังคมศาสตร์ อย่างคณะนิติศาสตร์ รัฐศาสตร์ มากกว่า (แต่ก็อยากเข้าอักษรฯด้วยนะแค่ไม่คาดหวัง)

           เคยไปติวสอบเข้า BMIR ด้วย จุดเปลี่ยนมันอยู่ตอนจะขึ้น ม.6 นี่แหละ พอเรามานั่งถามตัวเองว่าเราอยากเรียนอะไรจริงๆ กันแน่ กลับพบว่าที่จริงเราแฮปปี้กับการเรียนภาษามากกว่า ชอบอ่านนิยาย วรรณคดีวรรณกรรม ชอบเรียนประวัติศาสตร์มาตั้งแต่เด็กๆ ขีดเขียนมาตั้งแต่เด็กๆ ถ้าตัดเรื่องพี่ออกไปแล้วเราชอบสายมนุษยศาสตร์มากกว่า

           ตอนนั้นเลยรู้ตัวว่าที่ผ่านมาเราเลือกเรียนตามพี่มาตลอด ทั้งที่จริงแล้วเราก็ไม่ได้ชอบขนาดนั้น เลยเบนความมุ่งมั่นเข้าอักษรฯแทน โชคดีที่ทั้งสองคณะใช้วิชาเหมือนๆ กันตอนยื่นเลยไม่เสียเวลาเปล่าตอนเตรียมตัวค่ะ


Q: คะแนน PAT 7.6 ภาษาบาลีได้ 270 คะแนนเลย น้องมายด์มีวิธีการเตรียมตัวสอบอย่างไรบ้างคะ?
           จริงๆ  PAT บาลีถ้าเตรียมตัวดีๆ ตั้งแต่เนิ่นๆ ไม่ยากเลยค่ะที่จะได้ 270+ มายด์เริ่มรู้จัก PAT บาลีตอนปิดเทอมใหญ่จะขึ้น ม.6 ตอนนั้นตรงกับวันที่จุฬาฯ ประกาศผลรับตรงรอบแรกพอดีแล้วเห็นคนติดอักษรฯ หลายคนสอบติดด้วย PAT บาลีเลยสนใจขึ้นมา

           พอนั่งหาข้อมูลแล้วก็พบว่าสามารถอ่านเองได้ ท่องเองได้ และทำคะแนนสูงๆได้ อีกวันเลยเข้ากรุงเทพมาซื้อหนังสือเลยตามที่รีวิวการสอบในเน็ตได้บอก 5555 (แนะนำร้านหนังสือสอบ PAT บาลี ร้านมหาจุฬาบรรณาคาร และร้านเรืองปัญญา แถวๆ ท่าพระจันทร์ แถวนั้นเป็นศูนย์รวมตำราเรียนบาลี)


           ได้หนังสือที่ต้องการแล้วคืนนั้นก็เริ่มอ่านเลย แต่พออ่านถึงบทที่ 2-3 แจกวิภัตตินามนามเท่านั้นแหละเลิกอ่านเองเลย 5555 รู้สึกยากมากกกกก ไม่เข้าใจเต็มไปหมด เลยหาที่เรียนแทน โชคดีไปเจอที่เรียน PAT บาลีฟรี ที่วัดโมลีโลกยาราม เปิดรับสมัครอยู่เลยสมัครไปเรียน

           หลังจากนั้นก็เรียนมาเรื่อยๆ อย่างจริงจังจนถึงก่อนสอบ PAT บาลี รวม 6 เดือนนิดๆ ดังนั้น ชีวิตประจำวันช่วง ม.6 เทอม 1 จะอยู่แค่ที่บ้าน โรงเรียน แล้วก็วัด วันธรรมดาไปโรงเรียน เรียนเสร็จกลับบ้าน เสาร์ไปเรียนบาลีที่วัด วนลูปอย่างนี้ทุกสัปดาห์จนถึงวันสอบ PAT สรุปก็คือ อาศัยเรียน PAT ที่วัดเป็นหลัก เรียนเสร็จก็กลับมาทบทวน ทำข้อสอบเก่าเอง

 

           ตอนนั้น 6 เดือนก่อนสอบ PAT รอบแรกก็ทุ่มเวลาให้กับ PAT บาลีอย่างเดียวเลย ท่องทุกวัน ไปโรงเรียนก็เอาหนังสือบาลีไปท่องด้วยตลอด ที่ต้องอ่านแต่บาลีเพราะเราไม่เคยเรียนมาก่อนแล้วเรียนภาษาต้องใช้เวลา ไม่เหมือนวิชาไทยสังคมอังกฤษที่สะสมมาตั้งแต่เด็กๆ

           ส่วนวิธีการทบทวนหรือฝึกทำโจทย์ ส่วนตัวจะทบทวนตั้งแต่เรื่องแรกจนถึงเรื่องที่เรียนปัจจุบันทุกวัน สมมติถ้าวันนี้จะเริ่มอ่านบทที่ 4 ก็จะทบทวนบทที่ 1 2 3 ก่อนอ่านเสมอ พอทวนแต่ละบทเสร็จก็จะเอาข้อสอบมาทำ ช่วงใกล้สอบก็จะนั่งทำข้อสอบเก่าแต่ละปีวนไปจนไม่มีข้อไหนผิด


Q: แล้ววิชาอื่นๆ ที่ต้องใช้สอบอย่าง GAT O-NET วิชาสามัญ น้องมายด์มีแผนการอ่านหนังสืออย่างไรบ้าง?
           ไม่ค่อยได้เรียนพิเศษมากค่ะ เน้นอ่านด้วยตัวเองมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ขึ้นม.ปลาย แต่ที่เรียนหลักๆ ก็มีแค่ 3 ที่คือ บาลี ที่วัดตอน ม.6 ภาษาอังกฤษที่เรียนมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วก็ภาษาไทย สังคมฯ ที่เรียนเฉพาะคอร์สเอ็นท์แต่เรียนจบไปตั้งแต่ ม.5 เทอม 2

           ช่วงม. 6 ก็จะเน้นไปที่บาลีมากกว่าอย่างที่บอกค่ะ พวก GAT O-NET 9 วิชาสามัญนี่เพิ่งมาอ่านอย่างจริงจังประมาณ 1 สัปดาห์ก่อนสอบเอง เราเน้นทำข้อสอบอย่างเดียวเพราะเนื้อหาเราคิดว่าโอเคแล้ว


Q: ถ้าเหลือเวลา 1 เดือนก่อนสอบ แต่ยังไม่ได้อ่านหนังสือสอบเลย คิดว่า น้องๆ ควรเริ่มอ่านอย่างไร
           ถ้าไม่เคยอ่านไม่มีอะไรผ่านตามาเลยก็แอบลำบากนะ ... อย่างแรกก็ต้องตั้งสติ มายด์จะเริ่มอ่านวิชาที่ตัวเองชอบและทำได้ดีที่สุดก่อน แล้วก็จะพยายามทำให้ได้คะแนนสูงๆ มาถ่วงดุลวิชาที่ไม่ถนัด เพราะข้อสอบมันยาก ควรเลือกวิชาที่มีความเป็นไปได้ว่าจะทำได้ก่อนวิชาอื่น ในเมื่อรู้แล้วว่าวิชาไหนเราไม่ถนัด ถ้ายังจะเลือกอ่านวิชานั้นอยู่อีกจะแน่ใจได้อย่างไรว่าภายในระยะเวลาอันสั้นเราจะทำมันได้?
 

Q: น้องมายด์มีวิธีในการให้กำลังใจตัวเองในการเตรียมตัวสอบอย่างไรบ้างคะ?
           อย่างแรกก็ต้องมีความมุ่งมั่น(อย่างแรงกล้า)ว่าจะเข้าคณะอะไร มหาวิทยาลัยอะไร เชื่อมั่นในตัวเองมากๆ อย่างมายด์รู้ว่าตัวเองอยากเข้าจุฬาฯ มาตั้งแต่เด็กๆ ก็ตั้งใจเรียนมาตลอด ว่างๆ ก็เอาหนังสือมาทบทวนบ้าง ไม่ได้รู้สึกเหนื่อยหรือต้องการกำลังใจอะไรมากเพราะเราก็เป็นกำลังใจให้ตัวเองและก็มั่นใจในตัวเอง ค่อยๆ เก็บสะสมมาเรื่อยๆ

           ช่วงไหนไม่อยากอ่านหนังสือก็จะไม่อ่านเลยนะ แต่ช่วงไหนอยากอ่านก็จะอ่านรัวๆ พอเข้ามหา'ลัยมา ช่วงแรกก็แอบท้อ เครียด เพราะเรียนหนักมากแล้วยังปรับตัวไม่ค่อยได้ แต่พอเข้าเทอม 2 ก็กลับมาแฮปปี้เหมือนเดิม สิ่งสำคัญของการเรียนมหา'ลัยเลยคือ "อย่าเอาตัวเองไปเทียบกับใคร" ไม่งั้นจะยิ่งเครียด เราแค่ทำส่วนของเราให้ดีที่สุดก็พอค่ะแล้วผลลัพธ์มันจะเป็นตัวบ่งบอกเอง


Q: ชีวิตในมหาวิทยาลัยกับชีวิตมัธยม แตกต่างกันเยอะมั้ย อย่างไรบ้าง?
           เยอะนะ แต่ชอบแบบมหา'ลัยมากกว่า อย่างมัธยมนี่อยู่กะพ่อแม่ก็จะมีคนคอยสปอย ทำนู่นทำนี่ให้ 555+ แต่พอเข้ามหาลัยต้องอยู่คนเดียว ดูแลตัวเอง เรื่องเรียนก็ได้เรียนอะไรที่มันลึกขึ้น ได้เรียนแต่สิ่งที่ชอบมันก็จะแฮปปี้หน่อยๆ

           เรื่องแบ่งเวลาก็จะเน้นเรียนเป็นหลักอยู่แล้ว เวลาว่างก็มีทำพาร์ทไทม์ที่โฮสเทลบ้าง ส่วนสอนพิเศษจริงๆ เป็นงานอดิเรก ถ้ามีคนติดต่อมาขอให้สอนก็สอนได้ค่ะ แต่ไม่ได้ถึงขนาดต้องหาเด็กสอนจริงจังอะไร

 

Q: คิดว่าอะไรคือสิ่งที่ยากที่สุดในการเรียนในมหาวิทยาลัยคะ?
           เรื่องปรับตัวในระยะแรกๆ นี่แหละค่ะ เพราะตอนปี 1 เรียนหนักมากกก การบ้านก็ต้องทำทุกวัน หนังสือก็ต้องอ่าน อยากนอนก็อยาก อย่างมัธยมนี่เรียน 8 วิชาก็เป็นวิชาที่เคยเรียนๆ มาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่มหา'ลัยมันไม่ใช่ มันเป็นวิชาใหม่หมดเลย ลงเรียนไป 7 ตัวก็เป็น 7 ตัวที่เราต้องเรียนรู้ใหม่หมด แถมอัดภายใน 1 เทอมอีก ดังนั้นถ้าปรับตัวได้เร็วก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าไม่ค่อยได้ก็คงหนักหน่อย

Q: สุดท้ายนี้อยากให้น้องมายด์ฝากกำลังใจถึงน้องๆ หน่อยค่ะ
           ก็ขอให้น้องทุกคนตั้งใจทำให้ดีที่สุด อย่าท้อง่ายๆ ถ้ายังไม่ได้พยายามจนถึงที่สุด อย่าเพิ่งคิดว่าตัวเองทำไม่ได้ แล้วก็เวลามันไม่เคยรอใคร ถ้าเริ่มอ่านหนังสือแต่เนิ่นๆได้ก็ควรเริ่มอ่านเลยแล้วรับรองว่าช่วงใกล้สอบจะสบายกว่าคนอื่นแน่ๆ

           สิ่งที่สำคัญที่สุดในการเรียนก็คือ "อย่าเอาตัวเองไปเทียบกับใคร" แบบที่พี่มายด์บอกนั่นแหละค่ะ การที่ไปเทียบจะยิ่งทำให้เรารู้สึกแย่ แค่พัฒนาตัวเอง เอาชนะตัวเองได้ นั่นคือความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่มากละเน้อ :)

 
พี่แป้ง
พี่แป้ง - Columnist นักข่าวสายรับตรง พร้อมเสิร์ฟข่าวสอบเข้าทุกมหา'ลัย เติมพลังได้จากชาเย็นหวานน้อย

แสดงความคิดเห็น

ถูกเลือกโดยทีมงาน

ยอดถูกใจสูงสุด

1 ความคิดเห็น

Beam 10 เม.ย. 61 18:26 น. 1

ขอบคุณที่แบ่งปันประสบการณ์นะคะหนูตัดสินใจว่าจะสอบบาลีอยู่พอดี อยากเข้าคณะรัฐศาสตร์จุฬาค่ะ จะทำให้ได้ สู้!

0
กำลังโหลด
กำลังโหลด