ฟันธง 10 เทพนิยายที่ถ้าทำเป็นการ์ตูนดิสนี่ย์จะต้องฮอตแน่นอน!

ฟันธง 10 เทพนิยาย ที่ถ้าทำเป็นการ์ตูนดิสนี่ย์จะต้องฮอตแน่นอน!
 

สวัสดีค่ะชาวนักเขียนนักอ่านเด็กดี ส่วนตัวแอดมินคิดว่าคนที่คลิกเข้ามาในบทความนี้ น่าจะเป็นแฟนคลับของดิสนี่ย์อยู่ส่วนหนึ่งเลย จริงไหม...? ตัวแอดมินเอง ดูทั้งการ์ตูนดิสนี่ย์และอ่านเทพนิยายต้นฉบับที่มีความดาร์คมากกว่า และชอบทั้งสองเวอร์ชั่นค่ะ เวอร์ชั่นต้นฉบับ อ่านแล้วก็เรียลดี ส่วนเวอร์ชั่นของดิสนี่ย์ อ่านแล้วก็รู้สึกเหมือนอยู่ในโลกความฝันดี ฟรุ้งฟริ้งดี ซึ่งจริงๆ ระยะหลังๆ แอดมินมองว่าดิสนี่ย์ได้ปรับบทเทพนิยายได้อย่างน่าสนใจและมีเสน่ห์ มีการใส่รายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ต้นฉบับไม่มีเข้าไปด้วย อย่างเช่นเรื่อง โฟรเซ่น ที่ดัดแปลงมาจากเรื่องราชินีหิมะของ ฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์สัน ก็เหมือนแค่หยิบยืมเค้าโครง แต่ไม่ได้นำเสนอให้เหมือนเป๊ะเสียทีเดียว ดังนั้น แอดมินคิดว่า ถ้าหากดิสนี่ย์จะหยิบยกต้นฉบับเทพนิยายเรื่องอื่นๆ มานำเสนอในรูปแบบนี้อีก ก็คงจะน่าสนใจและน่าอ่านไม่แพ้กัน 
 

มาลองดูดีกว่าว่ามีเทพนิยายเรื่องไหนที่ดูจะทำออกมาเป็นการ์ตูนได้น่าสนใจบ้าง เรารวมมาให้สิบเรื่องค่ะ 
 

เจ้าชายต้องพบอุปสรรคนานัปการ
 

หนึ่งในผลงานของแอนดรูว์ แลง นักเขียนผู้รวบรวมเทพนิยายลิทูเนีย เทพนิยายเรื่องนี้ปรากฏอยู่ในหนังสือชื่อว่า The Violet Fairy Book เล่าเรื่องเจ้าชายสามองค์และพี่เลี้ยงสาวสวย วันหนึ่ง เจ้าชายทั้งสามและพี่เลี้ยงสาวเดินทางเข้าไปในป่าและได้พบกับแม่หมาป่าสีเทากับลูกเล็กๆ สามตัว เจ้าชายต้องการจะฆ่ายกครัว แต่แม่หมาป่าได้อ้อนวอนขอให้ไว้ในชีวิต โดยแลกกับลูกๆ ทั้งสามของนาง เจ้าชายก็เลยเอาลูกหมาป่าไป ต่อมา เจ้าชายก็พบกับเหตุการณ์เหมือนกัน นั่นคือ ได้เจอหมาจิ้งจอกกับลูก กระต่ายป่ากับลูก หมูป่ากับลูก และหมีกับลูก ท้ายที่สุด เจ้าชายและพี่สาวและฝูงสัตว์ ก็เดินทางมาถึงจุดหนึ่งที่แยกออกเป็นเส้นทางสามสาย เจ้าชายองค์โตและพี่สาวได้เลือกเดินทางไปทางซ้าย ส่วนเจ้าชายอีกสององค์ไปตามทางสองทางที่เหลือ และทั้งสองก็ได้ผจญภัยหลายอย่าง ทั้งได้พบโจรป่า ได้ช่วยเจ้าหญิงจากมังกร ถูกฆ่าและได้รับการชุบชีวิต รวมไปถึงเอาชนะเมดูซ่า 
 

ด้วยพล็อตที่น่าสนใจ ทำให้เทพนิยายเรื่องนี้เหมาะกับดิสนี่ย์ อาจมีการปรับเรื่องให้เจ้าชายทั้งสามเข้าป่าไปตามหาเจ้าหญิงแสนสวยที่หายตัวไป พร้อมกับสัตว์ต่างๆ ซึ่งคอยช่วยเหลือ เป็นการสอนให้เด็กผู้ชายรู้จักช่วยเหลือสัตว์ต่างๆ และมีน้ำใจ ในเทพนิยายเรื่องนี้ เจ้าหญิงแสนสวยได้ทรยศต่อเจ้าชายองค์โต และปันใจให้กับโจรป่า (อารมณ์พล็อตเหมือนนางโมรา) สุดท้าย เจ้าชายก็ได้เรียนรู้น้ำใจของผู้หญิงว่าไม่ได้รักพระองค์จริง และพระองค์ก็ไม่ได้ยึดเหนี่ยวความรักครั้งนี้ไว้แต่อย่างใด ตรงกันข้ามกลับปล่อยให้เจ้าหญิงเป็นอิสระด้วย  
 

นกพิราบโผล่ออกมาและพูดความจริง
 

เทพนิยายสัญชาติอิตาเลียนเรื่องนี้ เล่าถึงเจ้าชายผู้เย่อหยิ่งและเพื่อนของเขา ทั้งคู่เดินทางเข้าไปในป่าและได้พบกับแม่ม่ายชรากำลังนั่งทำสวนอยู่ด้วยหม้อฝีมือสามีของนาง เจ้าชายกับเพื่อนแย่งเอาหม้อใบนั้นมา ด้วยความโศกเศร้า แม่ม่ายชราได้ร่ายคำสาปใส่เจ้าชาย ให้พระองค์ทรงตกหลุมรักบุตรสาวของยักษ์ และไม่มีวันสมหวัง แต่เจ้าชายไม่สนใจ หลังจากแม่ม่ายชรามา เจ้าชายได้พบกับบุตรสาวแสนสวยของยักษ์ชื่อว่า ฟิลาโดโร่ และตกหลุมรักตามคำสาปของแม่ม่าย แต่มารดาของฟิลาโดโร่ไม่พอใจเจ้าชาย และสั่งให้เจ้าชายทำตามคำสั่งต่างๆ นานา ไม่อย่างนั้นจะต้องโดนกิน เจ้าชายได้พยายามต่อสู้และผ่านเป้าหมายยากๆ หลายๆ อย่าง แต่นางยักษ์หรือจะยอมให้ลูกสาวมาแต่งงานกับเจ้าชาย ก็เลยสาปให้เจ้าชายหลงลืมทุกอย่างหลังจากโดนหญิงอื่นจุมพิต เมื่อกลับไปที่พระราชวัง เจ้าชายได้บอกพระมารดาว่า ได้พบรักแท้แล้ว พระมารดาแสดงความยินดีด้วยการจุมพิตพระองค์ที่แก้ม ทันใดนั้นเจ้าชายก็ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง 
 

ฟิลาโดโร่เฝ้ารอวันที่เจ้าชายจะกลับมารับ แต่แล้วกลับพบว่านอกจากจะหลงลืมนาง เจ้าชายยังเตรียมตัวเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับหญิงอื่นด้วย ฟิลาโดโร่แอบเข้าไปในครัวของพระราชวัง และอบพายวิเศษให้แก่เจ้าชาย เมื่อพระองค์ตัดชิ้นพาย ก็มีนกพิราบบินออกมาและเล่าเรื่องของฟิลาโดโร่ เจ้าชายจดจำฟิลาโดโร่ได้ทันทีและทั้งคู่ก็ได้ครองรักกันในที่สุด เราจะเห็นว่าเทพนิยายเรื่องนี้ เป็นการเอาชนะอุปสรรคแห่งรัก อย่างไรก็ตาม ตอนต้นเจ้าชายได้ทำพลาดไปอย่างไม่น่าให้อภัย ส่วนตัวแอดมินมองว่า เจ้าชายควรได้บทเรียนจากการกระทำอันโหดร้ายสักนิดนะ แต่อย่างว่า เทพนิยายก็คือเทพนิยายนี่นา... จริงไหม 
 

บ่อน้ำที่เจ้าหญิงไปเจอ
 

เทพนิยายเรื่องนี้อาจไม่เป็นที่รู้จักเท่าไหร่ เป็นเทพนิยายอังกฤษที่เล่าเรื่องของเด็กสาวคนหนึ่ง ที่พ่อแต่งงานใหม่กับแม่เลี้ยงใจร้าย หลังจากแม่แท้ๆ เสียชีวิต ด้วยความที่เห็นว่าเด็กสาวสวยขึ้นทุกวันจนจะล้ำหน้าตัวเอง ทำให้นางเกิดความริษยา (คล้ายๆ สโนว์ไวท์นะ) และได้ออกคำสั่งให้ลูกเลี้ยงไปตักน้ำที่บ่อที่มีชื่อว่า บ่อน้ำที่จุดสิ้นสุดของโลก ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่ามันอยู่ที่ไหน เด็กสาวออกตามหาบ่อน้ำจนทั่ว แต่ไม่มีใครรู้ตำแหน่งที่ตั้งของมัน โชคดีที่เธอได้เจอกับหญิงชราร่างเล็ก ที่บอกเส้นทางไปยังบ่อน้ำให้ รวมถึงให้คำแนะนำต่างๆ นานา เด็กสาวดั้นด้นไปจนถึงบ่อน้ำ และพบว่าน้ำนั้นทั้งใสบริสุทธิ์และงดงามที่สุด เธอจุ่มหม้อลงไป แต่กลับพบว่าหม้อน้ำนั้นเต็มไปด้วยรู จึงไม่สามารถกักเก็บน้ำไว้ได้ ทันใดนั้น กบตัวหนึ่งก็โผล่มาถามว่าเกิดอะไรขึ้น พอเด็กสาวบอกปัญหา กบก็เลยพาเธอไปยังบ่อโคลนเพื่อให้อุดรอยรั่วได้สำเร็จ โดยมีข้อแม้ว่าเธอต้องช่วยทำอะไรบางอย่างเพื่อเขา และเมื่อเด็กสาวได้ทำตามที่กบขอร้อง วันต่อมา กบก็กลายร่างเป็นเจ้าชาย และทั้งคู่ได้แต่งงานกัน
 

เป็นเทพนิยายน่ารักๆ ที่พูดถึงเด็กสาวธรรมดาที่เข้มแข็งและมีจิตใจดีงาม เธอช่วยเจ้าชายให้พ้นจากคำสาปและได้แต่งงานกับพระองค์ เทพนิยายเรื่องนี้สอนให้เด็กผู้หญิงเป็นคนที่แข็งแกร่งและรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับผู้อื่น รวมถึงอดทนต่ออุปสรรคต่างๆ นานาด้วย 
 

แฟรี่ลักพาตัวภรรยาไป
 

เรื่องนี้เป็นเทพนิยายของไอริช เรื่องมีอยู่ว่าชาวนาคนหนึ่งอาศัยอยู่กับภรรยาและลูกๆ สามคน ชาวนาไม่ยอมให้ภรรยาไปพบปะกับผู้อื่น รวมถึงไม่ยอมให้นางเชื่อเรื่องศาสนาและไม่ยอมให้เข้าร่วมพิธีใดๆ เกี่ยวกับโบสถ์ คืนหนึ่งภรรยาหายตัวไปเฉยๆ ชาวนาเชื่อว่าภรรยาถูกลักพาตัวไป และพยายามตามหาเธอ จนกระทั่งสัปดาห์ที่หก เขาได้พบเพื่อนบ้านคนหนึ่งและถามว่าเห็นภรรยาของเขาบ้างไหม ซึ่งหญิงสาวเพื่อนบ้านก็ตอบว่า ภรรยาของเขาถูกแฟรี่ลักพาตัวไป ทั้งคู่ก็ลยเดินทางไปช่วยภรรยาของชาวนาได้สำเร็จ โดยหลังจากนั้น ชาวนาได้หันมานับถือศาสนาและรู้จักสวดมนต์สม่ำเสมอ เป็นอีกเทพนิยายที่จะสอนให้เด็กๆ เชื่อในเรื่องของศาสนาและไม่ลบหลู่ผู้อื่น 
 

ดวงจันทร์ถูกจับไว้
 

เทพนิยายฝั่งอังกฤษที่เล่าถึงตำนานของดวงจันทร์ นางแอบได้ยินตำนานเล่าขานว่าในคืนที่ดวงจันทร์ไม่ได้ปรากฏตัว บรรดาผีปีศาจก็จะออกมาข่มขู่ผู้คนทั่วโลก ดวงจันทร์ต้องการพิสูจน์ความจริง ก็เลยสวมเสื้อผ้าปิดหน้าปิดตา และลงมาที่โลกเพื่อตรวจสอบความจริง ผลคือดวงจันทร์ถูกจับไปฝังไว้ในโคลน และปีศาจได้นำเอาหินก้อนใหญ่มาปิดทางออก เพราะไม่ต้องการให้ดวงจันทร์มีโอกาสปรากฏโฉมอีก เมื่อขาดดวงจันทร์ ผู้คนก็ถูกผีปีศาจรังควาญทั่วหน้า จนเกิดความหวาดกลัวไปทั่ว จนท้ายที่สุด ได้มีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ตัดสินใจตามหาดวงจันทร์ หลังจากเดินทางไกลแสนไกล เขาก็มาถึงที่อยู่ของดวงจันทร์ และเคลื่อนหินออก ดวงจันทร์ได้รับการปลดปล่อย และปีศาจก็หายไป เทพนิยายเรื่องนี้มีความน่ารักและมีคำสอนให้เด็กๆ รู้จักกล้าที่จะเผชิญกับความกลัว รวมถึงกล้าหาญและพร้อมที่จะทำเพื่อส่วนรวม ถ้าทำเป็นภาพยนตร์ดิสนี่ย์ น่าจะสนุกทีเดียว 
 

สาวน้อยต้องเต้นรำไปเรื่อยๆ ห้ามหยุด
 

สำหรับเรื่องสาวน้อยรองเท้าแดง แอดมินได้เคยพูดถึงอยู่ในบทความ สาวน้อยรองเท้าแดง เรื่องทั้งหมดเป็นความผิดของใคร มาแล้ว ผลงานของพี่น้องกริมม์ผู้ขึ้นเชื่อเรื่องความโหดร้าย เรื่องย่อก็มีอยู่ว่า คาเรน เป็นเด็กสาวฐานะยากจน แต่ว่าหลงใหลในรองเท้าแดง แม่ของเธอรักและสงสารลูกสาวที่ไม่ค่อยจะมีข้าวของดีๆ ใช้ จึงตัดเย็บรองเท้าแดงให้กับลูก น่าเสียดาย นางป่วยไข้และต้องตายจากไป แทนที่จะระลึกถึงแม่ คาเรนเอาแต่ตื่นเต้นกับรองเท้าแดง และสวมใส่มันทั้งๆ เป็นวันศพของแม่ตัวเอง โชคดีของคาเรน สุภาพสตรีชราผู้เมตตาขับรถผ่านมาเห็นเธอเข้า จึงรับเธอไปเลี้ยงดู อย่างไรก็ตาม สุภาพสตรีชราไม่ชอบรองเท้าแดงและไม่อนุญาตให้คาเรนสวมใส่ เพราะคิดว่ามันไม่เหมาะสมโดยเฉพาะเรื่องใส่ไปเข้าโบสถ์ แต่คาเรนกลับไม่เชื่อฟัง ความหลงใหลรองเท้าแดงทำให้เธอแอบใส่รองเท้าอยู่เสมอ จนกระทั่งวันหนึ่ง คาเรนให้ทหารแก่ขัดรองเท้าให้ เขาเตือนเธออีกครั้งถึงความไม่เหมาะสมในการใส่รองเท้าแดงเข้าโบสถ์ แต่คาเรนกลับเยาะเย้ยเขา ทหารแก่จึงพูดว่า ‘ขอให้เธอสวมรองเท้าแดงและเต้นรำไปจนตาย’ คำพูดนั้นประหนึ่งคำสาปแช่ง เมื่อแอบใส่รองเท้าแดงอีกครั้ง คาเรนกลับบังคับมันไม่ได้ และต้องเต้นรำไปเรื่อยๆ จนเมื่อทนไม่ไหวเธอต้องขอร้องให้เพชฌฆาตฟันขาของเธอขาด และหลังจากนั้น เธอก็กลายเป็นคนที่ใส่ใจศาสนา จนในที่สุด เธอล้างบาปสำเร็จและได้รับการให้อภัยจากทูตสวรรค์  
 

แน่นอนว่าสาวน้อยรองเท้าแดงเป็นนิทานที่ย้ำให้เรามีศรัทธาในศาสนาคริสต์ ถ้าหากดิสนี่ย์นำเรื่องนี้ไปทำเป็นภาพยนตร์ ก็น่าจะดึงดูดใจเด็กหญิงตัวน้อยๆ ทั้งหลายได้ด้วยรองเท้าสีแดง และการเต้นรำอันงดงาม ถ้าทำได้ก็จะเป็นการสอนให้เด็กๆ ได้รู้และเข้าใจถึงความเห็นแก่ตัว และความหลงใหลในข้าวของต่างๆ ด้วย คาเรนต้องโทษเพราะคิดแต่เรื่องที่ไม่สมควรจะคิด ถ้าหากเธออ่อนโยนกว่านี้และเข้าใจโลกมากกว่านี้ ชีวิตคงไม่เจ็บปวดเหมือนตอนจบหรอกนะ 
 

สาวใช้แสนสวย
 

ตำนานของนอร์เวย์ เล่าถึงเจ้าชายคนหนึ่ง ที่ได้รับการว่าจ้างจากยักษ์ โดยยักษ์ระบุว่าเจ้าชายต้องอยู่แต่ในห้องห้ามออกไปไหน แน่นอนเจ้าชายไม่อาจรักษาสัญญา พระองค์ละเมิด และได้พบกับหญิงสาวแสนสวย ที่มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าสาวใช้ เมื่อเจ้ายักษ์มอบหมายภารกิจให้เจ้าชาย หัวหน้าสาวใช้ก็แอบช่วยพระองค์ให้ประสบความสำเร็จ วันแล้ววันเล่า เจ้าชายหาทางบิดพลิ้วกับยักษ์ได้เสมอว่า ไม่เคยพบกับหัวหน้าสาวใช้ จนกระทั่งวันหนึ่ง ยักษ์ได้พาเจ้าชายไปยังห้องของนางและขอให้พระองค์ฆ่าลูกชายของนางไปทำสตูว์ เจ้าชายจึงตัดสินใจว่าจะพาสาวใช้หนี น่าเสียดาย ก่อนจะหนี พี่ชายของเจ้าชายได้มาตามพระองค์ไปงานแต่งงานเสียก่อน ในงานแต่งงานนั้นเอง เจ้าชายเผลอกินแอปเปิ้ลต้องสาปจากเจ้าหญิงที่แอบหลงรักพระองค์มาตลอด และหลงลืมเรื่องของสาวใช้คนสวยที่พระองค์เคยหลงรักจนหมด โชคดีที่สาวใช้ของเราไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา นางต่อสู้ดิ้นรนจนมาพบเจ้าชาย และคลายมนต์ให้กับคนรักของนาง อ่านแล้วเราจะเห็นว่า... เทพนิยายเรื่องนี้ เป็นเรื่องของผู้หญิงที่อดทนและกล้าบากบั่นเพื่อความรักของตน ถ้าหากดิสนี่ย์เอามาทำเป็นการ์ตูนก็คงสนุกทีเดียว เพราะเป็นการผจญภัยของผู้หญิงที่ต้องการตามหารักแท้   
 

ถ้าพูดจาไพเราะก็จะได้สิ่งดีๆ
 

ผลงานเขียนของชาร์ลส์ แปร์โรลต์ นักเขียนชาวฝรั่งเศสผู้โด่งดัง ที่แอดมินเคยทำสรุปไว้แล้วในบทความ เทพนิยายที่สอนเรื่อง ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เพชรและคางคก เรื่องย่อๆ มีอยู่ว่า มีเด็กสาวอยู่สองคนเป็นพี่น้องแท้ๆ คนพี่หน้าตาอัปลักษณ์ แต่คนน้องหน้าตาสะสวย ผู้เป็นแม่รักพี่คนโตมากกว่า และใช้งานน้องสาวเยี่ยงทาส จนวันหนึ่งที่อากาศหนาวมาก นางสั่งให้เด็กสาวคนน้องไปตักน้ำที่น้ำพุ ที่นั่นเอง เด็กสาวได้พบหญิงชรา ผู้เห็นเธอหน้าตาสะสวยและพูดจาไพเราะ จึงมอบพรให้คือ เมื่อพูดก็จะมีดอกกุหลาบและเพชรพลอยร่วงออกจากปาก เมื่อกลับมาบ้าน พี่สาวอิจฉาน้องสาวอย่างหนัก ก็เลยรีบไปบ้าง แต่หญิงชราเห็นพี่สาวหน้าตาอัปลักษณ์และพูดจาร้ายกาจ เลยมอบพรให้เป็นเวลาพูดจะมีคางคกและงูกระโดดออกมาแทน... (โหดร้ายจริงๆ) ต่อมา เจ้าชายผ่านมาและได้พบน้องสาวก็ตกหลุมรักและนำนางไปที่พระราชวัง ส่วนพี่สาวนั้นต้องตายอย่างโดดเดี่ยวเดียวดายในป่า และมีคางคกออกจากปากไม่หยุดยั้ง
 

ถ้าดิสนี่ย์เอามาทำภาพยนตร์ ก็คงจะตลกและสนุกไม่น้อย โดยเฉพาะพวกสิ่งที่ออกมาจากปากนี่แหละ มันจะทำให้เราเห็นว่า... คนเราทำอะไรก็จะได้สิ่งนั้นกลับคืนมา ถ้าหากเราคิดดีทำดี ก็จะได้พบสิ่งดีๆ แต่ถ้าเป็นคนใจร้าย คิดแต่เรื่องร้ายๆ เอาเปรียบคนอื่น เราก็จะได้สิ่งเลวร้ายตอบแทน จริงไหม 
 

เจ้าหญิงทั้ง 12 ไปเต้นรำที่เมืองผี
 

ผลงานของพี่น้องกริมม์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง อันนี้แอดมินก็เคยทำบทความไว้แล้วเหมือนกัน เรื่อง 12 เจ้าหญิงเริงระบำ หรือแท้จริงแล้ว อาณาจักรใต้ดินคือเมืองผี เรื่องย่อๆ ก็คือ ทุกๆ ค่ำคืน เจ้าหญิงทั้ง 12 จะหายตัวไปพร้อมรองเท้าคู่โปรด พระราชาแปลกใจมาก เพราะพระองค์เป็นคนล็อกประตูห้องนอนด้วยตัวเอง และในห้องก็ไม่มีประตูหรือหน้าต่างบานอื่นอีก จึงได้รับอาสาสมัครมาไขปริศนานี้ โดยจะมอบรางวัลเป็นได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงและอาณาจักรครึ่งหนึ่ง อาสาสมัครหลายคนต่างก็พ่ายแพ้ต่อกลยุทธ์การผสมยานอนหลับลงในเหล้าองุ่น และเผลอนอนหลับไป จึงไม่เห็นว่าเจ้าหญิงหายไปไหน แน่นอนว่าทุกคนที่ล้มเหลวถูกประหารชีวิต จนกระทั่งอาสาสมัครคนสุดท้าย เป็นเพียงชายธรรมดาหน้าตาไม่หล่อเหลาและยังเป็นทหารผ่านศึกร่างกายไม่สมประกอบ แต่มีไหวพริบและมีของวิเศษเป็นผ้าคลุมล่องหน เขาเอาฟองน้ำผูกไว้ที่ปลายคางและเทเหล้าองุ่นที่เจ้าหญิงให้ดื่มลงไปในนั้น จากนั้นก็ติดตามเจ้าหญิงทั้ง 12 ไป ความจริงก็คือ เจ้าหญิงทั้ง 12 ซ่อนประตูลับไว้ใต้เตียงนอน พอเข้าห้องพัก พวกเธอก็แต่งตัวอย่างเร่งรีบ และรีบลงทางลัดใต้ดินไปนั่งเรือลำเล็กๆ เพื่อจะเดินทางไปยังอาณาจักรของเจ้าชายทั้ง 12 ซึ่งเป็นคนรักของพวกเธอ ชายอาสาสมัครใช้ผ้าคลุมล่องหนคลุมตัวไป จึงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด และเขายังนำเอาข้าวของต่างๆ ในอาณาจักรกลับมาเป็นหลักฐานอีกด้วย เมื่อความจริงปรากฏ พระราชาทำลายหนทางไปสู่อาณาจักรใต้ดิน และบังคับให้เจ้าหญิงองค์โตอภิเษกกับทหารพิการ รวมถึงแบ่งอาณาจักรให้เขาครึ่งหนึ่งด้วย
 

จะว่าไปแล้ว เรื่องนี้น่าสนใจตรงที่มีเจ้าหญิงมากมายและยังมีฉากงานเต้นรำอันอลังการ ชนิดที่ถ้าดิสนี่ย์ทำเป็นภาพยนตร์ เราต้องว้าวในความหรูหราแน่นอน แถมถ้ามีเรื่องของทหารพิการ ซึ่งเป็นพระเอกที่ไม่ใช่เจ้าชาย ก็จะทำให้เรื่องน่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก... เพราะคนดูอย่างเราคงเผลอเอาใจช่วย ผู้ชายธรรมดาๆ คนนี้ไม่ได้ ที่แน่ๆ แอดมินคงอยากให้ทหารพิการได้ครองคู่กับเจ้าหญิงองค์เล็กที่เขาหลงรัก ไม่ใช่องค์โตหรอกนะ 
 

เจ้าหญิงมีพี่ชาย 11 คน 
 

สำหรับเรื่องหงส์ป่า เป็นผลงานของฮันส์ คริสเตียน แอนเดอร์สัน เรื่องราวของพระราชาที่มีลูก 12 คน เป็นผู้ชาย 11 และผู้หญิง 1 คน ซึ่งเป็นน้องคนสุดท้อง มีชื่อว่าเอลิซ่า ต่อมาราชินีสิ้นพระชนม์ พระราชาแต่งงานใหม่กับราชินีใจร้าย ที่สาปให้เจ้าชายทั้ง 11 กลายเป็นหงส์ แล้วก็หลอกล่อเจ้าหญิงไปฆ่า แต่โชคดีเจ้าหญิงหนีได้ทัน โดยได้ความช่วยเหลือจากพี่ชายหงส์ทั้ง 11 ซึ่งทุกค่ำคืน ก็จะกลายร่างกลับเป็นมนุษย์ตามปกติ เจ้าหญิงได้ค้นพบวิธีแก้คำสาปนั่นคือ ต้องถักเสื้อผ้าทูนิค 11 ตัวด้วยหมามุ่ย โดยระหว่างถัก เธอห้ามพูดกับใครทั้งนั้น ต่อมาพระราชาองค์หนึ่งมาพบเจ้าหญิงและหลงรัก จึงขอแต่งงานด้วย เจ้าหญิงไม่ยอมปริปากพูดจนพระราชากริ้วและโยนเธอเข้าห้องขัง แต่เธอก็ยังตั้งหน้าตั้งตาถักเสื้อต่อไป ท้ายที่สุด พระราชาสั่งให้จับเจ้าหญิงไปเผา จนวินาทีสุดท้าย หงส์ป่าทั้ง 11 ปรากฎกายขึ้น และรับเสื้อไปจากเธอ จากนั้นก็คืนร่างกลับเป็นเจ้าชาย 
 

นี่เป็นเรื่องราวของเจ้าหญิงที่อดทนมาก ถ้าหากมาทำเป็นการ์ตูนจะต้องแสดงถึงความตั้งใจ ความกล้าหาญ และความรักที่มีต่อพี่ๆ น้องๆ แอดมินก็ชอบเรื่องนี้นะคะ จำได้ว่าตอนอ่านสงสารเจ้าหญิงมากที่ต้องอดทนไม่ปริปากพูด แต่ก็ชื่นชมในความตั้งใจมั่นของเธอด้วยเช่นกัน หวังว่าดิสนี่ย์จะเห็นความน่าสนใจและนำเทพนิยายเหล่านี้ไปทำเป็นการ์ตูนบ้างนะคะ อยากดูจัง 
 

ทีมงานนักเขียนเด็กดี
 

http://etc.usf.edu/lit2go/175/grimms-fairy-tales/3061/the-twelve-dancing-princesses/ 
 

http://www.andersen.sdu.dk/vaerk/hersholt/TheWildSwans_e.html