
Hola! วันนี้ขอมาแชร์เรื่องเล่าที่น่าสนใจมากๆ จาก 'น้องรวงข้าว - วรรธน์วรี ไชยมงคล' เด็กแลกเปลี่ยน AFS Spain ที่ได้สัมผัสระบบการเรียนที่ I.E.S Donoso Cortés Don Benito โรงเรียนรัฐบาลแห่งหนึ่งของสเปน (ไปเรียน ม.4 ถือเป็น ม.ต้นปีสุดท้ายของที่นั่น) ถึงจะต้องปรับตัวอย่างหนักหน่วงช่วงที่ภาษาสเปนเป็นศูนย์ แต่เป็นชีวิต 10 เดือนที่คุ้มและประทับใจจนไม่อยากกลับ ทั้งเรื่องโฮสต์ เพื่อน ครู โอกาสทำอะไรใหม่ๆ คาบเรียนก็น้อยแต่คุณภาพแน่น ทำให้เด็กทุ่มเทเวลาให้กับสิ่งที่สนใจเต็มที่ //นี่แค่ตัวอย่างบางมุมเท่านั้น เรามาอ่านรีวิว 10 ข้อฉบับเด็ก AFS Spain กันเลยค่ะ~
ปล. ราชอาณาจักรสเปน (Kingdom of Spain / Reino de España) ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของทวีปยุโรป1. มาพร้อมทักษะภาษาสเปนระดับ 0
"ตอนแรกหนูลังเลกับการเลือกประเทศสเปนเพราะเรื่องนี้ค่ะ แต่คิดไปคิดมาก็อยากลองดู จะได้รู้เพิ่มอีกภาษานึง ปรากฏว่าได้ไปอยู่เมือง Don Benito ที่คนไม่ค่อยพูดภาษาอังกฤษกันด้วย TT ก่อนไปสเปนก็มีลงคอร์สของ AFS กับคอร์สออนไลน์มาบ้างนิดนึงง เพราะมันยากจนเรียนเองไม่ค่อยได้
แล้วพอไปถึงพูดได้แค่ 'Hola' (โอลา = คำว่า 'สวัสดี' ในภาษาสเปน) ตอนเรียนเค้าไม่ค่อยแจกชีท ต้องจดเยอะมากๆ แน่นอนว่าช่วงแรกไม่ทันเลยค่ะ!! 5555 อีกอย่างคือเวลาจะเมกเฟรนด์ เพื่อนที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เค้าก็จะมีกำแพงแล้วค่อยๆ fade จากเรา หนูเคยโดนเพื่อนคนแรกเทด้วยนะ มันเป็นฟีลสับสนมาก จะพูดจะแปลก็ยากไปหมด จากนั้นก็มานั่งคิดว่าถ้าจะนั่งรอคนอื่นเข้าหาอย่างเดียวไม่ได้นะ เราต้องพยายามฝึกภาษาสเปนด้วย"
"ตอนนั้นหนูมีพกหนังสือแกรมมาร์กับดิกชันนารีอังกฤษ-สเปนไปด้วย ว่างๆ ก็เปิดมาไฮไลต์ จดศัพท์ใส่กระดาษ เขียนคำแปล ท่องทุกวันๆ ดูทีวีบ่อยๆ โชคดีตรงโฮสต์แม่เป็นอาจารย์สอนภาษาสเปน ส่วนโฮสต์พ่อเป็นคนตลกเฮฮา เค้าพยายามสอนนู่นนี่แล้วค่อยๆ เพิ่มระดับความยาก มีกฎให้เล่าเรื่องวันละ 1 topic ด้วย ตอนแรกเครียดเลย ต้องคิดทุกวันตอนเดินกลับบ้านว่าจะเล่าอะไรดี แต่กฎนี้ทำให้กล้าพูดและได้ฝึกภาษาเต็มที่
แต่มีอีกวิธีนึงที่อยากแนะนำคนที่กำลังฝึกภาษาสเปน ช่วงแลกเปลี่ยนเราต้องช่วยโฮสต์ดูแลน้องในบ้าน 3-4 ขวบ แล้วเค้าดูการ์ตูนเยอะมาก กลายเป็นหนูก็ได้นั่งดูไปด้วย ค่่อยๆ ซึมซับทีละนิด บอกเลยวิธีนี้เวิร์กเพราะภาษาในการ์ตูนฟังง่ายไม่ซับซ้อน และเห็นภาพชัดเจน"
2. ตารางเรียนไม่แน่น
"หนูเรียนแค่วันละ 5 คาบ ตั้งแต่ 8.30-14.30 น. ตอนได้ยินจำนวนก็คิดในใจว่า ห้ะ มันจะน้อยไปมั้ยยย? เรียนแค่นี้จะได้อะไรหรอ แต่ปรากฏว่าเราแค่ไม่ชินที่มันน้อยกว่าตอนเรียนที่ไทย เหตุผลที่คาบน้อยเพราะเรียนคณิตแค่ตัวเดียว (ยาก/ง่าย) ส่วนวิทย์แยกเป็นสาขา (ฟิสิกส์/เคมี/ชีวะ) ให้เลือกอย่างน้อย 1 วิชาในกลุ่ม การเรียนก็จริงจัง ต้องค้นคว้าเพิ่ม และมีการบ้านวันละ 2-3 คาบ แต่ไม่มีใครลอกกัน ถ้าไม่เข้าใจจะมีไลน์กลุ่มที่เพื่อนตั้งไว้คอยถามกัน บางทีเพื่อนถ่ายคลิป how to มาสอนให้เลยค่ะ ยอมใจมาก
จากนั้นพอหลังโรงเรียนเลิก นักเรียนก็จะแยกย้ายไปทำกิจกรรมที่สนใจหรือค้นหาตัวเอง เช่น เข้าชมรมอาสา เรียนเต้น เล่นดนตรี อ่านหนังสือทบทวน ซึ่งกิจกรรมฮิตของผู้ชายสเปนคือเล่นกีฬา แต่คนส่วนใหญ่จะไม่ค่อยไปลงคอร์สเรียนเสริมกัน"
Note: เราจะคุ้นเคยกับการสวัสดีและขอบคุณในห้องเรียน แต่ที่สเปน กริ่งดังปุ๊บ นักเรียนลุกแล้วเปิดประตูออกจากห้องแม้อาจารย์จะกำลังพูดอยู่ก็ตาม เพราะเวลาของใครของมัน"
3. เลือกวิชาได้อิสระ
แต่เรียนแบบเข้มข้นมากกก
"สเปนจะมี ม.ต้น = 4 ปี (เป็นการศึกษาภาคบังคับ) + ม.ปลายอีก 2 ปี (เด็กเลือกได้ว่าจะต่อสายสามัญหรือสายอาชีพ) ดังนั้นหนูไปเรียน ม.4 ก็นับเป็น ม.ต้นปีสุดท้ายของระบบการเรียนนั่นเองค่ะ แล้วพอนักเรียนเลือกวิชาเรียนเองไปประมาณ 70% ได้ ก็ทำให้พวกเขาเต็มที่และให้ความสำคัญกับทุกวิชาทั้งวิชาหลักและวิชาเสริม แต่ละคนก็รู้ตัวเร็วด้วยว่าอยากเรียนต่อและทำงานทางไหน พอขึ้น ม.5 ก็ไปลงวิชาที่เกี่ยวข้อง เช่น ถ้าอยากเป็นหมอ พยาบาล ก็จะเลือกเรียนสายสุขภาพ ชีวะ เคมี แต่ไม่ต้องเลือกฟิสิกส์ขั้นสูงเหมือนคนที่จะต่อวิศวะก็ได้
ข้อดีคือได้ทุ่มเทในเส้นทางที่จะเลือก ไม่ใช่เรียนหว่านๆ แต่เรียนอย่างมีเป้าหมาย และช่วยสร้างความมั่นใจด้วยว่านี่คือสิ่งที่เค้าอยากเรียนจริงๆ ซึ่งจากที่หนูลองถามเพื่อนในห้อง คำตอบของเค้ามีทั้งช่างทำผม พ่อครัว หมอ พยาบาล นักวาดการ์ตูน ฯลฯ ฮิตสุดคือนักกีฬา เราว่ามันดีมากๆ เพราะปัจจัยรอบข้างซัพพอร์ตแบบนี้แหละ
แล้วเมื่อเลือกเรียนวิชาไหนแล้วเราจะไม่ได้เรียนแตะๆ หรือเรียนๆ เล่นๆ แล้วผ่าน กว่าจะผ่านได้คือยากมาก อย่างเช่นวิชา Art (ที่นี่ก็ไม่ได้บังคับ) เรื่องที่สอนมีทั้งสีน้ำ การแรเงา การออกแบบบ้านสามมิติ การแกะสลักแบบลดเอียดๆ ขึ้นแท่นพิมพ์ พิมพ์เป็นสิบๆ รอบจนกว่าจะออกมาน่าพอใจ (เค้าไม่มีหวงกระดาษ เพราะรัฐสนับสนุนเต็มที่ โรงเรียนมีอุปกรณ์ให้เราพร้อม) นักเรียนก็จะได้เรียนลึก ฝึกทำเยอะ แต่ไม่รู้สึกกดดันเลย เค้ากำหนดกรอบเวลาการทำงานให้เหมาะสม
แล้วสเปนนี่แหละที่ช่วยดึงศักยภาพเราออกมา ทำให้จากที่เคยไม่โอเคกับสีน้ำ ก็ได้ค้นพบว่าจริงๆ เราชอบและสามารถทำด้านนี้ได้ดีด้วย เค้าสอนเทคนิคและมีวิธีทำให้เรามั่นใจขึ้น อย่างเช่นตอนที่เราไม่กล้าลงสีส่วนที่เป็นรายละเอียดเล็กๆ กลัวมันพัง ก็เลยไปให้อาจารย์ช่วย สิ่งที่เค้าบอกคือ 'เชื่อครูสิ เธอทำได้' แล้วพอหนูลองก็ทำได้จริงๆ 'เห็นมั้ย? ทำได้นี่นา ไม่เห็นต้องกลัวเลย' แล้วเชื่อมั้ยว่าเพื่อนทุกคนทำงานศิลปะออกมาได้ดีมากทั้งห้อง!"
ส่วนป้ายตัวการ์ตูนคือผลงานคลาสสิก (ช่วยกันทำทั้งห้อง)
ตัวอย่างวิชาเรียนอื่นๆ
- Drama Class ถึงจะติดเรื่องภาษา แต่พอเรียนกับเพื่อนที่ความสนใจเหมือนกันเลยไม่เครียด เป็นคาบที่สนุกมาก
- Latin Language พาไปดูสถานที่จริง เช่น ดูซากอารยธรรมโรมันว่าเค้าใช้ภาษาเขียนแบบไหน
- Western History โหดสุดแล้ว สอนวิเคราะห์ว่าคนนี้คิดยังไง เพราะอะไร หนูจับใจความได้ไม่เยอะเพราะศัพท์ยาก แค่รู้ว่าเค้าวิเคราะห์ตัวละครลึกมากจริงๆ
- Spanish Literature โรงเรียนจะให้นักเรียนทุกชั้นอ่านงานเขียนคนละเล่มต่อเทอม พอจบเทอมก็จะเชิญนักเขียนคนนั้นมาที่โรงเรียนจริงๆ เพื่อพูดสร้างแรงบันดาลใจ หนูมีโอกาสได้แปลบทกวีของเค้าเป็นภาษาไทยแล้วไปอ่านบนเวทีด้วย ได้ลายเซ็นมาด้วยนะคะ รูปนี้ถ่ายกับนักเขียนและเพื่อนในคลา
- Social นี่ก็โหด 55555 เค้าให้จำแผนที่สเปนกับแผนที่แต่ละทวีป แล้วชื่อประเทศก็จำเป็นภาษาสเปนด้วยนะคะ ตอนนั้นจำได้ว่าสับสนกระจุกฮังการีมาก ซึ่งที่สเปนจะมีขายแผนที่ที่เว้นชื่อประเทศไว้สำหรับใช้สอบโดยเฉพาะ จากที่หนูไม่เคยสนใจภูมิศาสตร์ ไม่รู้ว่าประเทศอะไรอยู่ตรงไหน พอกลับไทยคือแม่นเชียวแหละ
- Math ทุกคนต้องเรียน แต่เลือกระดับความยากได้ หนูเพิ่งมารู้ทีหลังว่าตัวเองเลือกแบบยากไป แล้วคือ เฮ้ย นี่ยากแล้วหรอ เพราะที่ไทยสอนยากมาก เรียนเลข ม.4 เรื่องที่หนูเรียนมาตั้งแต่ ม.1-2 แล้วยังใช้เครื่องคิดเลขได้อีก สมมติใน Textbook จะมีเนื้อหา ส่วนข้างๆ มีสอนวิธีใช้เครื่องคิดเลขเลยค่ะ ตอนสอบก็ใช้ได้ เพราะเค้ามองว่า ‘ถ้าคุณไม่เข้าใจระบบคิด ถึงมีเครื่องคิดเลขก็ทำไม่ได้อยู่ดี’
- Philosophy ให้เอาประเด็นสังคมมาถกเถียงกัน เวลาใครคิดต่างก็เปิดใจรับฟังกัน เถียงได้ไม่มีถูกผิด เช่น เรื่องการุณยฆาต เราเห็นด้วยมั้ย เพราะอะไร แล้วเรามองว่ากฎหมายควรอนุมัติมั้ย
4. รัฐสนับสนุนการศึกษาเต็มที่
มีหนังสือหรือแล็ปท็อปให้ยืมเรียน
"เกือบทุกโรงเรียนจะให้ laptop จิ๋วที่แอบช้าแต่ใช้การได้ โดยให้ใช้เรียน ม.1-4 แล้วค่อยคืน เป็นตัวเลือกสำหรับนักเรียนที่ขี้เกียจแบกหนังสือไปมา ส่วนหนังสือก็ใช้ซื้อ E-book ผ่านแอปฯ แทน ถือเป็นการลดโลกร้อนในตัว หรือถ้าใครถนัดใช้หนังสือจริงไว้ไฮไลต์หรือโน้ตเพิิ่มก็ซื้อเองได้อีกเหมือนกัน
แต่ๆ หนังสือที่นู่นแพงมากกกก เล่มบางๆ ก็ปาไป 1,300 บาทแล้ว (คือกุมขมับอ่ะ เล่ม 80-100 บาทเราคือฝันไปเลย 5555) แต่โรงเรียนก็มีหนังสือให้ยืมเรียนสำหรับนักเรียนที่มีข้อจำกัดเรื่องงบ เพียงแต่มีเงื่อนไขว่าต้องรักษาหนังสือให้คงอยู่ในสภาพดีเพื่อส่งต่อให้น้องรุ่นต่อไป เราว่ามันเป็นนโยบายที่ดีมากๆ เลยค่ะ"
5. ตอบถูกผิดไม่สำคัญ
เน้นมีส่วนร่วมในคลาสเรียน
"ข้อนี้อาจเป็นปกติของฝั่งยุโรปที่สนับสนุนให้คนกล้าคิด การพูด และกล้าแสดงออก ยิ่งเรื่องการแต่งกายไม่ต้องพูดถึงเลย เราว่ามันดีมากๆ ถ้าไม่เกินขอบเขต ที่ประทับใจมากคือจะตอบถูกผิดก็ไม่สำคัญ สมมติมีใครตอบผิดก็ไม่มีอาจารย์คนไหนมา blame เด็ก มีแต่ให้กำลังใจแล้วบอกว่าลองใหม่ ทำให้นักเรียนกล้าที่จะมีส่วนร่วมในคลาสเรียนมากขึ้น
แล้วอาจารย์ที่สเปนก็ดีจนทำให้หนูชอบคณิตขึ้นมาเลยค่ะ ถึงแม้นักเรียนจะไม่เข้าใจเรื่องเบสิกแค่ไหนเค้าก็กล้าถาม แล้วครูก็เต็มใจอธิบายให้ละเอียด พยายามจนกว่านักเรียนจะเข้าใจนั่นแหละ ทำให้หนูคะแนนพัฒนาขึ้นมาจากตอนแรก หลังๆ มีได้ท็อปห้องเลยด้วยซ้ำ"
Note: ที่นี่มีกฎไม่อนุญาตให้ใช้โทรศัพท์มือถือที่โรงเรียนทุกกรณี เข้มงวดมากเรื่องนี้ เลยได้คุยกับเพื่อนเยอะขึ้นเวลาพักเบรคไม่มีใครมานั่งจิ้มโทรศัพท์ค่ะ
6. ไม่มีเกรดเฉลี่ย มีแต่ผลคะแนนรายวิชา
ซึ่งเชื่อถือได้เพราะแทบ 100% = คะแนนสอบ
"หนูมีไปแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับหลายคนรวมถึงโฮสต์แม่ที่เป็นอาจารย์เหมือนกัน ก็เลยได้เปิดโลกมากๆ ปกติที่ไทยถ้าเจอวิชาไม่ถนัดแต่หน่วยกิตเยอะๆ มันก็จะฉุดลงจนดูเหมือนเราไม่เก่งใช่มั้ยคะ แต่เหตุผลที่สเปนไม่มีเกรดเฉลี่ย มันสามารถสะท้อนได้ว่า
- การที่ไม่มีเกรดเฉลี่ยรวม = ทุกรายวิชาจะบ่งบอกตัวเองและคนรอบข้างว่าคนนี้ถนัดอะไรและชอบอะไร ไม่ใช่ตัวเลขรวมสุดท้ายที่วัดความสามารถทั้งหมดของเด็กคนนั้น มันวัดด้วยตัวเลขจำนวนเดียวไม่ได้อยู่แล้ว
- คะแนนจากโรงเรียนเอาไปใช้ยื่น 50% - 50% กับข้อสอบกลางเลยทีเดียว เลยไม่แปลกใจว่าทำไมนักเรียนส่วนใหญ่ที่อยากเข้าคณะคะแนนสูงๆ ถึงจริงจังกับการเรียนมาก เพราะมันมีผลต่อการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัย
ซึ่งเหตุผลที่ผลการเรียนเชื่อถือได้มากๆ เพราะในคะแนนเต็ม 10 ของรายวิชานั้นมาจากการสอบแทบทั้งหมด อย่างคณิตคือสอบ 100% เลยค่ะ การบ้านมีไว้ฝึกทำแล้วมาแลกเปลี่ยนกันเฉยๆ ดังนั้นถ้าใครได้ 10 คือเก่งจริง ไม่มีสอบแก้ด้วย ไม่ผ่านคือไม่ผ่าน ถ้าตกบ่อยจนคะแนนไม่ถึงเกณฑ์ก็ซ้ำชั้นเลย เพื่อนบางคนเรียนจนหนวดขึ้นยังไม่ผ่าน เท่ากับว่าคะแนนเกือบทั้งหมดสามารถประเมินความรู้ความเข้าใจในบทเรียนนั้นๆ ได้ล้วนๆ
แล้วหนูไม่เคยเห็นข้อสอบตัวเลือกเลย ทั้งหมดจะเป็นข้อเขียน โฮสต์แม่เล่าให้ฟังว่ามันคือการวัดความเข้าใจของเด็กจากกระบวนการและวิธีการคิด ไม่ได้สนใจแค่คำตอบสุดท้ายอย่างเดียว"
7. อาจารย์ใส่ใจพร้อมให้คำปรึกษา
เรียนไม่ทันก็ไม่มีเคว้ง
"เค้าจะชอบมาทักทาย ชวนคุย พยายามพูดช้าๆ เพราะเข้าใจว่าหนูไม่ไ่ด้ภาษา แล้วถ้าอะไรเกินความสามารถก็จะช่วยอนุโลมให้ (จนหนูแอบเกรงใจเพื่อนเลย) มีครั้งนึงหนูเรียนคลาสเล็ก อาจารย์วิชาปรัชญาสังเกตเห็นหนูหน้าตาบึ้งๆ ก็ถามแล้วว่า'เฮ้! เป็นยังไงบ้าง? วันนี้โอเคมั้ย?' ใส่ใจถึงขั้นนี้เลยยย
อีกอย่างครูแนะแนวจะมีประวัติของทุกคนเก็บไว้ เก็บข้อมูลลึกมาก เช่น ใครเคยทะเลาะกับเพื่อน ใครมีปัญหาอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ มีประสานกับครูประจำชั้นด้วย เค้าเองก็เคยเรียกหนูไปถามว่าเป็นยังไงบ้าง เรียนไหวมั้ย ภาษาโอเคขึ้นรึยัง ตอนนั้นหนูบอกตรงๆ ว่าวิชาประวัติศาสตร์มันยากมากสำหรับเราจริงๆ เค้าก็เอาออกให้แล้วแทนที่ด้วยคอร์สภาษาสเปน หรือนักเรียนคนไหนเรียนไม่ทัน เค้าจะพยายามหาคลาสมาให้เรียนเสริมเพื่อให้ทันเพื่อน"
8. ลองทำจิตอาสา เจอเด็กที่น่ารักเกินต้าน
"นอกจากเรื่องเรียน ก็มีโอกาสลองทำอะไรใหม่ๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อน เอเยนซี่ที่ดูแลโดยตรงเค้าบอกว่าจุดประสงค์ของการแลกเปลี่ยนไม่ใช่ว่าเราต้องเก่งจากที่นี่ แต่ต้องเรียนรู้ด้วยว่าจริงๆ แล้วเราชอบทำอะไร บ้าง ตอนแรกหนูก็จะลงเรียนเต้นฟลาเมงโก (Flamenco) ที่เป็นวัฒนธรรมเก่าแก่ของสเปน แล้วเค้าก็แนะนำอีกอย่างนึงขึ้นมา นั่นก็คือ 'กิจกรรมจิตอาสา'
หนูได้ยินตอนแรกก็รู้สึกไม่น่าจะใช่ทางเรานะ ไม่ได้รักเด็กขนาดนั้น แต่พอลองไปแล้วแบบ โห ประทับใจตั้งแต่วันแรก TT รู้สึกขอบคุณที่เค้าพาเรามาด้วย มันยากและการคุยกับเด็ก แต่ใครจะรู้ว่าเด็ก 8-9 ขวบเค้าเข้าใจว่าเรายังไม่ค่อยได้ภาษาสเปน เค้าพยายามชวนคุยและพูดให้ช้าลง ก่อนกลับมีบอกด้วยว่า ‘อาทิตย์หน้ามาอีกน้าาา เราจะรอ’ น่ารักมากกก แล้วในกลุ่มอาสาสมัครก็จะมีกรุ๊ปไลน์ใช่มั้ยคะ พี่ๆ มาเล่าให้ฟังว่ามีน้องๆ ถามถึงรวงข้าวเยอะมากๆ เลยนะ มีเด็กคอลไลน์มาหาด้วย เค้าบอกว่า 'พรุ่งนี้มาด้วยนะ~' (พูดเป็นภาษาสเปนนะ)
อ่านกระทู้รีวิวจิตอาสาที่สเปน9. โฮสต์ดูแลดีจนไม่อยากกลับ
"ต้องบอกว่าตลอดเวลาที่อยู่บ้านโฮสต์ เค้าดูแลเราดีจนคืนก่อนกลับไทย หนูนอนไม่หลับเลยค่ะ ยิ่งพอตื่นมากินอาหารเช้าเตรียมออกจากบ้านนี่เครียดมากกก TT โฮสต์ก็ปลอบว่าไม่ต้องกังวลน้าา เดี๋ยวก็ได้เจอกันอีก
จริงๆ หนูรู้สึกเชื่อใจพวกเขาได้ตั้งแต่รู้ว่าพวกเขารับอุปการะเลี้ยงดูคนเอเชีย (คนจีน) ให้มาอยู่ที่บ้านเหมือนเป็นลูกแท้ๆ ซึ่งการจะรับลูกคนอื่นมาเลี้ยงต้องใช้ทั้งพลัง เงิน เวลา ฯลฯ เราเคยถามถึงเหตุผลด้วย โฮสต์บอกว่านี่คือความตั้งใจแต่แรกเลยว่าจะคลอด 1 คน และรับเด็กจากสถานเด็กกำพร้ามาเลี้ยงอีก 1 คน เป็นอะไรที่ดีมากๆๆๆ"
เล่าเรื่่อง Culture Shock
และกฎบ้านโฮสต์ที่ต้องปรับตัว
- หลายคนอาจคิดว่าเด็กยุโรปที่โตระดับนึงคงห่างจากพ่อแม่แล้ว แต่พอไปอยู่สเปนจริงๆ ถึงรู้ว่าเค้าไม่ต่างจากเราเลย คนในครอบครัวสนิทกันมาก
- คนสเปนกินอาหารเลทมากๆ เช่นกินข้าวเที่ยงตอน 4 โมงเย็น
- เวลากินข้าวห้ามเล่นมือถือ โฮสต์จะให้ทุกคนเก็บมือถือไว้ในห้อง ลงมากินข้าวพร้อมกัน และต้องมีเรื่องเล่าด้วย ถ้าใครมีเรื่องเครียดก็ระบายได้แบบไม่ต้องอาย นอกจากนี้แต่ละคนต้องมีหน้าที่รับผิดชอบในมื้ออาหารนั้น เช่น คนนึงเตรียมอาหาร อีกคนล้างจาน ส่วนคนนั้นทำความสะอาดโต๊ะ ฯลฯ โดยทุกเพศก็จะเท่าเทียมกันด้วย ไม่ใช่เกี่ยงงานบ้านไปให้ผู้หญิงอย่างเดียว
- เวลาเจอคนในบ้านต้องทักทุกครั้งว่า “สวัสดี เป็นยังไงบ้าง!” ตอนแรกเราไม่ชิน มีครั้งนึงโฮสต์แม่กลับบ้านมาทีหลัง ส่วนหนูอยู่ในห้อง กะจะว่าจะสวัสดีตอนกินข้าวทีเดียว แต่พอถึงเวลามื้ออาหาร เค้าโมโหมากกกว่าทำไมไม่มีใครออกจากห้องมาทักทายเลย เตือนว่าอย่าทำอีกนะ เสียมารยาท อย่างน้อยต้องออกมาสวัสดีก่อน
10. มาสเปนทั้งทีจะขาดเรื่องเที่ยวได้ไง?
ในเมื่อสเปนเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องสถาปัตยกรรมมากๆ แถมยังมีความหลากหลายทางวัฒนธรรมสูง อยากรู้ว่าเรามีโอกาสไปเที่ยวเมืองไหนบ้าง? แล้วแต่ละเมืองมีความโดดเด่นยังไง?
- Madrid เมืองหลวง มีพิพิธภัณฑ์เยอะมาก ใครชอบงานศิลป์ต้องไปดู มีรูปของคนดังเยอะมากๆ
- Salamanca เมืองเก่า มีมหาวิทยาลัยที่เก่าที่สุดในสเปน เหมือนอยู่ในเมืองพ่อมด5555 แบบแฮร์รี่อะไรอย่างนั้น
- Toledo เมืองหลวงเก่าสเปน ไปเที่ยวได้
- Santiago de Compostela ต้องไปเดินป่า ได้เพื่อนเยอะมาก ธรรมชาติสวยมากๆๆๆ
- Malága ใครชอบทะเลต้องไปเพราะ เมดิเตอเรเนียนสวยมาก คนเยอะ แดดีที่สุด
- Sevilla เมืองใหญ่อันดับต้นๆ ของสเปนเลยค่ะ ตั้งอยู่ภาคใต้ สวยมากกกก เค้าจะชอบไปถ่ายหนังกันที่นี่ แล้วยังมีทีมฟุตบอลด้วย
...................
สุดท้ายแล้วสเปนทำให้ภูมิใจในตัวเอง
"มันเป็นช่วง 10 เดือนที่อยู่แต่กับคนสเปนจริงๆ เพราะเดินทางไปที่อื่นยาก เลยกลายเป็นว่าหนูได้ฝึกภาษาสเปนเต็มๆ จนพัฒนาในระดับที่ภูมิใจกับตัวเองเลยค่ะ เพื่อนถามก็ตอบได้ หัวข้อการคุยกว้างขึ้น เรื่องการเมืองก็เริ่มได้ จนมีคนชมว่าเราภาษาดีจัง หนูได้ยินแล้วดีใจมากกก ถึงตอนนี้จะไม่ค่อยได้ใช้ภาษาสเปนแล้ว ก็ยังทักโฮสต์ไป Happy Birthday และในวันเทศกาลสำคัญๆ ทุกปี หาโอกาสคุย keep contact ให้เค้ารู้ว่าเราจะไม่หายไปจากชีวิตเค้านะ
ดังนั้นถ้าใครมีโอกาสแล้วเราพร้อม ไม่ได้ติดปัญหาอะไร ก็อย่าลังเลที่จะคว้าโอกาสนั้น เพราะมันคือช่วงที่ได้ใช้ชีวิตคุ้มมาก ถ้ากลัวอาจพลาดไม่รู้ตั้งกี่อย่าง จริงๆ ชีวิตคือชีวิตนั่นแหละ ถึงจะอยู่ไทยหรือที่ไหนก็มีโอกาสเจอเรื่องดีและไม่ดีได้ทั้งหมด อาจมีเหนื่อยเพราะอยู่ต่างถิ่น แต่ก็ต้องพยายามปรับตัวเข้ากับครอบครัวและสังคมให้ได้ อย่าลืมว่าเราแค่ปรับไม่ได้เสียความเป็นตัวเอง มันคือการหาตรงกลางไม่ให้ใครต้องอึดอัด
แต่ก็ไม่อยากให้คาดหวังความเพอร์เฟกต์ตั้งแต่แรก ถ้าเจออะไรที่ไม่ดีก็มองเป็นโอกาสเรียนรู้และเติบโต วันสุดท้ายที่หนูเข้าค่ายที่สเปนกับเพื่อนต่างชาติ รู้สึกภูมิใจที่สุดในชีวิตเลยว่าเราทำได้ถึงขั้นนี้นะ บางครั้งเราก็ฝึกตัดสินใจเองสู้เอง พอมองย้อนไปแล้ว 'เราโคตรเก่งเลยค่ะ'”
ตามไปอ่านกระทู้ของน้องรวงข้าวได้ที่
https://www.dek-d.com/board/view/3965908/
https://www.dek-d.com/board/view/3927260
เข้าชมเว็บโรงเรียน I.E.S Donoso Cortés Don Benito
https://iesdonosocortes.educarex.es/
____________________
9 ประโยคเบสิก “ภาษาสเปน” ที่ช่วยทำให้เที่ยวสเปนและลาตินอเมริกาสนุกขึ้น!
https://www.dek-d.com/studyabroad/51213/
Learn Spanish: 5 แชนเนลสุดเจ๋งที่คนอยากเรียน "ภาษาสเปน" ไม่ควรพลาด!
https://www.dek-d.com/studyabroad/50811/
แชร์ 5 เทคนิคใช้เดาความหมายศัพท์ "ภาษาสเปน-ภาษาอังกฤษ" ที่หน้าตาคล้ายกัน!
2 ความคิดเห็น